ความคิดเห็นที่ 1 ในกรณีที่ จขกท ว่ามา ถูก ผิดขึ้นอยู่กับสถานการณ์ บางกรณีที่เคยผิด หากสถาณการณ์เปลี่ยน อาจกลายเป็นถูกได้ ถูกผิด ไม่มี  มีแต่สอดคล้องกับสภาพการณ์ ณ ขณะนั้น ความเชื่อส่วนบุคคลเช่นกัน วันนึงอาจเปลี่ยนได้ การศึกษา็ก็เป็นการปลูกฝังความเชื่อแบบหนึ่ง ...ที่คนส่วนใหญ่สามารถยอมรับได้(ในสภาพการณ์นั้น) เช่นก่อนหน้านี้ซัก 10 ปี ทุกพิพิธพันธ์ในโลก สร้างโมเดลไดโนเสาร์เป็นผิวหนังแบบสัตว์เลื้อยคลานท้งหมด ซึ่งนักวิชาการณ ตอนนั้นให้การยอมรับ ปัจจุบัน โมเดลไดโนเสาร์เริ่มถูกเปลี่ยนแปลงให้มีขน จากหลักฐานอ้างอิงใหม่ ซึ่งนักวิชาการยอมรับได้เช่นกัน โมเดลแบบเดิมที่เคยเชื่อว่าถูกต้อง ปัจจุบันมันไม่ถูกต้องเสียแล้ว จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 14:16:34

ความคิดเห็นที่ 2 สัจธรรมย่อมเป็นสัจธรรม ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นความเชื่อของใคร :) จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 14:18:02

ความคิดเห็นที่ 3 ...        เรียนถามท่าน  ทุกวินาที ด้วยความเคารพครับ           นิพพานมีจริงหรือครับ ทราบได้อย่างไรครับ หรือฟังเขาเล่ามาแล้วจึงเชื่อ อันนี้หรือเปล่าครับ ที่เรียกว่าสัจธรรมในความหมายของท่าน                                                                                                          ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 15:51:01

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าโดยย่อว่าด้วย อุปาทานขันธ์เป็นตัวทุกข์อริยสัจ.   คือความจริงของสิ่งนั้น.   เนื่องกับ อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาญ ของจอมศาสดา ความสิ้นไปแห่งราคะ. (ที่เนื่องกับ ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ เป็นตัวทุกข์อริยสัจ).   ความสิ้นไปแห่ง โทสะ.  ความสิ่นไปแห่งโทหะ.  (ตามปัญญาของพรัพุทธองค์. แล้วสอนให้ผู้อื่น รู้ตรงตามนั้น รวมทั้งแสดง กาลามสูตรด้วย). นั้น ท่านน จขกท.  กำหนดด้วยปัญญาอันยิ่งของท่าน เอง ได้หรือไม่ว่า ที่ตรัสนั้น. ถูก  -  ผิด. (ไม่ใช่ จริงเท็จ) ตามที่เสนอไว้. (ว่าขึ้นอยู่กับ ความเชื่อของพระพุทธองค์) หรือว่า ถูกด้วย จริงด้วย.   ตาม พุทธปัญญา (คำว่า อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 16:12:20

ความคิดเห็นที่ 5 ถูกผิด มี 2 อย่าง 1เหตุผล 2อารมณ์ แต่สุดท้าย มันก็มีแค่ เป็นไปแบบนั้นเอง ตามเหตุและปัจจัย เถียงกันหน้าดำหน้าแดง ให้ตายกันไปข้างนึง ความจริงก็มีเพียง 1 เดียว จะเถียงกันไปทำไม รู้ตัว รู้สึก รู้ได้ ก็รู้ได้เองครับ จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 16:12:30

ความคิดเห็นที่ 6 ใช่บางอย่าง บางอย่างก็ไม่ใช่ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 16:17:28

