ความคิดเห็นที่ 1 ความคิดคนต่างกันครับ จากคุณ : เดียวก็ตายจากกัน (ไห่) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 22:10:38

ความคิดเห็นที่ 2 แม้จะมีพระเจ้าองค์เดียวกันแต่ละศาสนามีศาสดาคนละคนกันครับ ยูดาย กำลังรอพระเจ้าอยู่ครับ ยดายรอพระเจ้าอยู่ครับเพราะไม่เชื่อว่าพระเยซูคือพระเจ้าเป็นเพียงผู้เผยแพร่พระวจน คริสต์  ถือว่าพระเยซูเป็นพระเจ้าในร่างมนุษย์มาเพื่อปลอยมนุษย์จากความบาป อิสลาม เขาเชื่อว่ามูหมัดคือผู้เผยวจนคนสุดท้ายเป็นพระวจนที่สมบูรณ์แบบที่สุดของพระเจ้า จากคุณ : กบินทร์บุรี เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 22:13:09

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องแยกแบบนี้ก่อนครับ ยูดายเป็นศาสนาของลูกหลานอิสอัค อิสลามในยุคแรกเป็นศาสนาของลูกหลานอิสเมล ตามตำราเชิงประวัติศาสตร์บอกว่าม่านมุฮัมหมัด ครอบครัวของท่านยึดจารีตของอับราฮัมนั้นหมายความว่าท่านยึดจารีตที่มาจากสายของอิสเมล เพราะสายของอิสอัคนั้นจารีตอับราฮัมกลายเป็นศาสนายูดายไปเรียบร้อยแล้ว ข้อแตกต่างของจารีตอับราฮัมกับยูดายนั้น ยูดายจะกล่าวถึงฐัญญัติ10ประการ แต่จารีตอับราฮัมเป็นข้อปฏิบัติที่อับราฮัมทำสมัยมีชีวิตจึงไม่มีลายลักษณ์อักษร และหากมองเชิงสังคมวิทยา จารีตอับราฮัมนั้นเป็นพื้นฐานของวิถีชีวิตของชาวอาหรับในยุคนั้น แต่แตกต่างด้านรายละเอียดปลีกย่อยเพราะไม่มีบัญญัติชัดเจน และข้อปฏิบัติ6ประการนั้น(จริงๆเรียกอะไรซักอย่าง)ก็พั๖นามาจากจารีตของอับราฮัม มาถึงศาสนาคริสต์นั้น เรื่องมันมีอยู่ว่ามีการกล่าวถึงพระผู้ช่วยให้รอด ซึ่งมาจากการที่ชาวยิวถูกรุกราน ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือพระผู้ช่วยให้รอดนั้นเป็นกษัตริย์และเป็นเชื้อสายดาวิด การบังเกิดของพระเยซูหากว่าโดยการเข้าข้างตัวเอง(คล้ายกับการอ้างว่าเหตุการณ์นู้นนี่นั้นเป็นไปตามคำทำนาย)จะเห็นว่ากรณีนี้ตรงตามคำทำนาย แต่ในทางตรงกันข้ามหากจะมองไม่ว่าตรงก็มองได้ ดังนั้นนี้คือจดแตกหักในสมันคริสตกาล และศาสนาคริสต์เป็นการอธิบายเพิ่มเติมของศาสนายูดายและเป็นการปรับระเบียบปลีกย่อยเพื่อเผยแผ่ไปสู่ชาวต่างชาติ และจุดนี้เองที่ทำให้ศาสนาอิสลามนั้นไม่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาคริสต์ แต่เรื่องเล่าบางอย่างเกี่ยวกับศาสนาคริสต์นั้นมาจากการประยุกต์ความเชื่อของชนอาหรับกลุ่มที่เดิมเคยนับถือศาสนาคริสต์มาก่อน ป.ล. ผมอ้างตามหลักประวัตฺศาสตร์และสังคมวิทยาซึ่งอาจจะไม่ถูกต้องนักสำหรับว่าจะมองตามคัมภีร์และคำสอนในแต่ละศาสนา จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 22:44:52

