ความคิดเห็นที่ 1 กรรมชั่วที่ทำลงไป ก็เปรียบเหมือนการเติมเกลือลงไปในน้ำที่บรรจุในภาชนะ ยิ่งกระทำความชั่วมาก น้ำก็ยิ่งเค็มมาก วิธีแก้น้ำเค็ม ก็ทำได้ด้วยการเติมน้ำสะอาดลงไปมากๆ ถึงเกลือจะไม่ได้หายไปไหน แต่มันจะค่อยๆเจือจางลงไป จนแทบไม่เหลือรสเค็ม การทำดี จึงเหมือนการเติมน้ำสะอาดลงไปในภาชนะของเรา บุญในพระพุทธศาสนา แบ่งหยาบๆก็ ทาน ศีล ภาวนา หมั่นทำบุญอยู่เสมอ ถ้าอยากเติมน้ำไวๆ ก็เร่งภาวนา เพราะมีอานิสงส์สูงสุด จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 13:12:50

ความคิดเห็นที่ 2 ขอกำลังใจครับ อยากสู้กับกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้อ่ะครับ       ขอกำลังใจครับ อยากสู้กับกรรมไม่ดีที่เคยทำไว้อ่ะครับ ช้วงนี้มาห้องศาสนาบ่อยมาก รู้สึกสนใจ บาปกรรมมากขึ้น จิตอ่อนมากกกกกกกก รู้สึกเสียใจกับกรรมเก่าที่เคยทำไว้ในหลาย ๆ เรื่องอ่ะครับ มาขอกำลังใจและแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไปอ่ะครับ ทำอย่างไรจึงจะทำให้กรรมเก่าลดน้อยลงได้ กรรมใหม่จะพยายามเต็มที่เพื่อสร้างกรรมดีเพิ่มครับผม จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 12:51:06              กรรมไม่ดีที่เคยทำไว้ ก็เป็นอันว่า ทำไปแล้ว              อย่าทำอีก อย่าทำความพอใจในบาปนั้นๆ อีก              พระพุทธพจน์ :-                     หากบุรุษพึงทำบาปไซร้                     ไม่พึงทำบาปนั้นบ่อยๆ                     ไม่พึงทำความพอใจในบาปนั้น                     เพราะการสั่งสมบาปนำทุกข์มาให้              หากว่าบุรุษพึงทำบุญไซร้              พึงทำบุญนั้นบ่อยๆ              พึงทำความพอใจในบุญนั้น              เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้ http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=19&p=2                    คำว่า                    ขอกำลังใจครับ              ตอบว่า ตั้งใจทำความดี เช่นสมาทานศีล 5 ให้เป็นปกติ หรือนิจศีล              ศึกษาเรื่องพระภิกษุรูปหนึ่งที่เคยพลาดพลั้ง แต่กลับมาสู่ทางของกุศลธรรมได้ เป็นตัวอย่าง.              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘              ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา              รมนียวิหารีเถรคาถา              ว่าด้วยสุภาษิตเกี่ยวกับความพลาดพลั้ง http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=5247&Z=5251                   ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=182              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html     แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 13:15:46

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนอื่นขอส่งกำลังให้กับคุณ  mix_more นะครับ. ขอให้มีสติ-ปัญญาเป็นตัวพาผ่านพ้นความทุกข์ใจนี้ไปได้นะครับ ขอให้ถือว่าใช้โอกาสนี้เข้าหาธรรมในพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนของพุทธศาสนาเป็นเรื่องไม่ไกลเกินตัว ไม่ล้าสมัย แล้วก็ให้ผลเร็ว ไม่ต้องรอกันเป็นปีเป็นชาติๆ น่ะครับ อยากแนะนำลองใช้ google หาหลักธรรมคำสอนทั้งที่เป็นเอกสาร วีดีโอ หรือ Mp3 ลองโหลดมาศึกษาดูครับ เชื่อว่าความเปลี่ยนแปลงไปในทางทีดีขึ้นจะมีขึ้นในเวลารวดเร็ว จากคุณ : ทองทา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 13:21:14

