คนเราก็แบบนี้แหละ
[๑.] มองดูบ้านนั้นทำ มันดูแย่มากมาย <นี้ ท่านฯเทียบไว้กับ โดยหลักศาสนาอิสลาม มุสลิมทำบาปด้วยการยินยอมให้ทำได้ มากกว่ามาก ในการทำพลีด้วยชีวิตสัตว์ ในการ กุรบ่าน ที่ กรองคำ ยกขึ้นแย้ง-ชี้แจงต่อท่าน login trialuck[ไตรอลักษณ์] นั้น ใช่หรือไม่ ???
[๒.] แต่บ้านฉันทำ มันก็มีเหตุผลที่ยอมรับได้เสมอ <นี้ ท่านฯเทียบไว้กับ ศาสนาของ กรองคำ การฆ่าสัตว์บาป แต่ทำไมผมเห็นก็ยังมีการฆ่า เพิ่อกิน เพื่อ ขายกันอยู่หล่ะ ซึ่งเป็นการแย้ง คคห.ถึง ศีล ๕ ข้อที่ ๑ ของพุทธศาสนา จากศาสนิกมุสลิม คือ login ดุนยาฯ_คคห.ที่ 60 นั้น <Click: ใช่หรือไม่ ??? ถ้าคำตอบของท่านสวรรค์ฯคือ ใช่ ทั้ง ๒ คำถาม กรองคำก็ขอ วิสัชนา อย่างไม่สั้น ไม่รวบรัด ไม่คลุมเครือ-ไม่กำกวม แต่จะเรียงตาม บริบท ที่ปรากฏ และชี้แจงตามเนื้อความใดๆนั้นๆ เพื่อให้เป็นที่ชัดแจ้งแก่ท่านฯ
เพื่อที่ท่านสวรรค์รำไรจะได้ ลง-แสดงอรรถาธิบายใน เจตนาแห่งคติธรรมนั้นๆของท่านฯ ตามนัยยะที่ท่านฯมี-ตั้งจิตปรารถนา เพื่อให้เป็น ธรรมทาน ไว้แก่ กรองคำ และ พุทธสมาชิกผู้ใฝ่รู้ธรรมทั้งหลาย สืบต่อไป ดังนี้ ฯ กรองคำ ได้ลง คคห.เนื่องต่อ คคห.ของท่านไตรอลักษณ์ <Clicklink:) คือสนทนากับท่านไตรอลักษณ์ ซึ่งเป็น ศาสนิกชนคนไทยในพระพุทธศาสนา และท่านไตรฯได้กล่าวเนื่องถึงพระบรมศาสดาพระองค์นั้นว่า พระพุทธองค์ย่อมจะชื่นชมใน...เปยฯ ไว้ใน คคห.ที่ ๔๒/๕๙ <Clicklink:) ตามที่ได้ยกข้อความส่วนหนึ่งมา นี้ ๕. แล้วแบบนี้พระพุทธองค์ จะมิชื่นชม มุสลิมหรอกหรือ นี่เราว่ากันเรื่องที่เห็นกันชัดๆ อย่างศีลห้าเลยน่ะ ไม่ต้องไปไกล ถึงอะไร ๆ ในพระไตรปิฏกหรอก วิสัชนา : OK_ตัดให้สั้นลง คล้อยตามความเห็นของท่านtrialuck ที่แสดงมาไว้นั้น กรองคำไม่ทราบนะว่าท่านฯซาบซึ้งในเรื่อง ศีล ๕ ประมาณใด เทียบกับ ศีลในหลักของมุสลิมและหลักศาสนาอิสลามมากเพียงใด แต่พระพุทธองค์ พระบรมศาสดา วางข้อเว้นที่ ๑ ไว้กับคุณค่าของ สรรพชีวิต คือ ท่านทั้งหลายต้องไม่ฆ่าสัตว์ (บาลี: ปาโณ น หนฺตพฺโพ) < และข้อนี้ยังปรากฏมาก่อนพุทธกาลอีกด้วย
และเมื่อ พระมหาสัพพัญญุตยญาณเจ้า ได้บังเกิดขึ้นเมื่อ ๒๕๕๔+๔๕ ปี พระองค์ได้บัญญัติคำสอน เรื่องศีลข้อที่ ๑ คือ ปาณาติบาต ไว้ว่า ปาณาติปาตา เวรมณี สิกฺขาปทํสมาทิยามิ เราจักถือศีล โดยเว้นจากการเบียดเบียนชีวิต กรองคำเป็นศาสนิกพุทธ สนทนาต่อท่าน trialuck ซึ่งก็เป็นศาสนิกพุทธ แย้ง-ชี้แจงไปในเรื่อง ศีล ๕ ตามหลักพุทธศาสนา ซึ่งท่าน trialuck ได้ขีดวงขอบเขตของการเปรียบเทียบไว้เองว่า พระพุทธองค์ จะมิชื่นชม มุสลิมหรอกหรือโดยเจาะจงไว้ด้วยว่า