อนุโมทนาสาธุ กับทุกท่านด้วยนะครับ
(คำถามของ คุณ smiling-girl )
หากเกิดอุบัติเหตุ สลบไป ไม่รู้สึกตัวเลยสองวัน แล้วมาเสียชีวิตในวันที่สาม
หากหมอวางยาสลบ กำลังผ่าตัด แล้วคนไข้ก็เสียชีวิตไปในขณะที่สลบอยู่นี้
ในช่วงนั้น ช่วงที่ไม่รู้สึกตัว ไร้สตินี้ กำลังของจิตจะอ่อนมากๆ
ทีนี้เคยอ่านมาว่า จิตสุดท้ายสำคัญที่สุด แ้ล้วจิตสุดท้ายที่ไม่รู้สึกตัวเลยแบบนี้
จิตสุดท้ายที่กำลังอ่อนมากๆ แบบนี้ เมื่อจุติแล้ว จะไปสู่ภพภูมิใดคะ
ตอบ :
ก่อนอื่นขอให้แยกเป็นสองเรื่องนะครับ
1 มรณกาล
2 มรณสันนวิถี
------------------------------------------------------------------------
1 มรณกาล นี้ หมายเอา เวลานับตั้งแต่ หนึ่งนาที สิบนาที หนึ่งชั่วโมง หรือหลายชั่วโมง ก่อนจะตาย
ในช่วงนี้ เอง นิมิต ๓ (กรรมอารมณ์ กรรมนิมิต คตินิมิต)
อย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมมาปรากฏ
2 มรณสันนวิถี นี้หมายถึง วิถีจิตสุดท้าย เสี้ยวขณะ(ไม่ถึง 0.00001 วินาที )ก่อน ตาย
------------------------------------------------------------------------
(อธิบายโดยละเอียด)
1 มรณกาล
ในช่วงก่อนตายนี้ ถึงแม้ผู้ป่วยที่สลบอยู่นั้นจะไ่ม่รับรู้ ก็คือเป็นการไม่รับรู้ทาง ปสาทกายหรือหู เป็นต้นเท่านั้น
แต่ความเป็นไปของวิถีจิตนั้นยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และจะต้องปรากฏ นิมิต ๓ อย่างใดอย่างหนึ่งในช่วงนี้เสมอ
ท่านอรรถกถาจารย์และฎีกาจารย์ได้อธิบายว่า
การเกิดขึ้นของนิมิต ๓ นี้เกิดด้วย กมฺมพเลน หรือ
อำนาจกรรมที่ได้โอกาสส่งผลปฏิสนธิในภพที่สอง นั้นเอง
กรรมที่ได้โอกาสส่งผลปฏิสนธิในภพที่สองนี้เป็น
- อาจิณกรรม (กรรมที่เคยทำไว้เป็นประจำ) ก็มี
- อาสันนกรรม (กรรมที่ทำไว้ตอนใกล้ตาย) ก็มี
- กฏัตตกรรม (กรรมเล็กกรรมน้อยต่างๆ) ก็มี
เป็นต้น
กรรมเหล่านี้เอง ก็เป็นปัจจัยให้เกิด
- กรรมอารมณ์ เช่น เป็นความรู้สึก ปีติ อิ่มใจ เมื่อครั้งเคยได้ทำบุญ
- กรรมนิมิต เช่น เห็น เครื่องไทยธรรม วัดวาอาราม เมื่อครั้งไปทำบุญ หรือเห็นสัตว์ที่เคยฆ่าไว้ มาปรากฏ
- คตินิมิต (เห็นอารมณ์ของภพถัดไปที่จะไปเกิด) เช่น เห็น วิมาน ราชรถ หรือ ป่า เหว เครื่องประหาร เป็นต้น
จะต้องเกิด อย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างนี้เสมอ ในมรณกาล
(แม้จะมีระเบิดมาลง โดนปืนไรเฟิลยิงตายก็ตามที)
ตโต ปรํ ตเมว ตโถปฏฺฐาตํ อารมฺมณํ อารพฺภ จิตฺตสนฺตานํ อภิณฺหํ ปวตฺตติ
