ความคิดเห็นที่ 1 คุณตั้งคำถามแบบกว้างขวางครอบคลุมมากมาย  ต้องอธิบายกันยาวยืดหลายร้อยหน้ากระดาษจึงจะเข้าใจ เอาสรุปเป็นว่า   สมาธิแบบทีเอ็มก็คือแบบโยคะแบบหนึ่งที่กำหนดการท่องบริกรรม คล้ายๆการท่อง พุทโธๆๆของพุทธในเมืองไทย .. ส่วนแบบโยคะก็มีแยกไปมากมายหลายๆแบบ  คือแบบฤาษีต่างๆนั่นเอง ..ซึ่งสรุปคือเป็นของศาสนาฮินดู ส่วนแบบธิเบตและแบบเซ็น ก็เป็นแบบแนวพุทธในฝ่ายมหายาน  ก็เป็นของศาสนาพุทธ ในเมื่อคุณไม่ต้องการฝึกตามแบบของแนวศาสนาใดๆ คุณก็ต้องคิดค้นวิธีของคุณเองขึ้นมา  แต่อย่าลืมหลักการของการฝึกสมาธิคือ  ให้จิตสงบแน่วแน่ตั้งมั่น มั่นคงลงในจุดเดียวเป็นหนึ่ง ซึ่งการฝึกสมาธิ  ถ้ามองจากฝ่ายพุทธ ก็มี ๒ แนวใหญ่ๆ คือ  แบบผิดเป็นมิจฉาสมาธิ และแบบถูกเป็นสัมมาสมาธิ ในเมื่อคุณไม่ต้องการเอาแบบพุทธ  คุณก็ไปฝึกเอาแบบที่ไม่ใช่พุทธก็ได้(แต่จะเป็นแนวมิจฉาสมาธิตามมุมมองของพุทธ) แบบมิจฉาสมาธิ  คือ แบบที่จิตเพ่งส่งไปข้างนอก  จะเอาอะไรมาเพ่งก็ได้ เช่นแบบเพ่งกสิณต่างๆ แบบนี้จะสงบง่าย ไว  แต่ผลเสียจะตามมาภายหลังมากมาย (แต่แบบนี้ก็คือแบบโยคะแบบหนึ่งหรือแบบพุทธแบบหนึ่ง)  วิธีหลีกเลี่ยงผลร้ายไม่ให้ส่งผลง่าย ไว คือต้องไปหลบอยู่คนเดียว  อย่ายุ่งกับใคร  แต่คุณก็คงไม่ต้องการแบบนี้  เพราะคุณบอกว่า ต้องการแค่เอามาใช้ในชีวิตประจำวัน เท่านั้น   ในเมื่อจุดหมายของคุณคือ ต้องการควบคุมความคิดได้  ...  คุณก็ต้องลองแบบสัมมาสมาธิของพุทธ คือ เพ่งกำหนดย้อนมาที่ใจคุณเอง  ซึ่งวิธีการไม่ง่ายนัก และจะไม่ได้ผลไว ง่ายๆ  ต้องอดทน พยายามมากๆ ใช้กำลังใจมากๆ แต่ถ้าได้ผลจะดีมากๆ สุดๆ แม้ชาวพุทธเองก็ฝึกวิธีที่ถูกต้องนี้ยากเช่นกัน ในเมื่อคุณไม่อยากฝึกแบบพุทธ  แล้วจะฝึกแบบไหนดี ?  เพราะหลักการฝึกสมาธิ  มีสอนกันแบบกว้างขวาง ก็แบบของพุทธกับของฮินดู เท่านั้น   ดูเหมือนจะมีสอนในลัทธิซูฟี ของอิสลาม  และในลัทธิเต๋าบางแบบ  ด้วย  หรือคริสต์บางนิกายก็มี ..ก็มีแค่ประมาณเท่านี้แหละ ... ดังนั้น  ในเมื่อคุณอยากฝึกสมาธิที่ไม่เกี่ยวกับศาสนาใดๆ ก็ดูจะหายาก แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 06:37:30 จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 06:34:44

ความคิดเห็นที่ 2 แก้ไขคำถามแล้วครับ จะเป็นแบบพุทธก็ได้ แต่จะเป็นไปได้ไหม ไม่ว่าแบบใดก็ตาม ที่จะไม่ขัดต่อหลักศาสนาคริสต์ (ผมเป็นคริสเตียน ย้ำ) ขอบคุณ คุณ โขตาน มากครับ จากคุณ : Xame (Xame) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 06:51:28

ความคิดเห็นที่ 3 เออ ผมเคยคุย กับบาทหลวง ที่ไปเรียนที่ วาติกัน นะครับ... รู้สึก ท่านเคยเรียน สมาธิ ที่นั้นด้วย... แต่แบบไหน ผมไม่ทราบ... ปล. ลองศึกษางานของหลวงพ่อเทียน ดูสิครับ... จากคุณ : Jedcon เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 07:15:17