ความคิดเห็นที่ 7 เรียนความคิดเห็นที่ 3 คุณสองนิ้วชี้ครับ ขอเรียนตามตรงว่าผมเองก็ไม่เคยเห็นนิพพานนะครับ แต่จากประสบการณ์ในการศึกษาและปฏิบัติธรรมมาบ้าง พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายท่านยืนยันว่านิพพานมีจริง ท่านสอนว่า นอกจากโลกมนุษย์ของเรานี้ยังมี นรก สวรรค์ และภพภูมิอื่นอีก ซึ่งพระพุทธเจ้า พระอรหันต์และพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย ท่านเหล่านั้นเชื่อถือได้ และด้วยประสบการณ์ในการปฏิบัติธรรมของตัวเองพบว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนไว้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นจริงทั้งสิ้น ก็ทำให้ไม่กล้าปฏิเสธในเรื่องของนรก สวรรค์ และนิพพาน ด้วยความเชื่อ ณ ปัจจุบันนี้ ผมเองนั้นอุเบกขาเรื่องนิพพานว่ามีหรือไม่มี แต่ผมเชื่อว่า หากเราเดินตามแนวทางและวิธีการที่พระพุทธเจ้าชี้ทางไว้ สักวันหนึ่งต้องได้รับคำตอบด้วยตัวเอง :) จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 17:07:12

ความคิดเห็นที่ 8 ...         ขอบคุณท่าน ทุกวินาที ครับ ที่ร่วมสนทนาธรรมด้วย                                                                             ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 17:08:30

ความคิดเห็นที่ 9 ถูก ผิด นั้นถ้าเอาตามความเป็นจริงแล้ว มันขึ้นอยู่กับว่ามันทำให้เกิดผลอย่างไร? ถ้าถูก มันก็เกิดผลดี ทั้งแก่ตัวเองและผู้อื่น ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต แต่ถ้าผิด มันก็จะเกิดผลเสีย ทั้งแก่ตัวเองและผู้อื่น ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรือในอนาคต   แต่ในทางโลกนั้น เรื่องถูก ผิดจะเป็นเรื่องของการสมมติ และความเชื่อ คือเมื่อใครสมมติว่าอย่างไรถูก เขาก็จะยึดว่ามันถูก หรือใครเชื่อว่าอย่างไรผิด เขาก็จะยึดว่ามันผิด เป็นต้น  ดังนั้นเรื่องถูก ผิดตามสมมติของชาวโลกนั้นจึงเอาแน่ไม่ได้ แต่เมื่อเราต้องอยู่ในโลกสมมติของเขา เราก็ต้องคล้อยตามเขาไป ไม่อย่างนั้นก็อาจเดือดร้อนได้ จากคุณ : What am I? เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 20:41:30

ความคิดเห็นที่ 10 กาลิเลโอ พยายามอธิบายทฤษฎีว่าด้วยโลกกลมให้นักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อ จะบอกว่ากาลิเลโอพยายามไปเป็นความเชื่อให้ผู้อื่นใช่หรือไม่ ไอน์สไตน์อธิบายทฤษฎีสัมพันธภาพให้นักวิทยาศาสตร์ท่านอื่นฟัง แล้วก็ทำสำเร็จ ทุกคนเชื่อด้วยสมมติฐานและการทดลอง จะบอกว่ากาลิเลโอเป็นความเชื่อให้ผู้อื่นได้สำเร็จใช่หรือไม่ เราเรียนภาษา ทำให้เราอ่านออกเขียนได้ สื่อสารกับผู้อื่นเข้าใจ จะหมายความว่าเราถูกปลูกฝังความเชื่อให้อ่านออกเขียนได้ใช่หรือไม่ ความเชื่อเป็นเพียงสิ่งเบื้องต้น เพื่อที่จะทำให้เราทดลองและพิสูจน์ได้อย่างถูกทาง ไม่ใช่ทั้งหมดของสาระ เพราะถ้าความเชื่อของเรามันไม่ตรงกับความเป็นจริง มันก็เท่านั้น ความเชื่อที่ตรงกับความเป็นจริงและเป็นสิ่งที่มีสาระ เราเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ซึ่งจะทำให้เราค้นพบความจริงที่สามารถทำให้ประจักษ์ด้วยสายตาตนเองในภายหลัง แค่ความเชื่อ ไม่สามารถทำให้เราหลุดพ้นจากความไม่รู้ได้ จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 21:32:51

ความคิดเห็นที่ 11 ความถูก-ผิด มีอยู่ในหลายระดับ แต่เนื่องจากเราอยู่ในสังคมร่วมกับคนอื่นๆ ดังนั้นการยอมรับความถูก-ผิดที่ได้รับการยอมรับกันในระดับสังคมจะทำให้การอยู่ร่วมกันในสังคมเป็นไปได้ แต่อาจมีบางกรณีที่ความถูก-ผิดในระดับสังคมขัดแย้งกับความถูก-ผิดในระดับความเชื่อส่วนบุคคล (รวมถึงความเชื่อทางศาสนาด้วย) ก็จะเป็นสิ่งที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกหรือจัดการประนีประนอมอย่างไร จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 54 23:26:36