ต่อจากอารมณ์มีกรรม กรรมนิมิต คตินิมิต เหล่านั้นมาปรากฏแล้ว กระแสจิต
ย่อมเกิดอยู่เนืองๆ โดยอาศัยอารมณ์ที่มาปรากฏตามอาการนั้นๆ นั่นเอง
2 มรณสันนวิถี
เมื่อวิถีจิตเกิดสืบต่อ โดยยึดใน นิมิต ๓ อย่างใดอย่างหนึ่งนั้นไว้
จนถึงกาลสุดท้่าย ก็จะเกิด มรณาสันนวิถี และจุติขึ้น ต่อจากนั้น
ก็จะเกิด ปฏิสนธิจิต ในภพชาติถัดไปทันทีโดยไม่มีระหว่างคั้น
โดย ปฏิสนธิจิตนั้นเอง ก็มีอารมณ์ที่จิตยึดหน่วงเหมือน มรณสันวิถีนั้นเอง
เขียนวิถีจิต ยกตัวอย่าง เช่น
ภ น ท มโน ช ช ช ช ช จุติ I ปฏิ ภ ภ ภ ภ ภ ภ
(เสี้ยววินาทีสุดท้ายในชาตินี้) (ปฏิสนธิจิตเกิดในชาติถัดไปทันที)
< ---- วิถีจิตทั้ง 17 ขณะนี้ มีอารมณ์ นิมิตเดียวกัน --->
(จุติ = จุติจิต, ปฎิ = ปฏิสนธิจิต)
ที่กล่าวกันว่า มรณาสันนวิถีจิตมีกำลังอ่อน ก็เพราะ มี ช (ชวนะ) ๕ ขณะนั้นเอง
ที่มีเพียง ๕ ขณะ เพราะจิตใจมีกำลังอ่อนเต็มที จะขาดใจอยู่แล้ว
ส่วนในเวลาปกตินั้น วิถีจิตทั่วไปจะมี ๗ ขณะ คือ
ภ น ท มโน ช ช ช ช ช ช ช ต ต ภ
1 2 3 4 5 6 7
อย่างไรก็ดี เรื่องจำนวนชวนะนี้อาจจะยังไม่ต้องพิจารณามาก
แต่ให้ดูสำคัญที่ลำดับคือ
- ในเวลาหลายนาทีก่อนตาย (มรณกาล) จะมี นิมิต ๓ อย่างใดอย่างหนึ่งมาปรากฏก่อนเสมอ (แม้จะป่วยสลบไม่รับรู้อารมณ์ภายนอกก็ตามที)
- กระแสจิต จะยังเกิดดับขึ้นสืบเนื่องต่อไป โดยยึดเอา นิมิต นั้นเองเป็นอารมณ์
(ในช่วงนี้ ถ้าผู้ป่วยยังมีสติรับรู้ และเกิดนิมิตที่ไม่ดี ญาตก็อาจจะช่วยได้บ้าง
เช่นให้มองดูพระพุทธรูป ให้ฟังเสียงสวดมนต์ต่างๆเป็นต้น ให้เกิดกุศล
ไปสนับสนุนวิบากดี หรือไปตัดรอนวิบากไม่ดีได้บ้าง)
- มรณสันนวิถีจิตสุดท้ายจะเกิดขึ้น จุติจิตจะเกิดขึ้นและดับลง ต่อจากนั้น
ปฏิสนธิจิตในภพถัดไปก็จะเกิดขึ้น โดยยึด อารมณ์ตามนิมิต ก่อนตาย
จากภพก่อนนั้นเองเป็นอารมณ์
- ส่วนที่ถามว่า จะไปจุติในภพใด จะรู้แน่ชัดก็คงจะต้องมี จุตูปปาทญาณ (ด้วยอภิญญา)
แต่จากหลักเรื่องมรณุปปัตติ ดังที่ได้อธิบายมานี้ ก็เป็นหลักแสดงให้รู้ได้
คือ
ถ้ากุศลกรรมกำลังจะส่งผลให้ไปปฏิสนธิใน สุคติภูมิ
กรรมอารมณ์ กรรมนิมิต คตินิมิต ก็จะเป็นอารมณ์ที่ดี
กระแสจิตก็บริสุทธิผ่องใสเยือกเย็น
ถ้าเป็นอกุศลกรรมกำลังจะส่งผลให้ไปปฏิสนธิใน อบายภูมิ
กรรมอารมณ์ กรรมนิมิต คตินิมิต ก็จะเป็นอารมณ์ที่ไม่ดี
กระแสจิตในมรณกาลก็ขุ่นมัว เศร้าหมอง เร่าร้อน
แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 54 08:28:56
แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 54 08:09:19