เพราะว่าเป็นกรรมของเทวทัต
ซึ่งไม่มีฤทธิ์ใดจะเอาชนะกฏแห่งกรรมได้
การทำอกุศลกรรมอันหนัก คือการทูลขอ วัตถุ ๕ ประการ
(เช่น ภิกษุพึงอยู่ป่าตลอดชีวิต, ห้ามฉันเนื้อปลาตลอดชีวิต เป็นต้น)
อันเป็นเหตุต่อมาให้ นำเป็นข้ออ้างในการทำสังฆเภท นั้นเอง
เป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ เทวทัต ไม่ได้พบพระพุทธองค์อีก
---------------------------------------------------------------
(อรรถกถา ธรรมบท)
พระเทวทัตให้สาวกนำไปเฝ้าพระศาสดา
ฝ่ายพระเทวทัตแล เป็นไข้ถึง ๙ เดือน, ในกาลสุดท้าย ใคร่จะเฝ้าพระศาสดา จึงบอกพวกสาวกของตนว่า เราใคร่จะเฝ้าพระศาสดา, ท่านทั้งหลายจงแสดงพระศาสดานั้นแก่เราเถิด. เมื่อสาวกเหล่านั้นตอบว่า ท่านในเวลาที่ยังสามารถ ได้ประพฤติเป็นคนมีเวรกับพระศาสดา, ข้าพเจ้าทั้งหลายจักนำท่านไปในที่พระศาสดาประทับอยู่ไม่ได้ จึงกล่าวว่า ท่านทั้งหลายอย่าให้ข้าพเจ้าฉิbหายเลย ข้าพเจ้าทำอาฆาตในพระศาสดา, แต่สำหรับพระศาสดาหามีความอาฆาตในข้าพเจ้า แม้ประมาณเท่าปลายผมไม่,
จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น
ทรงมีพระทัยสม่ำเสมอในบุคคลทั่วไป คือ
ในนายขมังธนู ในพระเทวทัต ในโจรองคุลิมาล
ในช้างธนบาล และในพระราหุล.
เพราะฉะนั้น พระเทวทัตจึงอ้อนวอนแล้วๆ เล่าๆ ว่า ขอท่านทั้งหลายจงแสดงพระผู้มีพระภาคเจ้าแก่ข้าพเจ้า
ทีนั้น สาวกเหล่านั้น จึงพาพระเทวทัตนั้นออกไปด้วยเตียงน้อย ภิกษุทั้งหลายได้ข่าวการมาของพระเทวทัตนั้น จึงกราบทูลพระศาสดาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข่าวว่า พระเทวทัตมาเพื่อประโยชน์จะเฝ้าพระองค์
พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เทวทัตนั้นจักไม่ได้เห็นเราด้วยอัตภาพนั้น นัยว่า พวกภิกษุย่อมไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าอีก จำเดิมแต่กาลที่ขอวัตถุ ๕ ประการ, ข้อนี้ย่อมเป็นธรรมดา, พวกภิกษุกราบทูลว่า พระเทวทัตมาถึงที่โน้นและที่โน้นแล้ว พระเจ้าข้า
ศ. เทวทัตจงทำสิ่งที่ตนปรารถนาเถอะ, (แต่อย่างไรเสีย) เธอก็จักไม่ได้เห็นเรา.
ภ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเทวทัตมาถึงที่ประมาณโยชน์หนึ่ง แต่ที่นี้แล้ว, (และทูลต่อๆ ไปอีกว่า) มาถึงกึ่งโยชน์แล้ว, คาพยุตหนึ่งแล้ว, มาถึงที่ใกล้สระโบกขรณีแล้ว พระเจ้าข้า.
ศ. แม้หากเทวทัตจะเข้ามาภายในพระเชตวัน, ก็จักไม่ได้เห็นเราเป็นแท้.
-------------------------------------------------------------
จาก ที่แสดงในอรรถกถานี้
เหตุคือ --> การทูลขอวัตถุ ๕ ประการ อันเป็นจุดเริ่มของการทำสังฆเภท เป็นอนันตริยกรรม บาปอันหนัก
ผลคือ --> การที่จะไม่ได้เห็นพระศาสดาอีกเลย, (ตามที่ท่านแสดงไว้ว่า ข้อนี้เป็นธรรมดา)
ฤทธิ์นั้นไม่สามารถเอาชนะกฏแห่งกรรมได้
ดังตัวอย่างเช่น กรณี พระโมคคัลานะใช้ฤทธิ์หนีโจรไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมที่ติดตามมาให้ผลในครั้งนั้น
หรือในเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงใช้พระอานนท์ไปตักน้ำถึงสามครั้ง ครั้งที่สามน้ำจึงจะหายขุ่น
สิ่งเหล่านี้ก็เป็นตัวอย่างของ กฏแห่งกรรม ที่ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงได้
เมื่อมีเหตุก็ย่อมมีผลเช่นนั้นเป็นธรรมดา
และเรื่อง พุทธวิสัย กับเรื่องของกรรมนี้ เป็นอจินไตย ดังที่หลายๆท่านได้ตอบไว้
แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 54 17:38:29