|
....................
นายกนก แสนประเสริฐ ผอ.ส่วนคุ้ม ครองพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักพุทธฯ มีเจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วมกับพระวินยาธิการ ประมาณ ๑๖ คน ในการออกตรวจตราใน ทุกพื้นที่ที่เกิดเรื่อง
“ที่ผ่านมาสำนักพระพุทธฯเอง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาพระสงฆ์ จากพุทธศาสนิกชน ว่าพระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติย่อหย่อนต่อพระธรรมวินัย และประพฤติ
ปฏิบัติไม่เอื้อเฟื้อต่อกฎ ระเบียบ คำสั่งคณะสงฆ์ อย่างเช่น การบิณฑบาตขาดความสำรวม, ทำการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปักกลดในย่านชุมชน, พักค้างแรมตามบ้านเรือน, นุ่งห่มจีวรไม่เรียบร้อย ขณะบิณฑบาต และเที่ยวเตร่เร่ร่อน เรื่องนี้สำนักพุทธฯได้ทำหนังสือข้อเสนอข้อคิด เห็นไปยังเจ้าคณะจังหวัดทุกจังหวัด คือ ให้ เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ กวดขันสอดส่องดูแลพระภิกษุสามเณรในปกครองให้้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด มีจริยวัตรที่ดีงาม เป็นที่ตั้งแห่ง ความเลื่อมใสศรัทธาของประชาชน และให้เจ้าคณะผู้มีหน้าที่รับผิดชอบปกครองพระสงฆ์ในสังกัดให้เป็นไปโดยเรียบร้อย หากพบว่ามีพระสงฆ์ประพฤติปฏิบัติผิดพระธรรมวินัย ระเบียบหรือคำสั่งคณะสงฆ์ หรือผู้แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ต้องรีบ พิจารณาโทษอย่างฉับไว และจริงจัง เพื่อกำจัดอลัชชีให้หมดไป”
ผอ.ส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา กล่าวต่อว่า พระอุปัชฌาย์ต้องเข้มงวดกวด ขันการตรวจสอบประวัติคุณสมบัติผู้ที่เข้ามาขอบรรพชาอุปสมบทให้ถูกต้องตาม พระธรรมวินัย การให้บรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรให้ยึดหลักและถือปฏิบัติตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ (พ.ศ. ๒๕๓๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ และให้พระอุปัชฌาย์อบรมสั่งสอนให้รู้หลักธรรมและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย โดยจะต้องดูแลให้ครบ ๕ ปี ตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗ หากมีความจำเป็น เมื่อบรรพชาอุปสมบทแล้วจะขอไปอยู่ที่วัดอื่น พระอุปัชฌาย์จะต้องฝากเจ้าอาวาส วัดนั้นปกครองดูแลสั่งสอนแทน
นอกจากนี้ นายกนก แสนประเสริฐ บอกว่า ยังมีกรณีที่เป็นอันตรายต่อพระศาสนามากที่สุดคือ บุคคลที่ปลอมบวชเข้า มาอาศัยผ้าเหลืองเพื่อเรี่ยไรเงินจากชาว บ้าน ซึ่งกรณีนี้จะต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเข้าจับกุมเพื่อดำเนินคดี ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๘ บัญญัติว่า ‘ผู้ใดแต่งกาย หรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุสามเณร นักพรต หรือนักบวช ในศาสนาใด โดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคล เช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่ง ปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ’
ทั้งนี้ จากการตรวจตราพระภิกษุสาม เณร ที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัยในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ในปี ๒๕๔๕ พบว่า มีภิกษุสามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่ สมณวิสัย จำนวน ๕๗๑ รูป โดยเจ้าหน้าที่ได้ถวายคำแนะนำให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตาม ระเบียบวินัยสงฆ์ จำนวน ๒๑๙ รูป นำมอบ เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทำการตรวจสอบ และภาคทัณฑ์ไว้จำนวน ๒๘๘ รูป และให้ลาสิกขา ๖๔ รูป ส่วนในปี ๒๕๔๖ มีภิกษุ สามเณรที่มีอาจารไม่สมควรแก่สมณวิสัย จำนวน ๓๓๘ รูป โดยเจ้าหน้าที่ได้ถวายคำแนะนำให้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบวินัยสงฆ์ จำนวน ๒๖๒ รูป นำมอบเจ้า คณะผู้ปกครองสงฆ์ทำการตรวจสอบ และภาคทัณฑ์ไว้จำนวน ๕๐ รูป และให้ลาสิกขา ๒๖ รูป
และหากท่านใดพบเห็นพระภิกษุที่มีอาจารไม่เหมาะกับสมณสารูป แจ้งได้ที่ โทร. ๐-๒๒๔๓-๗๗๑๕..
ที่มา: http://www.baanmaha.com/community/thread28431.html
จากคุณ |
:
??? (เงียบงัน)
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ธ.ค. 54 20:07:05
|
|
|
|
|