Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วิญญาณ..คร่อมชาติ..กับ..วิญญาณ..ไม่คร่อมชาติ ติดต่อทีมงาน

วันนี้ขอแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนธรรมข้อสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งกับเหล่าสหธรรมมิกเพื่อร่วมกันพิจารณาในเรื่องของหลักปฏิจจสมุปบาท

เพื่อเป็นไปสำหรับการพ้นทุกข์ กระแสของปฏิจจสมุปบาทแบบคร่อมชาติต่างกับแบบไม่คร่อมชาติอย่างไร คืออย่างนี้ครับต้องมองว่ากระแสหลักของปฏิจจสมุปบาทเป็นแบบคร่อมชาติแต่ถ้ามองไม่เห็น

กระแสปฏิจจสมุปบาทแบบชั่วขณะหนึ่งคือแบบไม่คร่อมชาติซ้อนอยู่ในปฏิจจสมุปบาทแบบคร่อมชาติจะกลายเป็นโมฆะบุรุษที่
มีความคิดเห็นว่าวิญญาณเป็นอัตตาลอยข้ามภพข้ามชาติ

ไปเกิดได้เลยตามความคิดเคยชินแบบภิกษุที่สาติที่เคยเป็นพราหมมาก่อนที่เชื่อในความเป็นอมตะของวิญญาณแบบอาตมัน
ในมหาตัณหาสังขยสูตร


มหาตัณหาสังขยสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=12&A=8041&Z=8506


ส่วนเนื้อหาของปฏิจจสมุปบาทที่เป็นแบบคร่อมชาติทรงตรัสอธิบายอย่างละเอียดใน มหานิทานสูตร(15)

http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1455&Z=1887

ทำไมจึงต้องอธิบายทั้งสองแบบผมว่าคนสมัยเรานี้โชคดีมากนะ
ที่เกิดมาในยุควิทยาศาสตร์เจริญมากพอสมควรแล้วเราจึงอธิบายกำเนิดจักวาลได้พอสมควรและอธิบายเรื่องของฟิกสิคควอมตั้มได้ดีพอสมควร

ปัจจุบันเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าเรื่องราวของจักรวาลสามารถอธิบายได้ด้วยปรากฏการของอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมพวกนี้และในทำนองเดียวกันปรากฏการในจักรวาลที่มีเรื่องของกาลอวกาศก็สามารถนำมา

อธิบายเรื่องราวของอนุภาคขนาดจิ๋วพวกนี้ได้เหมือนกัน
มาถึงตรงนี้อาจมีชาวอนุรักษ์สุดขั้วที่มองไม่เห็นความเป็นอกาลิโก

ของพุทธธรรมส่ายหัวบอกว่าวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาไม่เกี่ยวกันอย่างนี้ต้องย้อมถามว่าพระพุทธองค์ตรัสรู้อะไรก็ต้องตอบว่าตรัสรู้

เรื่องสัจจะความจริงทั้งหมดเหมือนที่พวกวิทยาศาสตร์กำลังค้นหา
จะต่างกันตรงที่ใบไม้ในกำมือที่บอกพราหมสมัยนั้นส่วนใหญ่

เป็นเรื่องพ้นทุกข์แต่ธรรมะเหล่านั้นก็ทรงเทศนาโปรดมาถึงพวกเรา
ในยุคฟิกสิคควอมตั้มด้วยอย่างเรื่องมาตราวัดส่วนที่เล็กที่สุด

ของพุทธศาสนาจะบอกพวกพราหมให้งงเล่นไปทำไม
ถ้าไม่ทรงเผื่อความรู้มาถึงคนในยุคที่เจริญในด้านวิทยาศาสตร์

ด้วยเรื่องนี้ถ้าใครยังไม่เชื่อก็ลองค้นหาคำทำนายของนอสตาดามุส
หรือของพวกอินคาดูว่าคำพยากรพวกนี้เขาพวกให้ใครฟังบ้าง

คำพยากรย์พวกนี้ใช้สื่อสารกับคนเกือบพันปีนับจากวันพยากรย์แล้วทำไมบางคนจึงมองไม่เห็นความเป็นอกาลิโกเหมือนพระพุทธองค์
ได้ทรงเทศนาให้กับคนปัจจุบันฟังโดยฟากมากับคำสอนให้กับพวกพราหม

โบราณเหล่านั้น ผมเชื่อว่าความเป็นอกาลิโกอยู่ตรงที่พุทธองค์รู้ว่า
มีคนที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์แบบเราอยู่ในอนาคตด้วยครับ

จากการอธิบายปฏิจจสมุปบาทแบบไม่คร่อมชาติทำให้เราเห็นภาพการเกิดดับของวิญญาณจากผัสสะผ่านทางอายตนะทั้งหกได้อย่างชัดเจน