ความคิดเห็นที่ 4 เพื่อเห็นภาพได้ชัดขึ้น ให้เราดูภาพซึ่งอิงเรื่องราวในไบเบิลต่อไปนี้..........เริ่มที่โนอากัน จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 23:12:54

ความคิดเห็นที่ 5 ตามด้วยสมัยของอับราม(อับราฮาม)........ จากคุณ : SURAWISH เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 23:14:54

ความคิดเห็นที่ 6 จริงๆแล้วแค่ชื่อของพระเจ้าก็ต่างกันแล้ว คงเหมือนกันแค่แนวคิดพระเจ้าองค์เดียว จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 54 23:31:48

ความคิดเห็นที่ 7 เอาเฉพาะหลักการจากอัลกุรอานเท่านั้นศาสนาทั้งสาม  เป็นศาสนาเดียวกัน ถูกส่งมาตามลำดับยุคสมัยเพื่อแก้  ไขปรับปรุงบัญญัติในคัมภีร์ ให้เข้ากับสภาพของสังคม  ของยุคสมัย  โดยพระเจ้าเป็นผู้พิจารณาตัวบัญญัติ และ  ถือว่า อัลกุรอานเป็นบัญญัติสุดท้าย ที่ใช้บังคับ และยก  เลิก บางบัญญัติในคัมภีร์ ก่อน อัลกุรอาน  ด้วยเหตุนี้  มุสลิมจึงยึดอัลกุรอานเท่านั้น ซึ่งมาจากพระเจ้าองค์  เดียวกัน  ตามที่บัญญัติไว้ ใน โตรา, และ ซอล์ม  โมเสส และ จีซัส  ยึดถือ พระเจ้า องค์เดียว เช่นเดียว กับ มูฮัมมัด และศาสดา อีก 25 ท่านตามที่ อิสลาม รับรอง  อิสลามไม่ได้ปฏิเสธ ยิว, คริสเตียน และ ผู้ที่กลับใจ  ที่เป็นผู้ที่มี คุณธรรมและจริยาธรรมที่ดี ใช้ชีวิตที่สะอาด  และศรัทธาต่อพระเจ้า จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 03:29:50

ความคิดเห็นที่ 8 คงคล้ายๆ กับพี่น้องแย่งมรดกมั้ง จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 15:38:12

ความคิดเห็นที่ 9 ยูดา รอ พระเมสไซอาห์  มาเป็นกษัตริย์ในอนาคตครับ คริสต์  บอกว่า พระเยซู คือ พระเมสไซอาห์ และพระเจ้าที่จะกลับมา อิสลาม รอ มะฮดีย์ ปรากฏ พร้อม พระเยซู  ของสายชีอะห์มั้ง ต้องมาสักฝ่ายที่เชื่อถูกแล้วกัน  ถ้าทั้ง 3 เชื่อว่าต้องมีผู้ที่มาปรากฏ ถ้าพระเยซูมาจริง จะถูกทั้งคริสต์กับอิสลาม  ส่วนยิวที่ไม่เคยยอมรับพระเยซูก็พลาด ถ้าพระเยซูมาปราบซาตาน แต่ไม่ได้เป็นพระเจ้า  คริสต์ก็พลาด อิสลามถูกไป ถ้าผู้ที่มาไม่ใช่พระเยซูเลย ยิวอาจจะถูกก็ได้  ต้องเลือกแทงข้างที่ชัวน์สิ อิอิ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 17:58:11

ความคิดเห็นที่ 10 การพิสูจน์เบื้องต้น...สามารถทำได้ด้วยกับการพิสูจน์สิ่งบทความที่ถูกบันทึกในคัมภีร์ของศาสนาต่างๆ แต่ละศาสนาครับ เช่น   - ข้อความในคัมภีร์ ขัดแย้ง กับ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่หรือไม่ (ถ้ามาจากพระเจ้าจริงคงไม่มีทางขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์เป็นแน่)  -  ความขัดแย้งกันเองในคัมภีร์ เช่นเรื่องเกี่ยวกับการสร้าง เป็นต้น จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 54 21:24:59