นี่เราว่ากันเรื่องที่เห็นกันชัดๆ อย่างศีลห้าเลยน่ะ กรองคำ จึงยก ศีลข้อที่ ๑ ของ ศีล ๕ แห่งพุทธบัญญัติขึ้นมาแสดงให้ท่าน trialuck ได้คิดเปรียบเทียบ ตามจริง พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ ศีล ๕ ขึ้นมาสั่งสอนพุทธทายาท ข้อที่ ๑ เว้นจากการเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น มี ฆ่าสัตว์ใดๆ เป็นต้น แล้วใครที่อาจหาญสำแดงภูมิขึ้นมายกคำ อ้างอิง เพื่อบิดเบือนความ และ ชี้นำความเห็น แทนพระวินิจฉัยแห่งพระบรมศาสดาพระองค์นั้น ว่า พระองค์จะชื่นชมต่อ กรรม ใดๆนั้นๆ อันที่แสดง กรรม-การกระทำ เป็นคัดค้าน-ขัดแย้ง-ตรงข้าม ต่อเจตนาในศีลข้อที่ ๑ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงบัญญัติขึ้นไว้นั้น
เป็นท่าน trialuck ซึ่งเป็นศาสนิกพุทธ ไม่ใช่หรือ ??? ท่านสวรรค์รำไร จงใจมองข้าม-ไม่พิจารณา ตามจริง ที่ว่า คคห.ที่ ๕๙ <Clicklink:) นั้น เป็น คนพุทธ เสวนากับ คนพุทธ แย้ง-ชี้แจงในศีล ๕ ตามหลักพุทธ เนื่องต่อพระพุทธวินิจฉัย มีฝ่าย ๑ เห็นว่าอีกฝ่าย ๑ ตีความตามใจตนเอง เหมารวม~กินรวบ คือคิด-มอง รวมศีลทั้ง ๕ ข้อเข้าเป็นหลักศีลเดียว-ข้อเดียว โดยลืมคิด-ไตร่ตรอง-หลง-รีบด้น เพื่อจะได้ลง คคห.ไปว่า พระพุทธองค์จะทรง ชื่นชม กับการพรากชีวิตสัตว์อื่น ตามที่ตนเอง คือท่าน trialuck เดาสุ่ม-ตีขลุม ยกแปลงศีล ๕ ตามคติคิดของตน ลงเทียบ แนวทางคล้ายศีลในหลักของมุสลิมและหลักศาสนาอิสลาม นั้นเป็นไปในมุมมอง-ความคิดเห็นของตนเอง ขึ้นมาแสดงไว้ในกระทู้นั้น -ใช่หรือไม่ ??? กรองคำ ขอสมมติเป็นเช่นว่าท่านสวรรค์รำไรเป็น ๑ วิมานตุคามเศรษฐี มี บ้าน ๕ หลัง สำหรับความเหมาะสมเพื่ออยู่อาศัยกับ ๕ ฤดู ซึ่งท่านฯเองผู้เดียวที่ยอมเหนื่อยมาทั้งชีวิตเพื่อให้มีสิ่งใดๆเหล่านั้น สำหรับอุปโภคเนื่องต่อบริโภค ทั้งเพื่อตนเองและบริวาร-คือคนในชีวิตตนเอง ณ วัน-เวลานั้นๆ
คือท่านฯให้มีบริวารแห่งเคหะอาคารครบถ้วนทุกประการในบ้าน ๕ ฤดูทั้ง ๕ หลังนั้น และท่านฯและปวงบริวารก็ได้อยู่อาศัยมาด้วยความสงบ คือเวียนอยู่อาศัยใช้ชีวิตในบ้านทั้ง ๕ หลังนั้นไปตามฤดูกาลผ่านเวียน อย่างเป็นปรกติ และมีความสุข มีสันติอันสงบ มีสัมปายธรรมแก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เป็นต้น ปรกติวารผ่านฤดูผ่านกาลมายาวนานจนถึงวันหนึ่ง มีพ่อค้าเครื่องเรือนเก่าเร่ร่อนจรทางเพื่อหาการค้าขายผ่านมาบอกว่า "บริวารแห่งเคหะอาคารในบ้านสำหรับฤดูที่ ๑ ของท่านเศรษฐีหลังนั้น ช่างไม่เหมาะสมเลยนะ ทนอยู่มา ๕๐๐ พรรษาได้เยี่ยงไรฤานี่ บ้า-หาสติไม่เจอแล้วรึป่าวท่านฯ !!!"