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณโขตาน ที่อธิบายให้คนทั่วไปทั้งพุทธ และศาสนาอื่นๆ ทราบ จากคุณ : neap (neap) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 07:16:25

ความคิดเห็นที่ 5 จริง ๆ จะมีแบบ สมถะ  คือ เพ่งหรือทำให้ สมาธิมีกำลัง มีมาก่อนพุทธ เป็นเหมือน แนวทางทำให้ จิตใจมีกำลัง ของพุทธ จะมีการวิปัสสนา หรือพิจารณา สิ่งที่เกิดขึ้นว่าไม่เที่ยง คือให้มีสติ อันที่จริง การสมาธิ  หรือ การภาวนา  ก็คือเราไปจับอะไรมาพิจารณามั้งครับ แนวคิดของพุทธคือถือว่า ไม่มีสิ่งใดเที่ยงครับ เพื่อไปสู่อนัตตา ซึ่งจะไม่ตรง กับแนวคิดของทางคริสต์ แต่ของฮินดู ไปสู่ โมกษะ หรือ ปรมัตถ์ทางฮินดู หรือว่าพระเจ้าที่เที่ยงแท้ ทางพุทธว่าไม่ใช่สัมมาสมาธิ  อันนี้อาจแล้วแต่มุมมอง  ยังไง ผมว่าเป็น การคิดและมองคนละแบบการไปสู่ความจริงสูงสุด ความจริงถ้าเราฝึกสติ ในทางพุทธก็น่าจะโอเคครับ จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 07:32:09

ความคิดเห็นที่ 6 สมาธิ  คือ สมาธิ (ไม่ใช่ตอบแบบ กำปั้นทุบดินฯ) สมาธิ  ได้แก่ (๑) อาการคือ ความไม่ฟุ้งซ่าน (ที่ตรงข้ามกับ คำว่าความตั้งมั่น  firm)  ในสิ่งที่ "สติ"  เข้าไปตั้งมั่นอยู่ (๒) ยังต้องเนื่องด้วย อาการคือ  สะอาดจาก (pure) สิ่งที่เคยเป็น "ตัวจุ้นจ้าน"  เข้ามากวน  "ในปัจจุบันขณะนั้นๆ ด้วย  (สมาธิจึงมี คุณสมบัติ สูงกว่า  สมาธิแบบ ที่มีมาตั้งแต่ เกิดจากท้องแม่มาแล้ว และหรือ พัฒนาแบบ "ใดนั้น"  แต่ ยังไม่ ใช่ แบบ "ที่ เซียนสมาธิเขายอมรับกันแล้วว่า ต้องแบบ ที่พระพุทธเจ้าแห่งพุทธศาสนา  ทรงสามารถ ในขั้น "สัมมาสัมพุทธเจ้า"  (ถ้าไม่เข้าใจ  นิยามของคำว่า สัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า คือ อย่างนี้ๆ  ศึก๋่เองก่อน ฯ) สมาธิ ยังต้อง เนื่องดัวย อีก  อาการคือ (๓) ความว่องไว (active) ไม่ใช่ นิ่งๆ  (innert) แล้วเพลินเมามัวใน ความเป็นสมาธิ สรุป                        สมาธิ  ไม่ว่า "แบบสายไหน ใครสอน" ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ (เป็นอย่างน้อย)             ที่ต้อง ตั้งตั้นมาจาก  ความเข้าใจถูกต้อง (right understanding) ตามที่ เสนอ  ในฐานะ นักปฏิบัติอานาปานสติสมาธิภาวนา  และ นักปริยัติ "ซึ่งพระบาลีแปลไทย สำนวนแปล  พุทธทาสภิกขุ" ฯ ท่าน  จขกท   ลอง เอาไป  สอบทาน  กับ  ตามที่ฉัน รู้ อยู่  "เพื่อ  วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล  (broadmind) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 08:25:59

ความคิดเห็นที่ 7 คุณนะกล่าวถูกแล้วการนั่งสมาธิเป็นวิถีแนวทางของศาสนาอื่น...และขัดกับคริสต์ครับ การนั่งสมาธิของศาสนาอื่น..การนั่งขัดสมาธเป็นการนั่งผืนธรรมชาติเล็กน้อยทำให้รู้สึกตัว(มีสติ)ตลอดเวลา..จึงใช้ท่านั่งนี้จึงที่นิยมใช้กัน แต่ศาสนาคริสต์ การมีสติคือการอธิฐานขอบคุณพระเจ้าด้วยจิตใจสำนึกของตน ... ในพระคัมภีร์(เก่าและใหม่)การมีสติอยู่โดยการคาดเอว(ทำรู้สึกตัวตลอดเวลา)เพราะการสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบายกับร่างกาย... กลับทำให้รับรู้มีสติน้อยลง.. ขอให้พิจารณาดูการสร้างสมาธิของคริสต์คือการระลึกพระคุณและความรักขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า และพระบิดา.. (ด้วยการรู้สึกตนตลอดเวลาและด้วยการอธิฐานและการขอบพระคุณ..แล้วสันติสุขจะบังเกิดมีขึ้นในใจของตนเอง) จากคุณ : christ_kit เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 08:35:15