ความคิดเห็นที่ 12 นิพพาน.ในทิฏฐธรรม.    (นิพพาน ทันควันที่บุคคลนั้นประจักษ์ได้ณ ปัจจุบันขณะนั้นๆ).  มีอยู่ ตามที่ตรัส แก่ภิกษุ เมื่อ ท้าวสักกะ จอมแห่งเทวดา. ทูลถามพระองค์.   ถึง ปรินิพพาน. (ชนิด) ในทิฏฐธรรม ศึกษาพระสูตรนี้เอง จะ ได้ ไ่ม่ประมาม.  เพลินเมามัว ใน นิพพาน หลังจาก ตายเข้าโลงแล้ว พิจารณาที่ตรัสว่า.  " วิญญาณัง โหติ ทตุปาทานัง. "  สำนวนแปล ที่มีคำว่า วิญญาณ คำว่า. อุปาทานฯ จากความจำ วิญญาณอันตัณหาในอารมณ์ (คือ รูป เสียง ฯ).  อาศัยแล้ว วิญญาณนั้นคือ อุปาทาน. (เพราะมีอุปาทานจึงมีภพ เพราะใีภพ จึงชาติ. เพราะมีชาติ ทุกข์คืิอชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมี. ด้วยอาการิย่างนี้) ภิกษุผู้มีิอุปาทาน (ตามอาการที่ตรัสนี้). ย่อมไม่ ปรินิพพานในทิฏฐธรรม ราคะ โทสะ โมหะ.   เนื่องกับ.   วิญญาณ. อัน ตัณหาในอารมณ์. อาศัยแล้ว (เพราะอนุสัยคืิอ อวชาต) อันเป็นสมบัติของ ปุถุชน ใช่หรือไม่ ปุถุชน จึง ไ่ม่เข้าใจ ที่ตรัสว่า.  ความสิ้นไปแห่งราคะ ืโทสะ. โมหะ อันใด.  อันนั้นแล คือนิพพาน จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 07:34:17

ความคิดเห็นที่ 13 คคห๑๒ อะไรถูก อะไรผิด อะไรเท็จ อะไรจริง.  VS.  อะไรถูก. อะไรผิด (ไม่ใช่จริง เท็จ) น่าจะเป็น ตัวอย่าง หนึ่ง.  ที่จะเป็น ที่มาของคำตอบ. ตามที่กระทู้ตั้งไว้ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 07:41:19

ความคิดเห็นที่ 14 #คห3 เสนอพระสูตร ผู้ศรัทธาอันหยั่งลงมั่น ไม่เคลือบแคลงสงสัยในพระรัตนตรัย ใช่หรือไม่? -------------------- ตถาคตเกิดขึ้นในโลกนี้ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้สามารถฝึกคนที่ควรฝึก อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ตถาคตนั้น ทำให้แจ้งซึ่งโลกนี้กับทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาพร้อมทั้งมนุษย์ ด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว สอนผู้อื่นให้รู้แจ้งตาม ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือ แบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐ  บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ พร้อมทั้งพยัญชนะ ดังนี้. #ม. อุปริ. ๑๔/๑๗/๑๖ ---------------------------------------- ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลายเป็นผู้ที่เรานำไปแล้วด้วยธรรมนี้  อันเป็นธรรมที่บุคคลจะพึงเห็นได้ด้วยตนเอง (สนฺทิฏฐิโก),  เป็นธรรมให้ผลไม่จำกัดกาล (อกาลิโก),  เป็นธรรมที่ควรเรียกกันมาดู (เอหิปสฺสิโก),  ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว (โอปนยิโก),  อันวิญญูชนจะพึงรู้ได้เฉพาะตน (ปจฺจตฺตํ เวทตพฺโพ วิญฺญูหิ). #สํ. มหาวาร. ๑๙/๔๒๗/๑๔๑๒ ---------------------------------------- สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติสมควรแล้ว  ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ คู่แห่งบุรุษสี่คู่ นับเรียงตัวได้แปดบุรุษ นั่นแหละ คือสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ เป็นสงฆ์ควรรับทักษิณาทาน เป็นสงฆ์ที่บุคคลทั่วไปจะพึงทำอัญชลี เป็นสงฆ์ที่เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้ #สํ. มหาวาร. ๑๙/๔๒๗/๑๔๑๒ -------------------- จากคุณ : ไม้มณฑารพ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 10:43:30

