ความคิดเห็นที่ 1 ธรรมกาย ใน ความหมายของหลวงพ่อวัดปากน้ำคือ ธรรมกายพระอรหันต์ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า    แต่ธรรมกายในความหมายอื่น ก็ คือธรรมกายที่หมายถึง นามที่แทนพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า    เดี๋ยวคืนนี้มาอ่านต่อครับไม่ได้อ่านพระไตรปิฏกมานานแล้ว จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 16:12:25

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้นี้. เรื่อง สมาธิแบบ คำว่า วิชาธัมมกาย คุณฯ KOB. ON. KALA. ไม่ได้อ่านกระทู้ เนื้อความกระทู้ ตรง กล่าวถึง เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต. ฯ ตามจูฬสุญญตาสูตร. หรือครับ ถ้าคุณฯ ทราบ ช่วยเสนอด้วยครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 16:29:27

ความคิดเห็นที่ 3 " เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต".   หมายถึง อรูป   เหรอเปล่าครับ แล้วทำไมจึงใช้คำว่าดวงตาเห็นธรรมครับ แสดงว่าธรรมะ สามารถเห็นได้ ถูกต้องไหม จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 18:27:39

ความคิดเห็นที่ 4 คือช่วงนี้ไม่ค่อยได้อ่านพระไตรปิฏกน่ะครับ ฉะนั้นรบกวนคุณเซน ฯ ขยายความ   "เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต.  ตาม พระพุทธภาษิต. จูฬสุญญตาสูตร" ครับ  แล้วเกี่ยวกับ คห. 21 อย่างไรครับ  ค่อย ๆ เป็น ค่อยไปน่ะครับ เพราะ ความรู้ในไตรปิฏกตอนนี้ค่อนข้างน้อยและจำไม่ค่อยได้ และจะพยายาม เสริช ดู จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 19:40:20

ความคิดเห็นที่ 5 คคห ๓ (๑) ดูจูฬสุญญตาสูตรครับ ตรัส คำว่า. เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ไม่ใช่ครับ อรูป คือ รูปแบบหนึ่ง ทีาต่างจากรูป(ภพ)ครับ (๒) ดวงตา. ภาษาคน(ที่ตรัส). หมายถึง ธรรมจักษุ (มาตัณฑิยสูตน มีคำว่า อริยจักษุ) ครับ ดวงตาเห็นธรรม(ที่ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง ไม่เคยฟังจากใครมาก่อนคือ ธรรมที่ชื่ิปฏิจจสมุปบาท) คือ ภาวนามยปัญญาขั้นโสดาบัน มีดวงตาธรรมเห็นธรรมนี้ (๓). เห็นได้ คือ เห็นด้วยมนายตนะ ที่ประกอบด้วย อริยมรรคมีองค์๙. มีสัมมาสมาธิเป็นประมุข มีสัมมาสติเป็นฯ(ลืมแล้ว ที่ตรัสพระสูตรนี้) (๔). เห็นธรรมได้ ตามที่ถาม.  ดูความหมายที่ว่า สวากขาโต ภควตา ธัมโม. สันทิฏฐิโก อกาลิโกฯ ปัจจัตตัง เวทิตตัพโพ วิญญู หิติ หมายเหตุ ขอบคุณ ที่ถามครับ คุณventure ตอบแบบนี้ อ่านง่ายไหมครับ อ้อ อ่านอีกกระทู้ ที่ถามเรื่อง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งนั้น ถ้าอ่านแล้ว ไม่เหมือนที่ตอบกระทู้นี้ละก็.  อย่าสงสัย อะไรนะครับ อ่านเอาความนะครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 20:40:52

