Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
***หลวงพ่อธรรมดาๆ องค์หนึ่ง แต่เป็นมากกว่าทุกคนในชีวิตผม ..(2)**** ติดต่อทีมงาน

ขอเล่าเรื่องหลวงพ่อสมบูรณ์ต่ออีกซักตอนนะครับ
มีเรื่องน่าประทับใจเกี่ยวกับตัวท่านมากมาย  จริงๆ คงเล่าไม่หมด
ท่านเป็นคนที่แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกวันนี้อายุ 80 แล้ว แต่ผมท้าให้ไปกวาดวัดแข่งกับท่านได้
ท่านกวาดแรงมาก และกวาดได้เป็น ชม. บางวัน 2 ชม.กว่า คนหนุ่มๆ อายเลยก็แล้วกัน

ตอนท่านอายุ 60 กว่าๆ ท่านเอาลำโพงไปติดบนยอดเขา ที่สำนักปฏิบัติธรรมของท่าน
คือที่ถ้ำเขาพระ จะมีภูเขา 1 ลูก มีลักษณะเป็นแบบเขาตะปู คือชันขึ้นไป ไม่ใช้เขาแบบลาดๆ
เวลาขึ้นต้อง “ปีนป่าย” คือมีหลายๆจุดที่ต้องโหนตัวขึ้นไป ไม่ใช่ทางเดินลาดๆ ขึ้นไปครับ
ผมเคยลองไปปีน ปรากฏว่าปีนไปได้ครึ่งทาง ไม่กล้าขึ้นไปสุดเพราะกลัวตก
แต่หลวงพ่อเคยเอาลำโพงใหญ่ๆ ไปติดบนยอดเขาถึง 4 ดอก! ไม่รู้ท่านทำได้ไง

เมื่อก่อนหลวงพ่อมากรุงเทพฯ ท่านจะนั่งรถทัวร์มา ใช้เวลาเดินทาง 1 คืน คือนอนมาในรถ
ท่านไม่เคยแสดงอาการอ่อนเพลียเลย ไม่เคยจำวัดกลางวันเลย ก็ทำงาน กวาดวัดตามปกติ
มีครั้งหนึ่งท่านเดินทางจากกระบี่ตอนหัวค่ำมาถึงกรุงเทพฯ ตอนเช้า แล้วตอนเย็นธุระกลับวัดด่วน
ก็ออกเดินทางคืนนั้นกลับกระบี่ ท่านไปถึงวัดก็ทำงานกวาดวัดตามปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลียเลย

อีกครั้งท่านถูกงูกัด ท่านก็จับใส่ถังไว้ดู เป็นงูตัวยาวซักคืบกว่า แต่ก็ปวดน่าดู
หลังจากท่านเอาไปปล่อยก็ไปฉีดยา เสร็จแล้วก็กลับมากวาดวัดตามปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท่านมีกายก็สักว่ากายครับ ผมเดาเอาตามประสาคนชอบเดา

ที่วัดมีระฆังใช้ตีบอกเวลาปฏิบัติธรรม ทำจากปลอกลูกระเบิดเครื่องบิน
สอบถามท่านว่าได้มายังไง ก็ทราบว่าเดิมมีทหารมาถวายวัดสนามใน ที่กรุงเทพฯ
ท่านก็ขอเอามาไว้ที่กระบี่  ผมลองไปยกเล่นดู ปรากฎว่ายกไม่ขึ้นครับ หนักมาก
ผมเลยถามหลวงพ่ออีกว่า หลวงพ่อเอามายังไง ท่านบอกว่า เอาขึ้นรถทัวร์มา!
โอย  งงอีกแล้วครับ   ท่านบอกเอามาได้ก็แล้วกัน  
นี่คือหนึ่งในปาฏิหารย์แบบธรรมดาๆ ที่ท่านแสดงให้ดู

ที่ประหลาดที่สุด ตอนที่ท่านเป็นมะเร็ง หน้าตาท่านดูผ่องใสเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
ท่านบอกว่ารู้สึกว่า ไม่ได้เป็นอะไร ความรู้สึกมันไม่ได้เป็นอะไร มันปกติ
คนมาเยี่ยมท่านบางคนทนไม่ได้ก็ร้องห่มร้องไห้ ในขณะที่ท่านก็ยังยิ้มแย้ม
ท่านเองก็บอกว่างง ว่าตกลงใครป่วยกันแน่ ?

