Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
@@ ชี้แจงกรณีสักยันต์ ซูเราะฮฺยาซีน @@ ติดต่อทีมงาน

นี่คือโปสเตอร์ประกาศเกี่ยวกับพิธีกรรมสักยันต์ ที่ติดอยู่ที่ร้านแห่งหนึ่ง สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือในโปสเตอร์มีข้อความว่า “ซูเราะฮฺ ยาซีน วิชา สายอิสลาม” ซูเราะฮฺ ยาซีน ไปเกี่ยวข้องอะไรกับพิธีกรรมสักยันต์ ? ก่อนที่จะชี้แจงในรายละเอียดต่าง ๆ คงจะต้องทำความเข้าใจกับพิธีกรรมสัก ยันต์เสียก่อน

 *คำว่า ยันต์ ก็คือคำศัพทที่ได้เอามาจาก พวกพราหมฮินดู เป็นภาษาบาลีหรือสันสกฤต, ก็เรียกว่า Yantra ยันตระ. ยันต์มันมีอยู่ตั้งแต่ ก่อนสมัย พุทธกาล เป็นหลายร้อยหลายพันปี ถือว่าเป็นเวทย์ที่พวก Rishis (พระฤษีฮินดู),ที่ได้แต่งยันต์เป็นเครื่องหมายศักดิสิทธ ิ์เอามนตร์มาลงเป็นตัว อกขระ ให้ขลัง เหล่าพระฤษีทั้งหลาย ก็คือคนที่มีพลังวิเศษ บำเพญตบะ จนพวกท่านสามารถ ที่จะเจาะฟังพวกเทวดา บนสวรรค์ได้...จึงสร้างเขียน บทสรรเสริญ์เป็น คำภีร์พระเวท*
* (http://www.sak-yant.com/thaiblog/)

 

ดังนั้นการสักยันต์จึงไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับศาสนาอิสลามเลย เพราะการสักยันต์นั้น ผู้สักหรือผู้ที่ถูกสักก็มีความเชื่อเกี่ยวกับ ความศักดิสิทธิ์ ความขลัง ป้องกันภัยต่าง ๆ ซึ่งความเชื่อในลักษณะเช่นนี้ว่า มีสิ่งอื่นที่สามารถป้องกันภัยได้นั้น เป็นการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา อย่างชัดเจน แน่นอนเหลือเกินว่า การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺนั้น มีจุดจบอย่างไร

إِنَّ اللَّهَ لَا يَغْفِرُ أَنْ يُشْرَكَ بِهِ وَيَغْفِرُ مَا دُونَ ذَلِكَ لِمَنْ يَشَاءُ وَمَنْ يُشْرِكْ بِاللَّهِ فَقَدِ افْتَرَى إِثْمًا عَظِيمًا

 

“แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์ และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอันใหญ่หลวงขึ้น” (อันนิซาอฺ : 48)

مَنْ يُشْرِكْ بِاللَّهِ فَقَدْ حَرَّمَ اللَّهُ عَلَيْهِ الْجَنَّةَ وَمَأْوَاهُ النَّارُ وَمَا لِلظَّالِمِينَ مِنْ أَنْصَارٍ

 

“...แท้จริงผู้ใดให้มีภาคีแก่อัลลอฮ์ แน่นอนอัลลอฮ์จะทรงให้สวรรค์เป็นที่ต้องห้ามแก่เขา และที่พำนักของเขานั้นคือนรก และสำหรับ บรรดาผู้อธรรมนั้นย่อมไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ” (อัลมาอิดะฮฺ : 72)

เราเองไม่ทราบว่า อ.แขก รือเสาะ นั้นไม่ได้เป็นมุสลิมหรือ เคยเป็นมุสลิมมาก่อน หากแม้นว่า อ.แขก รือเสาะ อ้างว่าเป็นมุสลิม ก็คงไม่เหลือ สภาพการเป็นมุสลิมแล้วกระมั่ง เพราะอ.แขก พัวพันงมงายอยู่กับ พวกเครื่องราง ของขลัง สิ่งต่าง ๆ ที่นำไปสู่การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ และการ นำเอาอายะฮฺอัลกุรอ่านมาสักยันต์นั้น เป็นการเหยียดหยามอิสลามเป็นอย่างมาก  เพราะอัลกุรอ่านเป็นพระดำรัสของอัลลฮฮฺ ที่สูงส่ง ไม่ใช่พยัญ ชนะอันสวยหรูที่จะนำไปเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมอันสกปรกเยี่ยงนั้น ซึ่ง อ.แขก เองก็ได้ทำการสักยันต์ไปแล้ว