ความคิดเห็นที่ 6 คคห. ๔ สัมมาสมาธิ คือรูปฌานทั้งสี่ คือ เจโตสมาธิที่มีนิมิต(หรือจิตตสมาธิที่มีนิมิต). ที่พระอนาคามี กำลัง กำหนดด้วย สติในสมาธิคือรูปฌานที่ ๔ ที่ตรัสว่า ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่ อรูปฌานทั้ง๔. ที่พระอนาคามี เกี่ยวข้อง ด้วย สติในสมาธิ. ตามสภาวุที่เสนอไว้ ๒บรรทัดบนเป็นฐานคือ เจโตสมาธิ ที่มี อรูป (คือธัมมารมณ์แห่งอรูปฌานนั้น). เป็นนิมิต (เครื่องกำหนด) รูปฌาน ๔ อรูปฌาน. ๔ คือ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต สัญญาเวทยิตนิโรธ.ทีพระอนาคามีเจริญ โดยอาศัย รูปฌาน ๔  อรูปฌาน ๔ ต่อกันตามลำดับ  คือ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต. ปรมานุตตรสุญญตา(วิหาร. คือธรรมเป็นิครื่องอยู่ของจิตตสมาธิของพรัอนาคามีนั้น). คือเจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ตามจูฬสุญญตาสูตร ถ้า ข้างบน ไม่ตรงตามตำราหรือคำของท่านใด   กาลามสูตร นะครับ ถ้าถามว่า ตรัสไว้ใจสูตรไหน ก็ที่ตรัสใน โปฏฐปาทสูตร จูฬสุญญตสูตต นั่นแหละ บวกอานาปานสติสมธิภาวนาฯ ผมกลั่นเสนอ. จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 20:56:55

ความคิดเห็นที่ 7 ท่านเซนลองอ่านหนังสือคู่มือสมภาร ตาม http://sites.google.com/site/aramboywatpaknum/prawati-hlwng-phx-chbab-ebook ตอนที่ 4 หลวงพ่อได้อ้างพระไตรปิฏกกับแนวทางปฏิบัติของท่านไว้เรียบร้อยแล้ว อาจจะละเอียดกว่าเพราะเป็นผลการปฏิบัติของท่าน แล้วท่านเห็นว่าไม่ตรง พระไตรปิฏกตรงไหนอีก พระไตรปิฏกหรือคู่มือที่ท่านนำมาประยุกต์ใช้ ถ้า เทียบตามตัวอักษรอาจจะงงได้เพราะมันเป็นผลการปฏิบัติ จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 21:56:45

ความคิดเห็นที่ 8 มีเจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ตามจูฬสุญญตาสูตรไหมครับ เอาขึ้น คำสอน ที่ออกจากปาก กันก่อน ไม่ใช่แอะอะก็ปฏิบัติๆๆๆ คู่มือ หรือแผ่นที่.  สำคัญครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 22:09:44

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีของหลวงพ่อสดวัดปากน้ำ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 22:36:15

ความคิดเห็นที่ 10 อ้อ นิมิตร มันเป็นอย่างนี้ นี่เอง     อืม การฝึกวิชชาธรรมกายก็คือการทำใจหยุดใจนิ่ง ก็คือสมาธิชนิดหนึ่ง   แต่แนวทางการฝึกน่ะมันไม่ตรงครับ มีหลายวิธีที่จะไปหาจุดเดียวกัน แต่ต้องเทียบเคียงกันว่าอันนี้มันอะไร เทียบกับคัมภีร์แล้วมันคืออะไร    ผมเข้าใจว่าตอนเข้าถึงกายต่าง ๆ นั้นที่เห็นไม่ใช่นิมิตรแล้ว แต่เป็นของจริง มีจริง เสมือนว่าท่านได้ไปภพภูมิต่าง ๆ มันมีอยู่จริงมันไม่ใช่นิมิตร แต่บางทีบอก ว่าเห็นในนิมิตร อันนี้มันคนละอันกัน      ตอบช้าหน่อยนะครับ งานมันเข้ามาเป็นระยะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 54 23:06:19 จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 23:03:24