ความคิดเห็นที่ 15 ศรัทธา >> วิริยะ >> วิริยินทรีย์ >> สติ >> สตินทรีย์ >> สมาธิ >> สมาธินทรีย์ >> ปัญญา >> ปัญญินทรีย์ >> ศรัทธินทรีย์ ---------- ...ดีละๆ สารีบุตร อริยสาวกใดมีศรัทธามั่น เลื่อมใสในตถาคต อริยสาวกนั้นไม่พึงเคลือบแคลงหรือสงสัย ในพระตถาคต หรือในศาสนาของพระตถาคต  ด้วยว่าอริยสาวกผู้มีศรัทธา พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเป็นผู้ปรารภความเพียร เพื่อละอกุศลธรรม  เพื่อยังกุศลธรรมให้ถึงพร้อม มีกำลัง มีความบากบั่น มั่นคง ไม่ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย. ดูกรสารีบุตร ก็วิริยะของอริยสาวกนั้น เป็นวิริยินทรีย์ ด้วยว่าอริยสาวกผู้มีศรัทธา ปรารภความเพียรแล้ว  พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง  จักระลึกถึง ตามระลึกถึง กิจที่ทำและคำที่พูดแม้นานได้. ดูกรสารีบุตร ก็สติของอริยสาวกนั้น เป็นสตินทรีย์ ด้วยว่าอริยสาวกผู้มีศรัทธา ปรารภความเพียร เข้าไปตั้งสติไว้แล้ว  พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักยึดหน่วงนิพพานให้เป็นอารมณ์ ได้สมาธิ ได้เอกัคคตาจิต. ดูกรสารีบุตร ก็สมาธิของอริยสาวกนั้น เป็นสมาธินทรีย์ ด้วยว่าอริยสาวกผู้มีศรัทธา  ปรารภความเพียร เข้าไปตั้งสติไว้ มีจิตตั้งมั่นโดยชอบ  พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้ชัดอย่างนี้ว่า สงสารมีที่สุดและเบื้องต้น อันบุคคลรู้ไม่ได้แล้ว  เบื้องต้นที่สุดไม่ปรากฏแก่เหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกไว้ ผู้แล่นไปแล้ว ท่องเที่ยวไปแล้ว  ก็ความดับด้วยการสำรอกโดยไม่เหลือแห่งกองมืด คืออวิชชา นั่นเป็นบทอันสงบ นั่นเป็นบทอันประณีต คือ ความระงับสังขารทั้งปวง ความสละคืนอุปธิทั้งปวง ความสิ้นตัณหา ความสิ้นกำหนัด ความดับ นิพพาน ดูกรสารีบุตร ก็ปัญญาของอริยสาวกนั้น เป็นปัญญินทรีย์ อริยสาวกนั้นแล พยายามอย่างนี้  ครั้นพยายามแล้ว ระลึกอย่างนี้ ครั้นระลึกแล้ว ตั้งมั่นอย่างนี้ ครั้นตั้งมั่นแล้ว  รู้ชัดอย่างนี้ ครั้นรู้ชัดแล้ว ย่อมเชื่อมั่นอย่างนี้ว่า ธรรมเหล่านี้ ก็คือธรรมที่เราเคยได้ฟังมาแล้ว นั่นเอง  เหตุนั้น บัดนี้ เราถูกต้องด้วยนามกายอยู่ และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ดูกรสารีบุตร สิ่งใดเป็นศรัทธาของอริยสาวกนั้น สิ่งนั้นเป็นสัทธินทรีย์ ของอริยสาวกนั้น ดังนี้แล. >> ศรัทธาสูตร จากคุณ : ไม้มณฑารพ เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 10:45:18

ความคิดเห็นที่ 16 ถูก-ผิด คนเรามักเชื่อมโยงกับ การได้รับรางวัล-การถูกลงโทษ แต่ จริง-เท็จ เป็นคนละเรื่องครับ "สัจจะ" จากคุณ : !? (JitZungkabuai) เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 54 12:39:26