ท่านฯจะบอกตัวเองว่า อืมม์ ใช่ ไม่เหมาะสมจริงๆ ข้าพเจ้าไม่ชอบอะไรใดๆในบ้านหลังนั้น-ทั้งนั้นทั้งสิ้นเลย เช่นนั้นหรือ กับสิ่งอันใดนั้นๆที่ท่านฯยอมเหนื่อยมาทั้งชีวิตเพื่อให้มีสิ่งใดๆเหล่านั้น ??? คำตอบของท่านฯ ตามธรรม-ตามจริง ในข้อสมมติถามมานี้-ด้วยตรรกเทียบตามจริงประการนี้-นั้น จะเป็นเช่นใด หนอ ??? [หากโปรดแสดงนัยยะตอบในภายหลังด้วย ก็ย่อมจะยังประโยชน์มากอยู่]
แต่ในส่วนแห่งพระพุทธวินิจฉัยในพระบรมศาสดาพระองค์นั้น ตามฐานชีวิตที่เป็น มนุษย์ เช่นเดียวกับเราท่าน จักเป็นฉันใดหนอ ???
จักทรงชื่นชม หรือ ทรงปริเวทนํ โทรมมนัส ??? [กล่าวเนื่องตามเหตุสมมติ ขอ-โปรดอย่ามีขึ้นธรรมาสน์มาแย้งคำถามเทียบอารมณ์มนุษย์นี้ด้วยสัจจธรรมแห่ง ตถาคตผู้พ้นแล้ว ว่าพระพุทธองค์ย่อมทรงในอุเบกขาธรรม และ/หรือ อะไรๆอื่นๆใดๆประการใดๆ-นั้นเลย-นะ] ย้อนเรื่องเนื่องกลับไปยังความคิดเห็นของlogin trialuck ที่ท่านไตรฯได้ขีดวงไว้ให้แก่ ศีล ๕ แห่งพระุพุทธองค์ แล้วดึงลงไปเปรียบเทียบกับคติธรรมตามคติจิตของตน ตามวาทะอัน กรองคำ ได้ยกไปไว้เป็นข้อที่ ๕ ใน คคห.ที่ ๕๙ ในกระทู้ต้นทาง "สมมติว่า..."<Click:) โดยท่านรถเรณู นั้น ฯ อุปมาดั่ง เจ้าของบ้าน จักชื่นชมสิ่งใดกว่าสิ่งใด...ฉันใด ก็ ฉันนั้น ดังนั้น แล ท่านสวรรค์รำไร เฮย ฯ
[๓.] ข้อ หรือ หลัก หรือ ทางปฏิบัติมีไว้ให้ < คือ ปุจฉา ๑. ข้อ-หลัก-ทางปฏิบัติใด ที่ท่านฯต้องการชี้ ???
[๔.] แต่ มันเพี้ยนไปเพราะคน เสื่อมลงเพราะคน < คือ ปุจฉา ๒. เพี้ยน-เสื่อม ด้วยเหตุ-อุปกิเลส อวิชชากรรมใด หรือตามพระธรรมคำสอนข้อใด ที่ท่านฯต้องการแจง ???
กรองคำ จึงขอเรียนเชิญท่านสวรรค์รำไร ได้โปรดเมตตา ชี้แนะ ข้อ-หลัก-ทางปฏิบัติ ที่ท่านฯกล่าวไว้ว่า เพี้ยนไป-เสื่อมไป เพราะคน ให้ชัดเจนเป็นธรรมทาน แก่ กรองคำ-ผู้ไม่รู้ สัก ๑ อุทาหรณ์ด้วย จัก-ย่อม-เป็น-ยังประโยชน์ต่อ ผู้ไม่รู้ โดยทั่วกัน-ทั่วไปในกลุ่มคน ชนหมู่ใหญ่ ณ ใน สมาคม-สังคมห้องศาสนา โดยเฉพาะ หมู่เฮาขาวพุทธทายาท เหล่านี้ เป็นอย่างยิ่ง ฯ จากคุณ | : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) | เขียนเมื่อ | : 28 พ.ย. 54 14:42:27 | | | |