ส่วนอวิชชาถ้าอธิบายแบบคร่อมชาติจะไปไม่ถึงเลยนะเพราะแบบคร่อมชาตินี้มันเริ่มที่วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรูปในครรภ์เลย
จึงต้องไปสิ้นภพชาติกันชาติหน้าแต่ถ้าอธิบายแบบไม่คร่อมชาติ
จะเห็นอวิชชาและอาหารของอวิชชาที่เป็นปัจจัยให้เกิดอวิชชาด้วยนะตามพระสูตรนี้

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ยมกวรรคที่ ๒
อวิชชาสูตร
           [๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน

แต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็

เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อม
กล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา
ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕ แม้นิวรณ์ ๕ เราก็กล่าวว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มี
อาหาร ก็อะไรเป็นอาหารของนิวรณ์ ๕ ควรกล่าวว่า ทุจริต ๓ แม้ทุจริต ๓ เราฯลฯ


http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=24&A=2712&Z=2781


แม้แต่ในเด็กทารกก็ต้องคอยให้รู้จักอาหารของอวิชชาเสีย่กอนถึงจะเข้าสู่กระแสของปฏิจจสมุปบาทแบบไม่คร่อมชาติได้
ตามพระสูตร
มหาตัณหาสังขยสูตร
ว่าด้วยสาติภิกษุมีทิฏฐิลามก

กุมารนั่นนั้นอาศัยความเจริญและความเติบโตแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย พรั่งพร้อม
บำเรออยู่ด้วยกามคุณ ๕ คือ รูปที่รู้แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ น่ารัก
ประกอบด้วยกามเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดและความรัก เสียงที่รู้แจ้งด้วยโสต ... กลิ่นที่รู้แจ้งด้วย
ฆานะ ... รสที่รู้แจ้งด้วยลิ้น ... โผฏฐัพพะที่รู้แจ้งด้วยกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าชอบใจ
น่ารัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดและความรัก กุมารนั้น เห็นรูปด้วยจักษุ
แล้ว ย่อมกำหนัดในรูปที่น่ารัก ย่อมขัดเคืองในรูปที่น่าชัง ย่อมเป็นผู้มีสติในกายไม่ตั้งมั่น
และมีจิตเป็นอกุศลอยู่ ย่อมไม่ทราบชัดเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันเป็นที่ดับหมดแห่งเหล่า
อกุศลธรรมอันลามก ตามความเป็นจริง เขาเป็นผู้ถึงพร้อมซึ่งความยินดียินร้ายอย่างนี้ เสวยเวทนา.....ฯ

มาถึงประเด่นที่สำคัญถ้าพิจารณาจากเด็กทารกที่ยังไม่รู้จักกามคุณห้าที่เป็นอาหารของอวิชชาในนิวรณ์ห้าอีกทั้งยังเท่ากับว่าทารก

ยังไม่มีเวทนาแต่ทารกมีวิญญาณที่ไม่มีอวิชชาเป็นปัจจัยอยู่ณขณะนั้นและเป็นจิตที่ไม่มีอวิชชาเพราะไม่มีอาหารของอวิชชา

โปรดอย่านำวิชชามาเทียบเพราะวิชชาเทียบได้กับวัคซีนไว้ป้องกันการเกิดของเชื้ออวิชชาซึ่งจะเกิดขึ้นหลังการมีญาณรู้แจ้งเอาชนะเชื้ออวิชชาได้แล้วเท่านั้นส่วนทารกบริสุทธิเพราะไม่มีอาหารของอวิชชา

ส่วนในกรณีของพระอรหันต์ที่อวิชชาดับสนิทแล้วก็ยังมีจิตอยู่แต่เป็นจิตที่มีเวทนาที่ไม่ก่อให้เกิดตัณหาตามพระสูตรนี้ครับ

ทุกขวรรคที่ ๖
๑. ปริวีมังสนสูตร
           

เพราะสำรอกอวิชชาเสีย เพราะมีวิชชาเกิดขึ้น.........
.......................................
*เวทนา ก็วางใจเฉยเสวยไป ภิกษุนั้นเมื่อเสวยเวทนาที่ปรากฏทางกาย ก็รู้ชัดว่า
เราเสวยเวทนาที่ปรากฏทางกาย เมื่อเสวยเวทนาที่ปรากฏทางชีวิต ก็รู้ชัดว่า เรา

เสวยเวทนาที่ปรากฏทางชีวิต รู้ชัดว่า เวทนาทั้งปวงอันตัณหาไม่เพลิดเพลินแล้ว
จักเป็นของเย็น สรีรธาตุจักเหลืออยู่ในโลกนี้เท่านั้นเบื้องหน้าตั้งแต่สิ้นชีวิต เพราะ
ความแตกแห่งกาย ฯ


http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=16&A=2166&Z=2278

แก้ไขเมื่อ 12 ธ.ค. 54 12:29:08

จากคุณ : คนกรุงธน
เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 54 12:19:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com