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวเองเป็นพุทธ  และยังฝึกฝนปฏิบัติสมาธิไปได้ไม่เท่าไหร่นะคะ  จขกท.   แต่เท่าที่พอรู้สมาธิแบบมีสติอยู่กับสิ่งที่ตัวเองทำก็น่าจะพอค่ะ  ลองหาหนังสืออ่านดูนะคะ  อย่างไรก็ดี  ในห้องนี้มีผู้รู้หลายท่านค่ะ มีเพื่อนรุ่นน้องเป็นคริสตังคนหนึ่ง  น้องเขายังเคยไปฝึกสมาธิเลย   แต่ไม่จำเป็นต้องถูกเบี่ยงเบนไปเป็นพุทธค่ะ   ขอให้ จขกท. พบความสุขสงบในสมาธิค่ะ จากคุณ : จันทร์หลงเงา เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 08:41:44

ความคิดเห็นที่ 9 TM พอทำไปสักระยะ ที่เห็นก็จะไปติดกันตรง อุเพงคาปีติ ตัวไหวโยกโคลง แต่ของ TM กระโดดทั้ง ๆ ที่นั่งขัดสมาธิเลย สำหรับคำถาม จขกท ไม่น่าจะยากนะ ก็เอาความรู้สึกจับอยู่กับสิ่งที่กำลังทำ ไม่ให้จิตใจวอกแวกไปกับความคิดอื่น ๆ ก็พอแล้วเท่านี้ก็เป็นสมาธิแล้ว ปัญหาที่น่าจะเจอคือ พอไปถึงจุดหนึ่ง เกิดกำลังสมาธิตก คราวนี้ตัว passion จะฟุ้งกระจายน่ะสิ นี่สิที่น่ากลัวกว่า ทางพระพุทธศาสนาท่านจึงได้สอนให้พิจารณาเป็นวิปัสสนาญาณ เพื่อให้คิดไปในทางที่ถูกต้อง (ต้องคิดไปในทางที่ดับทุกข์ ถึงพระนิพพาน ) ส่วนของ จขกท ถ้ากลัวจะผิดหลักศาสนาตัวเอง พอคลายจากสมาธิแล้ว ก็ลองคิดถึงความดีของพระเยซูท่าน คิดถึงความดีของนักบุญทั้งหลายท่าน ว่าท่านทำความดีอย่างไร เราจะทำตัวอย่างไรให้ได้อย่างท่าน ให้มีจิตใจ และ การกระทำเหมือนอย่างท่านบ้าง แค่นี้ก็น่าจะใช้ได้แล้วนะ  (........ความเห็นส่วนตัวของผมนะ อาจจะผิดก็ได้ อย่าเพิ่งเชื่อ ลองทำดูก่อน ........) แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 09:47:41 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 09:45:55

ความคิดเห็นที่ 10 แค่นั่งในอิริยาบถสบาย ๆ (ไม่ต้องขัดสมาฺธิก็ได้) มองไปไกล ๆ รู้สึกอยู่กับตัวเอง รู้สึกถึงลมหายใจเข้า..... ออก..... หรือจะระลึกถึงคุณความดีของพระเจ้าก็ได้ แค่นี้คงไม่ผิดหลักศาสนาใด ๆ จากคุณ : banchap เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 11:10:21

ความคิดเห็นที่ 11 นั่งคู่บัลลังค์ (ขัดสมาธิ) นั่งที่พื้น กายตั้งตรง สูดลมหายใจเข้าลึกๆช้าๆ แล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออกช้าๆ  ทำแบบนี้ 3 ครั้ง จากนั้น ก็หลับตา   สูดหายใจเข้าช้าๆ  ปลอยลมหายใจออกช้าๆ ประมาณ 10 เที่ยว (เข้าและออก = 1) เมื่อร่างกายกับลมหายใจเริ่มเข้าที่ เข้าทาง  ก็ปล่อยให้หายใจไปตามธรรมชาติ เมื่อลมหายใจเข้าตามธรรมชาติผ่านโพร่งจมูก "ให้มีสติรู้" แล้วพูดในใจว่า "เข้า" เมื่อลมหายใจออกตามธรรมชาติผ่านโพร่งจมูก "ให้มีสติรู้" แล้วพูดในใจว่า "ออก" ทำไปเรื่อยๆ ถ้าเริ่มปวดขา อย่าสนใจ  เมื่อคัน อย่าสนใจ เมื่อมีอาการอื่นแทรกแทรงอย่างสนใจ สนใจอย่างเดียวคือ "ลมหายใจ เข้า กับ ออก" อย่าให้สติหลุดไปคิดเรื่องอื่น ไม่งั้นไม่เรียกสมาธิ เรียกว่าฟุ้งซ้าน ปล. ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาพุทธน่ะครับ  มนุษย์ทุกคนทำได้ แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 54 14:18:57 จากคุณ : เดียวก็ตายจากกัน (ไห่) เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 14:17:22