ถึงท่านจะแข็งแรงอย่างไร แต่สังขารก็ยังเสื่อมไป ฝืนไม่ได้  ท่านเดินไกลๆไม่ได้ ท่านจะปวดขา
ปวดจนชนิดก้าวไม่ออกเลยทีเดียว (เวลากวาดวัดนี่ท่านเดินๆ หยุดๆ ไม่เป็นไร)  
ด้วยสำนักท่านค่อนข้างห่างจากหมู่บ้าน ถ้าบิณฑบาตไปกลับก็เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโล
ท่านไม่สามารถเดินไปได้ และเมื่อก่อนท่านอยู่องค์เดียว ไม่มีลูกศิษย์ลูกหา
ท่านไม่เคยเอาใจชาวบ้านเลย กิจนิมนต์ท่านก็ไม่มี เนื่องจากท่านบอกชาวบ้านว่า ท่านสวดไม่เป็น
ถ้าจะนิมนต์ไปสวด ก็ได้ แต่เปิดหนังสือสวดนะ  ชาวบ้านก็ไม่เอาด้วย ไม่ศรัทธาท่าน
จริงๆ เป็นกุศโลบาย ที่ท่านต้องการให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมอย่างเดียว
ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องกิจนิมนต์ ท่านเองก็ชอบอยู่สันโดษ
เนื่องจากท่านบิณฑบาตไม่ไหว ท่านก็หุงข้าวฉันเอง โดยเก็บผักที่ท่านปลูกไว้หลังวัดจิ้มเต้าเจี้ยวฉัน
ท่านก็อยู่อย่างนั้นของท่าน ไม่เดือดร้อน
บางคนอาจจะมองว่าท่านผิดวินัย แต่ด้วยท่านไม่เคยรบกวนญาติโยม ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้นเอง
ถ้าท่านตามใจญาติโยมหน่อย ลูกศิษย์ ลูกหาคงเต็มวัดไปหมด แต่ท่านไม่ทำครับ ท่านมีจุดยืนของท่าน
และทุกวันนี้สำนักของท่านมีแต่ความสงบ ร่มรื่น ไม่มีผู้คนขวักไขว่ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
และผู้ที่ไปหาท่านที่สำนัก ก็พบท่านตลอด เพราะท่านไม่มีกิจนิมนต์ไปไหน  ยกเว้นมากรุงเทพฯ
ท่านมีสติปัญญาในการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้งจริงๆ  เหนือความคาดหมาย แต่ภายนอกท่านดูธรรมดาๆ มากๆ

เวลาท่านอยู่กระบี่ ท่านคือหลวงตา แต่พอมากรุงเทพ ท่านคือ สุดยอดครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง
ได้รับนิมนต์ไปเทศน์ที่ บ้านอารีย์  สำนักพิมพ์ DMG  และมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
สิ่งที่ท่านเทศน์ทุกครั้ง ท่านจะพูดเสมอ ว่าท่านไม่ได้สอน ท่านชี้ให้ดู ชี้ให้เห็นสภาวะธรรมในจิตของเรา
ผมเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเอง ก็ทรงใช้วิธีแบบนี้ คือการชี้ให้ดูโดยส่วนมาก
มิฉะนั้น คนจะบรรลุธรรมกันได้เร็วขนาดนี้เหรอครับ ถ้าพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ชี้ให้ดู
เช่น พระยะสะ “ที่นี่ไม่วุ่นวานหนอ”  ท่านสอนอะไรครับ สอนว่าพื้นที่ตรงนี้ไม่วุ่นวายหรือ
ไม่ใช่ครับ ท่านชี้ให้ ยะสะกุลบุตร เห็นภาวะความไม่วุ่นวายในจิตใจของเขาไงครับ เห็นจิตว่างครับ
เมื่อยะสะกุลบุตรเห็นแล้วก็บรรลุธรรม แบบนี้ make sense ไม๊ครับ
ไม่ใช่ว่าที่ตรงนี้ไม่วุ่นวาย แบบนั้นมันจะเข้าใจธรรมะได้ตรงไหน ยังไง

ยังมีตัวอย่างแบบนี้อีกมากมาย คือการ”ชี้” ของพระพุทธเจ้า ลองไปค้นในพระไตรปิฎกดูครับ
เช่น อนัตตลักขณสูตร ลองไปอ่านดูครับ แล้วลองพิจารณาดูว่าพระพุทธเจ้าท่าน “พูดให้ฟัง” หรือ “ชี้ให้ดู”
ผู้ฟังถึงจะ "เห็น" ตามท่านได้ (การเห็น ไม่ใช่การคิด)
นี่คืออีกอย่างหนึ่งที่ผมยกย่องหลวงพ่อว่าท่านเป็นสุดยอดครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง
ท่านสามารถชี้สภาวะธรรมแบบที่พระพุทธเจ้าใช้โดยส่วนมากได้ !
เห็นไม๊ครับ ผมไม่ได้หลับหูหลับตา ยกย่องเชิดชูท่านแบบงมงาย
ท่านเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลกจริงๆ

จากคุณ : ทางนี้
เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 07:22:13




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com