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 10  ผมว่าความแท้จริงชองศาสนาไม่ต้องมีการพิสจน์ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ เพราะวิทยาสตร์ ยังไม่สมบูรณื และจบสิ้น มีการค้นพบใหม่ๆอยู่ เสมอซึ่งบางครั้ง ก็ลบล้าง ทฤษฏีเดิม  ถ้าเราศรัทธาต่อศาสนาใดแล้ว จะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม อย่างจริงใจ  เราไม่ต้องการๆพิสูจน์   เช่นเราไม่อาจจะพิสูจน์ในขณะนี้ได้ว่า  ชีวิต  ของ ตัว เสปอม (Sperm) นั้นมันเกิดอย่างไร?  แต่เราเพียงแค่รู้ว่า มัน หลุดออกจาก เนื้อเยื่อ ของ testicles ซึ่งอบู่ใน  scrotum ของเพศชาย และขบวนการทาง ชีวะเคมีและ ชีวะวิทยา แต่  ไม่ทราบว่า "อะไรทำให้เจ้าตัว สเปอม มีชีตว่ายไปมา และ พบไช่และ เจาะชัยเข้าไปในไข่ได้,ระบบนี้ใครเป็นผู้ควบคุม นักวิทยาศาสตร์ ยังไม่ เข้าใจ และ อธิบายได้ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 01:01:41

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบ จขกท สาเหตุที่ทำให้แยกออกจากกัน ทั้งที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน  คือ การไม่ยอมรับในศาสดาท่านต่อๆมา  ซึี่งนำได้นำข้อบัญญัติจากพระผู้เป็นเจ้ามา บัญญัติเหล่านี้อาจจะมาเพียงเพื่อเพิ่มเติมบัญญัติเดิมก่อนหน้านั้น  หรืออาจจะมายกเลิกของเดิมทั้งหมดและใช้บัญญัติใหม่เพียงอย่างเดียว ศาสดาแต่ละท่านก็จะมีสิ่งยืนยันถึงความเป็นศาสดาที่แท้จริงที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า (หมายความว่า อยู่ๆใครจะมาแอบอ้างว่าเป็นศาสดาไม่ได้เด็ดขาด) หรืออาจจะเรียกรวมๆว่า ปาฏิหาริย์ ถ้าเราลองศึกษา ประวัติของศาสดาทั้ง 3 ท่าน  ก็จะพบเรื่องราวเหล่านี้ จากคุณ : abubilal เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 08:46:25

ความคิดเห็นที่ 13 ผมก็เห็นด้วยกับ คท11 "" ผมว่าความแท้จริงชองศาสนาไม่ต้องมีการพิสจน์ทางวิทยาศาสตร์ ทั้งนี้ เพราะวิทยาสตร์ ยังไม่สมบูรณื และจบสิ้น มีการค้นพบใหม่ๆอยู่ เสมอซึ่งบางครั้ง ก็ลบล้าง ทฤษฏีเดิม "" "" ไม่ว่าจะพิสูจน์ยังไงกุรอานก็ยังคงเดิม แต่ที่ผิดพลาดคือมนุษย์ครับ "" สำหรับผู้ศรัทธาแล้วเขาจะศ๊กษาและพิสูจน์โดยอ้างอิงและยีดอัลกุรอ่านเป็นหลัก เท่าที่อัลลอฮให้ความสามารถแก่เขา เพี่อเพิ่มพูนอีหม่านให้มั่นคงยี่งๆขื้นครับ มีนักวิชาการไม่น้อยรับอิสลามเพราะ ยอมรับผลจากการพิสูจน์โดยทางวิทยาศาสตร์ ลิ้งค์ข้างล่างนี้เป็นการ debate ระหว่าง Dr.Zakir Naik   VS Dr.William Cambell http://www.youtube.com/watch?v=F_in4n60hwY&feature=player_embedded การพิสูจน์ของเขาก็ใช้วิทยาศาสตร์  ครับ......และมันก็ไม่ได้ทำให้ความศรัทธาของเขาลดลงเลยครับ จากคุณ : Daffie เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 12:12:31