ความคิดเห็นที่ 4 อย่ากังวลเรื่องที่เกิดแล้ว  เพราะ มันเป็นอดีต  เราไปแก้อะไรไม่ได้ อย่าสนใจเรื่องในอนาคต ที่ยังมาไม่ถึงและเราก็จัดการมันไม่ได้ สนใจเพียงปัจจุบันขณะเถิด  เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราจัดการมันได้ คนเรา จะดี เลว  ก็เพราะ ปัจจุบันค่ะ ไม่มีใครไม่เคยทำความเลวมาก่อน   ขอแค่วันนี้  เราเป็นคนดีหรือไม่ ก็พอแล้วค่ะ จากคุณ : sunnyorchids เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 13:41:10

ความคิดเห็นที่ 5 แค่เริ่มคิดได้ ก็มาถูกทางแล้วครับ สิ่งที่ผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้แล้ว ก็ต้องยอมรับให้ได้ แต่การยอมรับดังกล่าวไม่ได้แปลว่าเราต้องงอมืองอเท้า กรรมชั่วอันไหนเราเคยทำแล้ว เราก็ละเสีย หันไปทำกรรมใหม่ ที่เป็นกรรมดี เป็นกุศลแทน หนทางเดียวที่จะสู้กับกรรมชั่ว ในอดีตก็คือการทำกรรมปัจจุบันให้เป็นกุศลนั่นแหล่ะครับ มีแค่ทางนี้จริงๆ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 13:54:18

ความคิดเห็นที่ 6 มาให้กำลังใจค่ะ  สิ่งทื่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป ความทุกข์ใจจากความรู้สึกผิดเป็นบทเรืยนสอนให้คุณทำความดื เริ่มต้นใหม่ยังไม่สายค่ะ  ดั่งความเห็นทื่ 1 บอกไว้ว่า   วิธืแก้น้ำเค็มก็แก้ด้วยการเติมน้ำสะอาดลงไปมากๆ  เป็นจริงแน่แท้ทืเดืยว  ชืวืตของคนเรากว่าจะตายจากโลกนื้ยังต้องพบกับปัญหาอีกมากมาย  ดิฉันบอกคุณได้แต่ลึกๆก็ท้อเช่นกัน  แต่ในเมื่อเรายังไม่ตายก็คงต้องอยู่ชดใช้กรรมต่อไป  หนทางข้างหน้าอืกยาวไกล จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 14:17:06

ความคิดเห็นที่ 7 กรรมเก่าเรื่องไหนที่เจ้ากรรมนายเวรยังมีชีวิตอยู่ ก็ไปขออโหสิกรรม เรื่องไหนที่เจ้ากรรมนายเวรไม่อยู่แล้ว ก็ทำบุญกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เขา สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฝึกกายฝึกใจ เตรียมรับกรรมเก่า หรือเศษกรรมเก่า ๆ และเพื่อเป็นการสร้างกรรมใหม่ที่ดีไปพร้อม ๆกัน จากคุณ : banchap เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 14:31:46

ความคิดเห็นที่ 8 ทำความดี   ลองถือศีลดีเรื่อยๆ เอาให้ สะอาด เท่าที่จะทำได้ครับ ละเว้นความชั่ว      ลองลดในสิ่งที่เป็นอกุศล  อกุศลใดยังไม่เกิด ก็ไม่พึงทำให้มันเกิดขึ้น ทำจิตใจให้บริสุทธิ์     ลองเริ่มด้วยการสวดมนต์ไหว้พระดูครับ    อย่างน้อยทุกคืนก่อนนอน  ทำเป็นประจำ   เป็นกิจวัตร   ขอให้กำลังใจ  ขอให้ความดี และกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะถูกทำให้เกิดขึ้น คุ้มครองรักษา ใก้คุณเจ้าของกระทู้ได้ทำสิ่งดีๆ ต่อไปนะครับ  : ) จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 15:06:31