 

ขอเรียนว่าอิสลามไม่มีคำสอนใดเกี่ยวกับการสักยันต์เลย ฉะนั้นการใช้คำว่า “วิชาสายอิสลาม” เป็นการโกหก ใส่ร้าย อย่างรุนแรง เพราะวิชา สักยันต์นั้นเป็นแขนงหนึ่งของไสยศาตร์ และวิชาไสยศาตร์นั้น เป็นผลงานของบรรดาชัยฏอน ดังที่พระองค์อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า

وَلَكِنَّ الشَّيَاطِينَ كَفَرُوا يُعَلِّمُونَ النَّاسَ السِّحْرَ

 

“...แต่ทว่าชัยฏอนเหล่านั้นต่างหากที่ปฏิเสธการศรัทธา โดยสอนประชาชนซึ่งวิชาไสยศาสตร์...” (อัลบะกอเราะฮฺ : 102)

     

     บรรดาชัยฏอนนั้น เสี่ยมสอนไสยศาตร์ให้กับมนุษย์ เพื่อหลอกหลวงมนุษย์ไปสู่การตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ โดยการให้มนุษย์นั้นมอบหมายชีวิตกับ วัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง ต่าง ๆ มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิ มัสอู๊ด เล่าว่า ฉันได้ยินท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า

إِنَّ الرُّقَى وَالتَّمَائِمَ وَالتِّوَلَةَ شِرْكٌ

 

“อันที่จริงแล้วเครื่องป้องกันต่าง ๆ เครื่องรางของขลังต่าง ๆ และเครื่องของเสน่ห์ต่าง ๆ นั้น เป็นการตั้งภาคี...”

  

      ฉะนั้น การที่ อ.แขก รือเสาะ บอกว่า “สักยันต์ซุเราะฮฺ ยาซีน วิชาสายอิสลาม” จึงเป็นเรื่องที่โกหก และอาจทำให้มุสลิมที่ไม่มีความรู้นั้น หลงเชื่อได้  อิสลามไม่ได้สอนให้นำอัลกุรอ่านมาเป็นเครื่องรางของขลัง เพราะอัลกุรอ่านนั้น เป็นบทบัญญัติ ข้อห้าม ข้อใช้ต่าง ๆ ในการดำ เนินชีวิต

 

ประการต่อมา ประโยคที่ว่า “ป้องกันภัย 8 ทิศ” มุสลิมจะเชื่อไม่ได้ว่า มีสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺที่สามารถป้องกันภัยได้ พระองค์เท่านั้นที่สามารถ ป้องกันภัย หรือจะทรงให้ภัยเกิดขึ้นกับเราก็ได้ ดังที่พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า

وَإِنْ يَمْسَسْكَ اللَّهُ بِضُرٍّ فَلَا كَاشِفَ لَهُ إِلَّا هُوَ وَإِنْ يُرِدْكَ بِخَيْرٍ فَلَا رَادَّ لِفَضْلِهِ يُصِيبُ بِهِ مَنْ يَشَاءُ مِنْ عِبَادِهِ وَهُوَ الْغَفُورُ الرَّحِيمُ

 

"และหากอัลลอฮฺจะทรง ให้ทุกข์ภัย ประสบแก่เจ้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดปลดเปลื้องมันได้ นอกจากพระองค์ และหากพระองค์ทรงปรารถนา ความดีแก่เจ้าแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดกีดกันความโปรดปรานของพระองค์ได้ พระองค์จะทรงให้ประสบแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จาก ปวงบ่าวของพระองค์ และพระองค์จะเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ" (ยูนุส : 107)

 

ประการต่อมา ประโยคที่ว่า “เสริมอำนาจบารมี” มุสลิมจะเชื่อมิได้ว่าจะมีสิ่งใดทำให้มีอำนาจบารมี แต่พระองค์อัลลอฮฺเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ทรงมีอำนาจ และจะทรงให้อำนาจแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ตัวอย่างเช่น การที่อัลลอฮฺทรงให้อำนาจแก่ท่านนบีสุลัยมาน ในการควบคุมลม ควบคุมบรรดาญิน หรือพูดคุยภาษาของสัตว์ได้  หรือที่พระองค์ทรงให้อำนาจแก่ท่านนบีอิบรอฮีม ที่ไฟนั้นไม่สามารถเผาร่างกายของท่านได้ เป็นต้น ดังนั้นการสักยันต์ไม่ได้ทำให้มนุษย์คนใดมีอำนาจเหนือกว่าผู้ใดทั้งนั้น