ความคิดเห็นที่ 14 สรุปคือ ข้อขัดแย้งเรื่องศาสดาองค์สุดท้าย ตามการตีความของแต่ละกลุ่มความเชื่อใช่มั้ยครับ ผมว่าศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเป็นเสรีและผมว่าความเชื่อของมนุษย์ เนี่ยมันแกว่งไปตามมุมที่แต่ละคนเห็นนะครับ จากคุณ : วันว่างว่าง เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 54 15:44:34

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องนี้ต้องเกริ่นยาวหน่อยนะครับ แต่ถ้าคุรอ่านจบก็จะกระจ่างทุกอย่าง คือชาวยิวสมัยก่อนหน่ะ มีความผูกพันกับ พระเจ้ามาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าตนเองเป็นชาติที่พระเจ้าได้เลือกให้เป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต พระองค์ได้สัญญากับพวกเขา ที่จะให้ดินแดนที่เต็มไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม พวกเขาจึงเดินทางเร่ร่อนเพื่อจะหาดินแดนที่พระเจ้าได้สัญญาไว้ ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน.. พวกเขาต้องประสพกับความทุกข์ยาก การกดขี่ และภัยจากสงครามของชนชาติ มหาอำนาจ (โรมัน) ทำให้ชาวยิวต่างรอคอยพระเมสสิยาห์ (พระผู้มาปลดปล่อย หรือพระผู้ช่วยให้รอด) ที่พระเจ้าจะส่งมาปลดปล่อยพวกเขา (ชาวยิวบางส่วนคิดว่าบุคคลที่จะมาบังเกิดผู้นี้ จะบังเกิดมาเป็นกษัตริย์ เพื่อนำชนชาติไปสู่ความยิ่งใหญ่) ศาสดาประกาศกหลายคนในสมัยก่อน ก็ได้ทำนายเกี่ยวกับการมาของ พระเมสสิยาห์ ยิ่งทำให้ชาวยิวมีความหวังมากขึ้น ้และเมื่อพระเยซูบังเกิดขึ้นมา ซึ่งพระเยซูนั้นสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด (อยากรู้คือใครไปศึกษาเอา) และมีเรื่องราวมากมาย มีการอัศจรรย์ต่างๆ อย่างที่ท่านได้ทราบ ทำให้มีผู้คนศรัทธาในตัวพระองค์ และติดตามพระองค์ ชาวยิวที่เชื่อในพระองค์ว่า คือ "พระเมสสิยาห์" หรือคนที่พระเจ้าส่งมากปลดปล่อย (จากความบาป) คนกลุ่มนี้แหละที่คุณเรียกว่า "คริสเตียน" ส่วนที่ไม่เชื่อก็คงยังเฝ้ารอต่อไป หรือที่คุณเรียกว่า "ยูดาย" ------------------จบ เรียก ทำไมคริสต์ แยกออกจากยูดาย--------------- ทำไมคริสต์ และอิสลามถึงแยกออกเป็นคนละศาสนา ? : --------------- เรื่องส่วนนี้เกิดก่อนพระเยซูนะ --------------- เรื่องนี้เกิดตอนที่อับราฮัม (บรรพบุรุษของชาวยิว) พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมให้ออกจากบ้านเกิดของตน ไปยังดินแดนที่พระเจ้าทรงสัญญา อับราฮัมออกเดินทางพร้อมด้วยนางซาราห์ และพาโลทไปด้วย วันหนึ่งเมื่ออับราฮัมอาศัยอยู่ในที่พำนักนั้น พระเจ้าทรงมีพระดำรัสกับอับราฮัมว่า จะให้อับราฮัมเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ ให้พงศ์พันธุ์มากของเขามีมากดุจดาวบนฟ้า อับราฮัมก็เฝ้ารอ วันแล้ววันเล่าว่าเมื่อไหร่พระเจ้าจะประทานบุตร ผ่านทางนางซาราห์ ภรรยาของตน แต่เนื่องจากอับราฮัมไม่วางใจในพระเจ้า เพราะนางซาราห์ ภรรยาของอับราฮัมเป็นหมัน และนางก็แก่ชรามากแล้ว จะมีบุตรได้อย่างไร นางซาราห์เห็นดังนั้นจึงยกนางฮาการ์ สาวใช้ชาวอียิปต์ ให้เป็นภรรยาอับราฮัม และมีบุตรคนแรกชื่อ อิชมาเอล (บรรพบุรุษศาสดามุฮัมมัดของอิสลาม) เมื่ออิชมาเอลเกิดนั้น อับราฮัมมีอายุได้ 86 ปี แต่อิชมาเอลเป็นบุตรของสาวใช้ ที่ไม่ได้เป็นบุตรที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้กับอับราฮัม เมื่ออิชมาเอลอายุได้ 15 พระเจ้าก็ทรงรักษาสัญญาที่ให้ไว้แก่อับราฮัม โดยทรงประทานบุตรชายให้แก่อับราฮัม โดยนางซาราห์ตั้งครรภ์ ชื่อว่าอิสอัค (บรรพบุรุษฝ่ายพระเยซู) แต่เนื่องจากนางซาราห์ และนางฮาการ์ สาวใช้ของตนผิดใจกัน อาจจะเป็นเรื่องมรดก หรืออะไรก็ตามแต่ (เพราะคริสต์ก็ว่าอย่าง อิสลามก็ว่าอีกอย่าง) สุดทางนางฮาการ์และอิชมาเอล ก็เลยแยกทางไป แต่พระเจ้าทรงสัญญาว่า จะอวยพรพงศ์พันธุ์ของอิชมาเอล เฉกเช่นที่สัญญาไว้กับอับราฮัม ว่าจะอวยพร พงศ์พันธุ์ของเขา บ้างก็ว่า อิชมาเอล คือบรรพบุรุษของชาวเปอร์เซีย บ้างก็ว่า อิชมาเอล คือบรรพบุรุษของชาวอาหรับ จะยังไงก็แล้วแต่มันก็โซนเดียวกันแหละ ประมาณนั้น สรุป อิสอัค (คนน้อง) ------------> พระเยซู อิชมาเอล (คนพี่) -----------------> ศา่สดามุฮัมมัด -----------------จบ------------------------------- แก้ไขเมื่อ 07 ธ.ค. 54 09:42:02 จากคุณ : June Mong เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 16:50:29

ความคิดเห็นที่ 16 อันบน ผิดนะครับ บรรพบุรุษของท่านศาสดามุฮัมมัดคือ อิสมาเอลครับ ไม่ใช่ เอซาว จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 23:32:36

ความคิดเห็นที่ 17 ทุกศาสนา เกิดมาเพื่อให้มนุษย์อยู่อย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนกัน ระดับองค์พระศาสดาแล้ว ไม่มีทางที่จะทะเลาะกันเหมือนมนุษย์ธรรมดาหรอก จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 04:09:45

ความคิดเห็นที่ 18 #16 ขออภัยครับ พอดีจำชื่อผิด อิสมาเอล แหละครับ เดวผมแก้ไขให้ ขออภัย จากคุณ : June Mong เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 09:00:33

ความคิดเห็นที่ 19 เหตุใดศาสนาคริส ,อิสลาม,ยูดาย ถึงแยกออกกันเป็นคนละศาสนา ล่ะครับทั้งที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน ? ? ? เพราะอัสมิมานะ อัตตาตัวตน ของชนชั้นหลังไง จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 54 11:51:50