ความคิดเห็นที่ 11 ถามคุณเซนว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ ปฏิบัติสมาธิก่อนจะตรัีสรู้ ท่านระลึกชาติได้ เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ที่แปลว่ารู้ว่ามีอดีตชาติ ย้อนกับไประลึกได้ แล้วภาพที่เจ้าชายเห็นเรียกว่า นิมิต ใช่ไหม คุณเซนเคยหลับแล้ว ฝัน บ้างมั๊ย อย่าไปเข้าใจว่า นิมิต คือภาพในจินตนาการนะครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 23:19:00

ความคิดเห็นที่ 12 ใครสามารถรู้ภาษาสัตว์วิบัติได้ ผมว่า คนคนนั้นเป็นคนสวดยอดเลยนะ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 54 23:50:04

ความคิดเห็นที่ 13 คคห ๑๑ นิมิต. แบบที่คุผณถามผม มันเด็กๆ ครับ.  ใครๆก็หมายรู้ หรือ รู้หมาย เพราะเหตุใดนั้น คุณventure. เคย้หมือนผม ไหม หลับอยู่ (ไม่มีนาฬิกาดูว่า กี่โมงยาม) แล้ว มี สติว่า จะฝันนี้ ไม่ฝันวะ.   ก็ไม่มีนิมิต.   อะไร วินาทีแรกที่ตื่น ก็ระลึกได้ถึง.  (มีสติเนื่องกับสัญญา).  อาการบรรทัดบน ประสบการณ์นี้. เนื่องกับ กำลังเจริญอานาปานสติสมาธิ ขั้นสูงกว่าขั้นมัธยม กาลามสูตร.  คุณ venture ถ้าคุณยังไม่มีประสบการณ์ เช่นที่ผมมี เห็นที จะเข้าใยอาการแห่งสภาวะนั้น ไม่ได้เช่นที่ผมผ่านมา ส่วนที่เสนอไว้ว่า. อย่าไปเข้าใจว่า นิมิตคือภาพในจินตยาการนะครับ นั้น ผมเดาว่า คุณventure. ไม่รู้อีกว่า.   ความเคยชิน. ที่คืิอ สัญญา ที่ตรัสคำว่า ปปัญจสัญญาฯ นั่นก็คืิ นิมิต แบบหนึ่ง สรุป ศึกษาปฏิบัติ เพื่อผลใดนั้น แล้วสอบทานกับ พระพุทธองค์.  นะครับ. จะชื่อว่า. เป็นผู้ไม่ประมาท. และ ไม่อวดฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 07:09:06

ความคิดเห็นที่ 14 คคห ๑๒ เราคือ คุณฯกับผม ไม่เคยรู้จักกัน ใช่ไหมครับ เข้ามาแสดงความเห็น แบบที่เสนอ ไม่ตรงประเด็น น่าจะชื่อว่า กำลังประจานคุณธรรมที่มีอยู่ ในตอนนั้นออกมา ในกระดานสาธารณะแห่งนี้ แบบหนึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ มั๊งครับ ๓ บรรทัดบน ผมสื่อสาร ด้วย ภาษาไทย. ที่ผมเดาว่า.   "อ่านง่าย และสุภาพพอสมควรแก่เหตุ" คุณฯ อ่านออกนะครับ หมายเหตุ (๑) " ภาษาสัตว์". ที่คุณฯ ใช้นั้น   น่าจะเป็น สมบัติประจำจิตใจของผู้ที่สื่อสารเช่นนั้นออกมาฯ (๒) ถ้าคุณฯ อ่านที่ผมเสนอข้างบนแล้ว. ยังเข้ามาแสดงความเห็นอะไร ด้วยภาษาไทย ตามที่คุณฯพิมพ์ ละก็ ไม่แปลว่า "สัตว์เหมือนกัน จึงสื่อสารกับสัตว์เหมือนกัน ได้" หนอ? (๓) ผมจะเป็นสัตว์ ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า.  ผู้ข้องิยู่กับขันธ์ทั้ง๕ (อันจัเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน). หรือไม่ ผมไม่ประมาท เพราะพระพุทธองค์ยังทรงยังอยู่ ส่วนคุณฯ จัเป็นอะไร. ผมไม่สนใจ เพราะไม่มีราคาฯ อ่าน (๒).  ซ้ำอีกทีนะครับ จากคุณ : เซนเถรวาาปฐมสังตายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 07:20:22

