|
ขอแนะนำดังนี้
-----------------------------
นุ่งขาว ห่มขาว (ก็คือนุ่งกางเกง หรือกระโปรงขาว เสื้อขาว) นั่งหน้าโต๊ะหมู่บูชา
- จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ที่หน้าโต๊ะหมู่บูชาพระพุทธ ในบ้านพัก หรือที่อยู่อาศัยของตนเอง หลังจากนั้นกล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย กล่าวคำถึงไตรสรณคมณ์ (พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ทุติ... ตติ......) แล้ว กล่าวอธิษฐานรักษาศีล ๘ ด้วยตนเอง โดยกล่าวเป็นภาษาไทย ดังนี้
"ข้าพเจ้า ..............(ชื่อ) ขอประกาศรักษาศีล ๘ ข้อ ตลอด........วัน (จะกี่วันก็พูดไป)"
แล้วกล่าวคำสมาทานศีล๘ ดังนี้
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากการลักทรัพย์
๓. อะพรัหมะจริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากการกระทำสิ่งผิดพรหมจรรย์
๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ -ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากการพูดเท็จ
๕. สุรา เมระยะ มัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากการดื่มสุรา เมรัย เสพของมึนเมา อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๖. วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นการทานอาหารในเวลาวิกาล คือหลังเที่ยง จนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่
๗.นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะทัสสะนา มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และงดเว้นจากการประดับทัดทรงดอกไม้ ลูบไล้ร่างกายด้วยของหอมเครื่องประทินผิว
๘. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ - ข้าพเจ้าขอสมาทาน งดเว้นจากการนอนที่นอนสูง ที่นอนใหญ่
อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ ( ๓ ครั้ง)
หลังจากนั้นก็อยู่ที่บ้านของตนเอง ตั้งใจปฏิบัติธรรม สำรวมกายวาจาใจ หรือบำเพ็ญการกุศลอื่น ๆ เช่นสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา หรือทำกิจธุระอื่นใดก็แล้วแต่ โดยไม่ล่วงละเมิดศีล
เมื่อตั้งใจรักษาศีล ๘ ตามที่กำหนดตั้งใจไว้ (จะวันหนึ่งคืนหนึ่ง หรือกี่วันก็แล้วแต่) พอครบกำหนดที่ตั้งใจไว้แล้ว ก็ประกาศลาการถือศีล ๘ แล้วสมาทานศีล ๕ ต่อไป ดังนี้
"ข้าพเจ้า ................ (ชื่อ) ขอลาจากการรักษาศีล ๘ ข้อ นับแต่บัดนี้ และขอสมาทานรักษาศีลทั้ง ๕ ข้อ ต่อไป"
เป็นอันเสร็จพิธี
-------------------------------- ข้อควรทราบ
๑. ศีล ๘ หรือศีลอุโบสถนั้น แท้จริงไม่จำเป็นต้องรับจากพระสงฆ์ก็ได้ สาเหตุที่ชาวพุทธไปรับศีลอุโบสถหรือศีล ๘ จากพระ ก็เพราะบางคน (หรือหลายคน) ไม่รู้ว่าศีล ๘ มีอะไรบ้าง จึงต้องไปขอให้พระบอกให้ทราบ
ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าศีล ๘ มีอะไรบ้าง มีเจตนารักษา ก็สมาทานรักษาไปเลย
๒. ในพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงการรักษาอุโบสถ หรือการรักษาศีล ๘ ของบุคคลต่างๆมากมาย ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่ระบุถึงการสมาทานด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปรับศีลจากพระแต่อย่างใด เช่น
- พระมหาชนกโพธิสัตว์ ว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร จนถึงวันอุโบสถ (วัน ๑๕ค่ำ) ก็อมน้ำทะเล บ้วนปาก แล้วก็สมาทานศีลอุโบสถ
- สสบัณฑิต หรือ พญากระต่ายโพธิสัตว์ ชวนเพื่อนสัตว์ มี นาก สุนัขจิ้งจอก และลิง ให้รักษาอุโบสถในวัน ๑๕ ค่ำ แล้วบริจาคทาน
๓. ที่บอกว่า ประกาศสมาทานศีล นั้น ไม่ได้หมายถึงประกาศใ้ห้พระพุทธเจ้า หรือใครที่ไหนมารู้ว่าตนเองกำลังจะรักษาศีล ๘ แต่เป็นการประกาศย้ำเตือนให้ตนเองนั่นแหละ มีความตั้งใจมากขึ้นว่า กำลังจะสมาทานรักษาศีล ๘ หรือศีลอุโบสถ จะได้มีความมุ่งมั่นในการรักษามากขึ้น
เหตุผลที่คนไปรับศีลต่อหน้าพระสงฆ์ก็เหตุผลเดียวกัน คือ พระท่านไม่ได้ให้ศีลใครหรอก แต่ท่านให้ข้อปฏิบัติ ทีนี้คนที่มารับศีลนั่นแหละ ไม่มีใจมุ่งมั่นเต็มที่ ก็เลยอยากจะประกาศรักษาศีล (๕ , ๘) ต่อหน้าพระสงฆ์ เพื่อที่จะได้ย้ำเตือนว่า มาสมาทานต่อหน้าพระสงฆ์แล้ว ต้องไม่ผิดคำพูด เรื่องก็มีเท่านี้เอง
(จริงๆถ้าเรามั่นใจด้วยตนเองว่า สามารถรักษาอุโบสถ หรือศีล ๘ ได้ โดยไม่บกพร่อง ก็ประกาศรักษาที่บ้านก็ได้)
ผมเองก็มักจะทำเป็นประจำ วันอุโบสถ ขึ้น ๑๕ ค่ำ พออาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันเสร็จ ก็เข้าห้องพระ ประกาศรักษาอุโบสถศีล ๑ วัน ๑ คืน แ้ล้วก็อยู่บ้าน หรือไปทำงาน (ถ้าเป็นวันทำงาน) ตามปกติ พอครบกำหนดก็กลับมาสมาทานศีล ๕ ต่อไป (แต่ศีล ๕ ของผม เปลี่ยนจากข้อ ๓ ในศีล ๕ เป็นข้อ ๓ ในศีล ๘ เพราะตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ไม่มีคู่ครอง)
แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 54 02:49:38
จากคุณ |
:
chohokun
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ธ.ค. 54 02:41:16
|
|
|
|
|