ความคิดเห็นที่ 9 ....           ฌานสมาธิครับ ช่วยท่านได้แน่นอนเห็นผลทันที่ที่ได้ฌานครับ แต่ก็หนีกรรม ไปไม่รอดนะครับ แต่จะมีกำลังใจสู้กรรมมากขึ้น เปรียบเทียบกับจิตคนธรรมดากับคน ที่ได้ฌานแล้ว ความแข็งแกร่งของจิตต่างกันมากครับ เช่น เวลากัดฟันสู้ คนที่ได้ฌาน จะอึดกว่าครับ เพราะกำลังของจิตมากกว่า และถ้าเป็นฌานที่มาจากกสิณแล้วยังมี ฤทธิ์อ่อนๆอีกครับ           ปัญญาก็ได้ครับ แต่ฝึกยากกว่า เพราะต้องใช้เวลา ตามจริงแล้วปัญญาก็มี ฤทธิ์ครับ โยคีเหาะได้คนเดียว แต่ปัญญาพาคนอื่นเหาะได้ด้วยครับ เครื่องบินไงครับ นั่นคือตัวอย่างของฤทธิ์ที่มาจากปัญญา ถ้าท่านสามารถมองเห็นไตรลักษณ์แทงตลอด ได้ด้วยปัญญาแล้วล่ะก็ ต่อให้มีกรรมเท่าไร ก็ไม่ส่งผลครับ เพราะท่านเข้าถึง อนิจัง ทุกข์ อนัตตาแล้ว สัพเพ สังขารา ทุกขา สัพเพ สังขารา อนิจจา สัพเพ ธัมมา อนัตตา                                                                                                              ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 16:03:15

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็อย่าได้เก็บมาคิดให้จิตเป็นอกุศลเลยครับ อย่าดูหมิ่นบุญที่ทำจำนวนน้อย ว่าไม่คล้อยตามต้องสนองผล แม้นตุ่มน้ำเปิดหงายรับสายชล ยังเต็มล้นด้วยอุทกที่ตกลง อันบัณฑิตส่งสมบ่มบุญบ่อย ทีละน้อยทำไปไม่ใหลหลง ย่อมเต็มด้วยบุญนั้นเป็นมั่นคง บุญย่อมส่งสู่สถานวิมานทอง จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 16:07:40

ความคิดเห็นที่ 11 วันนี้มีความสบายใจได้เข้ามาอ่านเจอมิตรดีทื่ให้ความคิดเห็นทางธรรม  ให้ในสิ่งดืๆให้ผู้อื่นคลายทุกข์ได้เป็นกุศลอย่างยิ่ง  ขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้  ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนค่ะ จากคุณ : มะลิร้อยมาลัย เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 16:42:06

ความคิดเห็นที่ 12 ลองศึกษาประวัติของท่านองคุลีมาลดูสิครับ ผมว่ามีน้อยคนที่ทำกรรมหนักเท่ากับท่านในสมัยที่ยังเป็นฆาราวาส แต่เมื่อท่านบวช ท่านก็ตั้งใจปฎิบัติธรรมจนเป็นพระอรหันต์ได้ครับ จากคุณ : Lost Soul Forever เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 17:25:42

ความคิดเห็นที่ 13 ขอให้มีความมุ่งมั่นครับ ขอชวนให้ไปอ่านหนังสือพุทธประวัติ ตอนก่อนพระพุทธองค์จะทรงตรัสรู้ครับ  พระองค์ทรงลำบากในการหาทางเพื่อการหลุดพ้น แต่ด้วยน้ำพระทัยที่แน่วแน่ แม้พญามารจะคอยรังควาน พระองค์ก็ไม่ทรงย่อท้อ ผมทราบดีครับว่า ไม่อาจจะเทียบกันได้ แต่ชวนให้ไปอ่านเพื่อให้ถือเป็นแบบอย่าง เป็นแรงบันดาลใจ นอกเหนือจากนี้ ลองศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระเจ้าอยู่หัวดูสิครับ อันนี้ก็ทราบอีกเช่นกันว่า ไม่ควรนำมาเปรียบเทียบ แต่ผมมิบังอาจเปรียบเทียบ แต่ชวนให้นำพระองค์ท่านมาเป็นแบบอย่าง แรงบันดาลใจในการทำความดี มีความเพียรเป็นที่ตั้ง การทำความดีเพื่อผู้อื่น ทั้งนี้การศึกษาธรรมก็เป็นการดี แต่ธรรมนั้นหากเพิ่งเริ่มศึกษาจากคนที่ติดอยู่ในทางโลกมานาน อาจจะเกิดความท้อใจในการศึกษา ธรรมอันสูงยิ่ง ก็เลยขอแนะนำให้เริ่มจากการศึกษาพุทธประวัติเพื่อน้อมนำจิตใจ มีพระพุทธเจ้า และพระองค์ท่านเป็นแบบอย่างไงครับ สุดท้ายนี้ขอให้มีความเพียร เจริญในธรรมครับ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 54 17:58:14 จากคุณ : ผู้ชำนาญการด้านความเหงา เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 17:52:45