ความคิดเห็นที่ 15 คคห ๑๐ นิมิต แห่งสมาธิ ที่จิตนั้นเป็นสมาธิ ตั้งมั่นดีแล้ว (มิจฉาสมาธิ เนื่องกับมิจฉาทิฏฐิ มีอนุสัยกิเลสเป็นเหตุ /. เมื่อมีสัมมาทิฏฐิ ที่ปลอกจากอุปกิเลส.   เจริญสมาธินั้นเพือ ผลคือกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง ชื่อว่า สัมมาสมาธิ) ตามที่ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด ภิกษุ (ผ่านสภาวะ ที่ตรัส จิตนี้เป็นประภัสสรฯแล้ว).   ผู้มีจิตเป็นสมาธิ ตั้งมั่นดีแล้ว.  ย่อมรู้ชัดตามที่เป็นจริง.  ซึ่งฯ ดูพระสูตรนั้นเอง ซึ้ง อะไร?    ซึ่งขันธ์ทั้ง ๕ ที่. ยึดมั่นวา นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็น ตัวตนของเรา (ตามภพ ๓ ที่ ไม่ใช่สัสสตทิฏฐิ ) ตามมุมมองผมได้แก่ ซึ่ง นิมิตนานา. โดยเฉพาะนิมิตร คือสัญญาขันธ์ ที่ ตรัสคำว่า สัญญาวิปลาส และคำว่า ปปัญจสัญญาสังขาฯ เจโตสมาธิที่มีนิมิต.   จึงเนื่ิองกับรูปภาพ ๔ อรูปฌาน. ๔. ที่เจ้าลัทธิอื่นใดนั้น "เกี่ยวข้องด้วย อวิชชา เนื่องกับขันธ์ทั้ง๕ เพราะยังไม่ ตรัสรู้ (รู้พร้อมเฉพาะ). ปฏิจจสมุปบาท แบบที่ ตรัสรู้ฯ แต่ เมื่อทรงสามารถใน สัญญาเวทยิตนิโรธ ตามที่ทรงสามารถก่อนตรัสรู้ฯ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต คือ สัญญาเวทยิตนิโรธ ที่มีเฉพาะ พระอนาคามีฯ จึงตรัส (ต่อมา) วา อนึ่ง(พระอนาคามีนั้น). รู้ด้วยปัญญา. (ดูเอง) สรุปสั่นๆ ศึกษาให้เพียงพอครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 07:36:39

ความคิดเห็นที่ 16 ตั้งแต่ดวงปฐมมรรค หรือ ดวงธรรมานุปัสนาสติปัฐฐาน นั้นไม่ใช่เกิดด้วยสัญญา (ความจำ)  ไม่ใช่นิมิตรแน่นอนครับ อันนั้นเกิดจากการปฏิบัติ ถึงสมาธิ ( ทำใจหยุดนิ่ง ) แล้วจึงเห็นได้ ไม่มีใครบอกได้ว่าขนาดเท่าไหน แต่ละคนก้ไม่เท่ากัน เพราะนั่นคือของจริง นั่นคือดวงธรรมคือดวงที่มาปฏิสนธิเราตั้ง แต่แรกเกิด จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 09:14:51