 

ประการต่อมา ประโยคที่ว่า “มีเงินทองโชคลาภ” มุสลิมต้องเชื่อมั่นว่า เงินทอง ริซกี ปัจจัยยังชีพต่าง ๆ นั้น เป็นการประทานให้และการกำหนด ของอัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ประกอบกับการขยันหมั่นเพียร ทำงานสุจริต ประหยัด ออมทรัพย์ จ่ายซะกาต เป็นต้น ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร กับการสักยันต์เลยแม้แต่น้อย

 

ประการต่อมา ประโยคที่ว่า “ชีวิตไม่พบอุปสรรค” มนุษย์ทุกคนบนโลกดุนยานี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตาม ทุกคนต้องเผชิญกับอุปสรรค การทดสอบ ต่าง ๆ หลายเรื่อง ไม่มีใครที่จะมีความสุขตลอดชีวิต และก็ไม่มีใครที่จะมีความทุกข์ตลอดชีวิต ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ หรือไม่ศรัทธาก็ตาม พระองค์อัลลอฮฺได้ทรงตรัสไว้ว่า

وَلَنَبْلُوَنَّكُمْ بِشَيْءٍ مِنَ الْخَوْفِ وَالْجُوعِ وَنَقْصٍ مِنَ الْأَمْوَالِ وَالْأَنْفُسِ وَالثَّمَرَاتِ وَبَشِّرِ الصَّابِرِينَ

 

"และแน่นอน เราจะทดสอบพวกเจ้าจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากความกลัว และความหิว และด้วยความสูญเสีย (อย่างใดอย่างหนึ่ง) จากทรัพย์ สมบัติ ชีวิต และพืชผล และเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ผู้อดทนเถิด" (ซูเราะฮฺบะกอเราะฮฺ อายะฮฺที่ 155)

 

ฉะนั้นการสักยันต์นั้นสามารถทำให้ “ชีวิตไม่พบอุปสรรค” จึงเป็นสิ่งที่มุสลิมเชื่อไม่ได้โดยเด็ดขาด

 

อิสลามห้ามการสักยันต์

    อิสลามห้ามการสักทุกรูปแบบ ไม่ว่าการสักนั้นจะสักคำว่า อัลลอฮฺ ก็ตาม ซึ่งจะเห็นได้จากมุสลิมที่ออกมาจากคุก ส่วนใหญ่แล้วจะมีรอยสักกัน ทั้งนั้น ซึ่งผู้ที่สักและผู้ที่ถูกสักนั้น พึงทราบเถิดว่า กำลังถูก สาปแช่งจากท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มีรายงานจากอับดุลลอฮฺ อิบนิ อุมัร ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุมา เล่าว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَعَنَ الْوَاصِلَةَ وَالْمُسْتَوْصِلَةَ وَالْوَاشِمَةَ وَالْمُسْتَوْشِمَةَ

 

“อันที่จริงแล้วท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สาปแช่งผู้หญิงที่มีอาชีพทำผมปลอม ผู้หญิงที่ใช้ผมปลอม ผู้ที่ทำการสัก และผู้ที่ถูกสัก” (บันทึกโดยมุสลิม : 2124)

       

    ดังนั้นสรุปว่า อ.แขก รือเสาะ จะชำนาญในด้านการสักยันต์แบบไหนก็แล้วแต่ แต่การนำพระนามของอัลลอฮฺ หรืออัลกุรอ่านมาเกี่ยวข้องกับ การสักยันต์นั้นถือว่าดูหมิ่นอิสลามเป็นอย่างมาก

 

เพราะอิสลามไม่มีการสัก การสักยันต์เป็นสิ่งที่ผิดต่อหลักการศาสนาอิสลาม ถึงแม้ว่าผู้สักหรือ ผู้ที่ถูกสักจะบอกว่าเป็นมุสลิมก็ตาม และถ้าผู้ที่ถูกสักยังมีความเชื่อว่าสักแล้ว จะป้องกันภัย จะเจอโชคลาภ มีเงินทอง และอีกหลาย ๆ อย่าง เท่ากับ ว่ากำลังตั้งภาคีต่ออัลลฮฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ซึ่งบั้นปลายของผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺนั้น มีจุดหมายเดียวคือไฟนรก อะอูซุบิลลาฮิมินซาลิก
 

http://www.warasatussunnah.net/Article-extra/Sakyan.html

 

จากคุณ : ดุนยาแค่ทางผ่าน
เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 14:55:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com