|
สนทนากับคุณ a235 ในคคห.10
ข้อความของคุณ a235
--------------------------------------------- จากที่ คุณ วิชา ตัดตอนมานั้น มันมี ส่วนต่อมา อีกนิดครับ ที่ว่า "ความดับแห่งกรรมเป็นไฉน คือ ความดับแห่งกรรมย่อมเกิดขึ้นเพราะความดับแห่งผัสสะ" ผัสสะ เกิด ได้อย่างไร น่าจะ เพราะ อายตนะ นะครับ ถ้า ไม่มี อายตนะ ก็ไม่มี ผัสสะ ใช่ไหมครับ งั้น ก็ ประมาณว่า ถ้าตายลง คือ ร่างกายแตกสลายไป ก็ หมด กรรม อย่างนั้นหรือครับ -----------------------------------------------
ตอบ ความเข้าใจของคุณ a235 ได้ข้าม ความต่างแห่งกรรม , วิบากกรรม และอวิชชา ไปแล้ว นะครับ
อวิชชา เมื่อมีอยู่ก็ไหลหรือเป็นปัจจัยไปตาม ปฏิจสมุทปบาท นั้นในฝ่ายเกิด วนเวียนเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนั้น จะดับได้เมื่อมี วิชชา หรือ ปัญญาแจ่มแจ้งในอริยสัจจะ 4 ครับ
ส่วน ความต่างแห่งกรรม และ วิบากกรรม ที่ทำไว้แล้วนั้น เมื่อมีอวิชชาอยู่ ก็ย่อมส่งผล ตามเหตุปัจจัยของเขา
สมมุติให้เห็นชัดๆ ไม่ต้องกล่าวถึงภพชาติอื่น
ผมทำกรรมดีพยายามเรียนจนจบปริญญาตรี จบเมื่อปีการศึกษา 2525 ด้วยผลความดีนั้นถึงเวลาผ่านมา 29 ปีมาแล้ว ผมยังเสวยกรรมดีนั้นอยู่คือ มีงานมีเงินเลี้ยงซีพได้ ก็ด้วยเหตุปริญญาตรีนั้นจนถึงปัจจุบัน
แต่ตัีวผมเมื่อ 29 ปีมาแล้ว กับปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงไปมากเลยครับ ถ้ากล่าวตามหลักชีวะวิทยา เชลทุกเชล ในร่างกายที่สมมุติว่าผมเมื่อ 29 ปีมาแล้ว ได้ตายหมดสิ้นแล้ว ส่วนร่างกายที่เป็นผม ณ. ปัจจุบัน เป็นเชลร่างกายใหม่ทั้งหมด ที่สืบทอดมาจาก เมื่อ 29 ปี ที่ผ่านมาแล้ว.
หรือกล่าวได้ว่า ปฏิจสมุทปบาท ที่เป็นวัฏจักร ที่เป็นผมนั้น ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อเกิดปัจจัยเป็น ภพ เป็น ชาติ ก็ลงที่ ภพเดิม ชาติเดิม จนถึง ณ. ที่พิมพ์ข้อความนี้
ดังนั้น ปฏิจสมุทปบาท ก็มีปัจจัยเกิดกันต่อเนื่องเป็นวัฏจักร อยู่อย่างนั้น เมื่อยังไม่เกิด วิชชา ดับ อวิชชาได้สิ้นเชิง
เมื่อมี ผัสสะ ก็ย่อม กระทำกรรม ก็ย่อมเกิดความแต่งแห่งกรรม และวิบากแห่งกรรม ที่ส่งผลตามเหตุปัจจัยของเขา เมื่อยังมีสังขารหรือ ขันธ์ 5 อยู่
ดังนั้น ความแต่งแห่งกรรม และ วิบากแห่งกรรม เสมือนเป็นคนละวงจร กับปฏิจสมุทปบาท แต่เชื่อมโยงกันเมื่อยังมี อวิชชา เป็นคติที่นำไปเกิดได้อยู่.
แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 54 10:40:56
จากคุณ |
:
P_vicha
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ธ.ค. 54 09:43:04
|
|
|
|
|