ความคิดเห็นที่ 17 คคห ๑๖ คุณฯเอาตามที่ตำราใดนั้น เสนอไว้ มาแสดง ด้วยทิฏฐิ ความเชื่อ หรืออย่างไรครับ ตำรานั้น คือ "จากพระโอษฐ์". หรือ? ผม เสนอ ตามประสบบการณ์ บวกสอบทานกับ"จากพระโอษฐ์". และตามกาลามสูตร สือสารนะครับ (๑). ที่เสนอผมนั้น "ตรงกับ".   ที่ตรัสไว้ว่า ........ สัญญาเกิดก่อน ญาณในธรรมนั้น เกิดทีหลัง". ไหมครับ (๒). ศึกษา ตามที่บรมครู ตรัสไว้ ให้เพียงพอชื่อว่าไม่ประมาท (เพราะ มัวมันในตำราชั้นสาวก) แค ความหมายของคำว่า นิมิต.  คุณฯก็   อ้อ.  นิมิตมันเป็นอย่างนี้นี้เอง (คคห ๑๐) นิมิต ที่ตรัสไว้ ที่กระแสหลัก ไ่ม่เอามาเพ่งพินิจ ยังมีนะครับ ดูคำ ๔ คำ ใน มหานิทานสูตร ซิครับ คำว่า อาการ ลิงค์ นิมิต.อุเทส.    (จากความจำ) ทั้ง ๔ คำนั่น. ตำรา อาจารย์ ผู้รู้ที่ท่านเคารพฯ.  อธิบายสอนคุณไวอย่างไร ไหมครับ อธิบาย จากประสบการณ์ ทาง ใจเมื่อเนื่ิิองกับ. ศีล สมาธิ สัมมาทิฏฐิ (ปัญญา). ตามที่ท่านปฏิบัติ แบบใดนั้น แล้วสิบทานกับ. "พระพุทธวจนะ" คคห นี้ แค่นี้ก่อนนะครับ สั้นๆ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิตก่อนสิ้นอาสวะ ตามจูฬสุญญตาสูตร เนื่องกับ อาการ.  ลิงค์ นิมิต อุเทส.  ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 10:05:58

ความคิดเห็นที่ 18 คคห ๙ ลิงค์นั้น.   ท่านที่้เสนอ.  "จำได้ไหมว่า มีเนื่องกับ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต ตามจูฬสุญญตาสูตร" ? จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 10:09:00

ความคิดเห็นที่ 19 อ้อ.  นิมิตมันเป็นอย่างนี้นี้เอง  ก็คือ เข้าใจความเห็นของท่านว่า ธรรมกายนั่นคือนิมิตรชนิดหนึ่ง แต่ผมปฏิเสธว่านั่นไม่ใช่นิมิตร ท่านให้หาพระสูตรมายืนยัน เพราะท่านบอกว่านั่นคือนิมิตร     เห็น จำ คิด รู้ (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)  คือ นามขันธ์ ( จากขันธ์ 3) ไม่ใช่นิมิตรแน่นอน หลวงปู่เริ่มจากตรงนี้ จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 11:17:05

ความคิดเห็นที่ 20 คคห ๑๙ (๑) ยังไงๆยังไง ท่านใดนั้น ก็ไม่เนื่องด้วย อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ตรัส เจโตสมาูิที่ไม่มีนิมิตชนิดสิ้นอาสวะแล้ว ขั้นจอมศาสดา แล้สสอนให้ผู้อื่นรู้ตรงตามฯ ที่สำคัญ สาวกรุ่นแรก ที่กระทำปฐมสังคายนา พระอรหันต์เหล่านั้น ท่าน ไ่ม่ ลด(ตัดทิ้ง). สิกขาบทเล็กน้อย(ที่ไม่ตรัสว่าได้แก่สิกขาใด).  ฯ พระพุทธองค์ แสดง กาลามสูตรไว้ ท่านนั้นอ้าง กาลามสูตรบ้างไหมฯ (๒) ผมไม่ได้เสนอ. ตามข้อความตามบรรทัดที่๒ ที่ท่านเสนอ นะครับ อย่าสรุปเสนอเอาเอง สรุป นิมิต คืออะไรบ้าง ศึกษาจาก พุทธปัญญา ที่คืิอ พระพุทธภาษิต นะครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 11:36:22