ความคิดเห็นที่ 14 ขออนุโมทนากับจขกท นะคะ อนุโมทนาที่คิดเว้นความชั่ว ตั้งใจทำความดี อนุโมทนาให้จิตใจที่อ่อนโยน กลัวกรรมที่เคยทำมา และขอเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 54 19:17:49 จากคุณ : จิตรพร เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 19:16:09

ความคิดเห็นที่ 15 ...........เริ่มจากตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้ได้ทุกวันก่อนนะครับ เพราะศีลจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการทำความดี เมื่อหยุดทำบาปได้ แล้วทำแต่บุญ บุญจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ผลของบาปที่ถึงแม้จะเท่าเดิมแต่ก็รู้สึกว่ามันน้อย เช่น เมื่อคุณ จขกท ทำความดีมากๆ คุณก็จะนึกได้แต่ความดีที่ทำจนลืมเรื่องไม่ดีไป จากคุณ : ชนาธิป - พุทธแท้ เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 54 20:37:17

ความคิดเห็นที่ 16 ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ เราก็เคยทำผิดบาปมามากมายเหมือนกัน เพราะหลงทำตามที่กิเลสผลักดันมายาวนาน เราสำนึกผิดแล้วและตั้งใจว่าจะไม่ทำซ้ำอีกก็พอค่ะ อย่าไปคิดวนเวียนกับกรรมในอดีตที่แก้ไขไม่ได้อีกเลยนะคะ เพราะคิดครั้งนึง จิตก็จะขึ้นวิถีของอกุศลกรรมนั้นทีนึง เป็นการสั่งสมสิ่งไม่ดีให้บันทึกในจิตเราเอง อย่างน้อยเราก็ยังมีกายมีใจ เป็นเครื่องมือที่จะสั่งสมแต่กรรมดี ละบาปอกุศลที่เคยมี ที่สำคัญยังมีโอกาสจะพัฒนาจิตใจจนอาจจะพ้นจากทุกข์ทั้งหลายได้ จากคุณ : ฟ้าอิงจันทร์ เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 00:05:46

ความคิดเห็นที่ 17 เป้นกำลังใจให้  จขกท. ครับ           และอนุโมทนา กับ จขกท. ที่ยอมรับว่าทำกรรมไม่ดีมาและกำลังสู้่กับวิบากของกรรมนั้น             ทาน  ศีล  ภาวนา  ครับพยายามปฏิบัติให้มาก ๆ ไว้นะครับเป็นการสู้กับวิบากได้ทุกรูปแบบ   สักวันเมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นอนิจจัง  ทุกขังและอนัตตาแล้วก็จะมีความสงบและสันติเกิดขึ้นเองครับ แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 54 10:50:30 จากคุณ : จิตสิกขา เขียนเมื่อ : 14 ธ.ค. 54 10:50:03

ความคิดเห็นที่ 18 บุญกิริยาวัตถุ 10 จะช่วยคุณได้ เป็นกำลังใจให้ครับ บุญกิริยาวัตถุ 10 คือ 1.ทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการบริจากทาน 2.สีลมัย บุญที่สำเร็จด้วยการรักษาศีล 3.ภาวนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการเจริญภาวนา 4.อปจายนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงตนเป็นคนอ่อนน้อม 5.ไวยยาวัจจมัย บุญที่สำเร็จด้วยการขวานขวายช่วยในกิจการที่ชอบ 6.ปัตติทานมัย บุญที่สำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ 7.ปัตตานุโมทนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ 8.ธัมมสวนมัย บุญที่สำเร็จด้วยการฟังพระสัทธรรม 9.ธัมมเทสนามัย บุญที่สำเร็จด้วยการแสดงพระธรรมเทศนา 10.ทิฏฐุชุกรรม การกระทำความรู้ความเห็นแห่งตนให้ตรง (เชื่อว่า บาป-บุญมี ,นรก-สวรรค์มี ,ชาตินี้-ชาติหน้ามี , เชื่อหลักไตรลักษณ์ อนิจจัง-ทุกข์ขัง-อนัตตา) ค่อยๆทำไปนะครับ ไม่ยากและก็ไม่ง่าย แต่ไม่เกินความสามารถของเราแน่นอน จากคุณ : ทุกวินาที เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 54 13:46:45