ความคิดเห็นที่ 21 ใคร ทราบว่า. สมาธิวิชาธัมมกาย กล่าวถึง. เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิตชนิดสิ้นอาสวัแล้ว. ครับ ช่วยเสนอเป็นวิทยาทาน จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 11:38:12

ความคิดเห็นที่ 22 (๑) ยังไงๆยังไง ท่านใดนั้น ก็ไม่เนื่องด้วย อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ที่ตรัส เจโตสมาูิที่ไม่มีนิมิตชนิดสิ้นอาสวะแล้ว ขั้นจอมศาสดา แล้สสอนให้ผู้อื่นรู้ตรงตามฯ ที่สำคัญ สาวกรุ่นแรก ที่กระทำปฐมสังคายนา พระอรหันต์เหล่านั้น ท่าน ไ่ม่ ลด(ตัดทิ้ง). สิกขาบทเล็กน้อย(ที่ไม่ตรัสว่าได้แก่สิกขาใด).  ฯ พระพุทธองค์ แสดง กาลามสูตรไว้ ท่านนั้นอ้าง กาลามสูตรบ้างไหมฯ สำหรับข้อนี้ผมยังหาคำตอบให้ท่าน เซน ไม่ได้ เพราะยังไม่เข้าใจความหมายใน พระไตรปิฏกอย่างชัดเจน จนถึงขั้นนำมาตรวจสอบได้   (๒) ผมไม่ได้เสนอ. ตามข้อความตามบรรทัดที่๒ ที่ท่านเสนอ นะครับ อย่าสรุปเสนอเอาเอง แค่นี้ก็พอแล้ว อย่างน้อยท่านเซน ฯ ไม่ได้ฟันธงไปว่าธรรมกาย เป็นแค่นิมิตร ไม่ใช่ของจริง     หลักกาลามสูตรก็คือ ลงมือปฏิบัติต่อไปเท่านั้นครับ ทางไหนสะดวก ก็ทำกันไป จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 16:01:25

ความคิดเห็นที่ 23 คคห๒๒ ท่านใดนั้น อ้างกาลามสูตรไหมครับ.  ถ้าทราบก็บอกด้วย คุณฯปฏิบัติ ตามที่ท่านนั้นสอน ใช่ไหมครับ แล้ว ตรงกับ. กาลามสูตรแล้วหรือยังท้ายพระสูตรนั่น แล้ว ที่พระพุทธเจ้าตรัส เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต สิ้นอาสวะแล้วทรงตัวกาลามสูตรด้วย แปลว่า พระพุทธองค์ สมบูรณ์ด้วย วิชชา และจรณะ ท่านนั้น สาวกใช่ไหม แล้ว ท่านนั้น พูดถึง.   เจโตสมาธิไม่มีนิมิต สิ้นอาสวะแล้ว ตรงกับ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ไหม คำถามที่ผมถามนั้น ตีความเองไม่ออกหรือครับว่า สมาธิวิชาธัมมกาย ที่ท่านนั้นเสนอนั้น.  กับ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิตสิ้นอาสวะแล้ว เหมือนกัน ไหม.  ...... กำหนดในขขั้นแรกสุดคือตาม. ตัวหนังสือ หรือคำที่ออกจากปาก ก่อนอ้าง ปฏิบัติๆๆๆ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 54 16:30:27

ความคิดเห็นที่ 24 ลองศึกษาดูครับคุณเซน http://www.navagaprom.com/oldsite/con1.php?con_id=476 จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 54 15:21:50

ความคิดเห็นที่ 25 คคห ๒๔ พระพุทธเจ้าแสดง กาลามสูตรไว้ ดู กระทู้นี่ครับ เพื้ิอความไม่ประมาท http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11444820/Y11444820.html ตกลง เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต สิ้นอาสวะแล้ว คุณพักผ่อนเคยฟังจาก ต้นตำรับสมาธิแบบธัมมกาย ที่สอดคล้องกับ จูฬสุญญตาสูตร ไหมครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 54 19:28:17

ความคิดเห็นที่ 26 กระทู้นี้เนื่องกับกระทู้ข้างล่าง http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11446670/Y11446670.html#49 เก็บเข้าคลังกระทู้แล้ว จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 54 19:59:42

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ KOB ปล่อยคุณเซนไปเถอะครับ  คนนี้ท่านยืนกรานไม่ฟังใครมาทุกกระทู้แล้ว การพยายามทำความเข้าใจกับคนบางคนเราไม่สามารถทำได้ครับ จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 12:04:19

ความคิดเห็นที่ 28 คคห ๒๗ หรือครับ ตามปัญญาอันยิ่งของคุณฯ ผมเสนออะไร มีหลักการ และหลักฐานชั้นพระพุทธภาษิตแปลไทยฯ ตกลงคุณ KOB.   จะทำตามคำแนะนำ ใช่ไหมครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 14:32:07

ความคิดเห็นที่ 29 "ไม่มีนิมิต" หมายถึง "ไม่มีอะไรเลย" ใช่หรือไม่ คำตอบ คือ ไม่ใช่ ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า รู้สิ่งที่ไม่มี จึงเรียกว่าสูญ และรู้ถึงสิ่งที่ยังมีอยู่ จึงเรียกว่า เข้าถึงความสูญอย่างถูกต้อง (อะไร อย่างไร หาเอาเอง) คุณเซน สำคัญว่า ธรรมกาย คือ ความเห็น นิมิต หรือ ฯลฯ .... ตามทิฎฐินั้น แต่ไม่ว่า สิ่งใด "มี" สิ่งใด "ไม่มี" กายผู้ปฏิบัติย่อมมีอยู่ จักษุผู้ปฏิบัติย่อมแจ้งอยู่ เช่นนี้ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต จึง "ไม่ขัด" กับวิชชาธรรมกาย เพราะ... ธรรมกาย ไม่ใช่สิ่งที่ "ถูกเห็น" แต่ธรรมกาย คือ "ผู้เห็น" เพราะทิฎฐิที่ว่า ธรรมกาย คือ ผู้ถูกเห็น ตลอดเวลา จึงเทียบเคียง ด้วย สุตตะ จินตะ ว่า ธรรมกาย คือสิ่งที่ยังถูกเห็นอยู่ในเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต แต่ ... ธรรมกาย คือ กายหนึ่ง เปรียบได้กับกายซึ่งประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 นี้ แต่ ... ธรรมกาย ไม่ได้ประกอบด้วยมหาภูตรูป 4 ประกอบด้วยธรรมธาตุ มิใช่ ธาตุ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อเป็นกาย ไม่ใช่ "ใจ" จึงไม่ใช่สิ่งที่ "ถูกเห็น" แต่เป็นสิ่งที่เห็น ในสมาธินั้น ผู้เข้าถึงธรรมกาย เป็นธรรมกายแล้ว ใช้ธรรมกายนั้นดั่งกายหยาบของมนุษย์ เข้าเจโตสมาธิอันไม่มีนิมิต เพราะไม่ทำความสำคัญในนิมิตทั้งหลาย เข้าถึงสุญญตสมาบัติ มีความสะอาดในกายด้วยความตั้งมั่นแห่งเจโตสมาธินั้น รู้ถึงสิ่งที่ไม่มีในเจโตสมาธินั้น และรู้ถึงสิ่งที่ยังมีเหลืออยู่ เช่นนี้ชื่อว่า เข้าถึงสุญญตสมาบัติอย่างถูกต้อง จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 19:47:06