ความคิดเห็นที่ 12 แบ่งปันประสบการณ์แล้วกันครับ ผมเป็นคริสต์ครับ ตั้งแต่เกิด ช่วงหนึ่งสนใจสมาธิ และมีประสบการณ์เกี่ยวกับวิญญาณ ก็ฝึกสมาธิจากหนังสือแต่นั่งไม่ได้นาน ขาก็ชา แต่ผมชอบปล่อยปลา ให้ทาน ผมทำไปเรื่อยๆ  ยุงกินเลือดก็ให้กิน ใจให้เป็นทาน ถ้าเลี่ยงได้ก็กินมังสวิรัติ จนกระทั่งมีความรู้สึกเน้นๆตรงหน้าผาก ก็ยังปฏิบัติการให้ทาน กินมังสวิรัติ ตรงที่เน้นตรงหน้าผาก ก็ยังเน้นอยู่ จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งนั่งสมาธิรู้สึกว่า นั่งได้นาน ลมหายใจแผ่วเรื่อยๆ จนกระทั่งมีความรู้สึกว่าทำไมไม่หายใจ และยังนั่งอยู่เรื่อยๆ เห็นแต่แสงขาวๆ ขณะหลับตา จนกระทั่ง แสงนั้นวูบเข้ามาหาตัว จึงตกใจ ก้มลงทรุดกับพื้นทั้งๆที่นั่งขัดสมาธิอยู่ เม็ดเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมา(ไม่เคยเห็นเม็ดเหงื่อของตนเองใหญ่แบบนี้) ต่อจากนั้นนั่งสมาธิไม่ได้เลย เหมือนร่างกายครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ก็มาถึงจุดที่การฝึกสมาธินั้นคือการปฏิเสธ พระเจ้า เลยหยุดทำครับ ดังนั้นขอย้อนกลับมาเรื่องคริสต์ต่อครับ ผมก็ยังแสวงหาความจริงอยู่เปลี่ยนโบสถ์เรื่อยๆ ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง จนกระทั่งมาเจอคนที่อธิบายเรื่องเงื่อนไขวิญญาณในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล จนกระทั่งต้องยืนยันอะไรบางอย่าง ทั้งๆที่สังคมไปอีกแบบหนึ่ง ยกตัวอย่างครับ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/11/Y4887099/Y4887099.html ขอให้ดูวันที่ด้วยครับ และมีอีกหลายเรื่องแต่ไม่ขอยกมาในที่นี้ เพราะจะทำให้ประเด็นเคลื่อนครับผม ขอสรุปสั้นๆครับ ทำสมาธิได้  และเรียนรุ้ประสบการณ์การนำของGod ครับ คุณจะเห็นว่าแตกต่างกันครับ จากคุณ : Chukiet_pr เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 19:59:28

ความคิดเห็นที่ 13 ก็ทดสอบ ทดลอง หาประสบการณ์ ไปเลย จะได้เข้าใจ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 20:32:27

ความคิดเห็นที่ 14 ลองเอานี่ไปอ่านดูนะครับ http://www.belongtothetruth.com/Holy/meditation/meditation01.htm จากคุณ : โยชูวาแห่งอัสซีซี เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 04:59:22

ความคิดเห็นที่ 15 TM  (Trancentdential  Meditation)  เข้ามาครั้งแรกสุด (สาวก กูรู อินเดียเอาเข้ามาเผยแพร่ ฯ  แข่งกับ สมาธิเพ่งลูกแก้วฯ) เมื่อเกือบ ๓๐ ปีก่อน   มีกี่คน ในนี้ เกิดแล้วบ้าง ฯ ผู้ฝึก ฯ จะได้ "อารมณ์ของใจ" เรียกว่า "มันตรา" ของใครของมัน รับมาจาก "ท่านอาจารย์" "ห้ามบอกใครๆ ฯ" ยังไงๆ  ก็  สู้  อานาปานสติสมาธิภาวนา ที่พระพุทธเจ้า   ทรงเฉือนขี้ริ้วทิ้งออกให้ หมดแล้ว (วัตถุ ๑๖) ไม่ได้หรอก   "จะบอกให้" จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 07:42:41

ความคิดเห็นที่ 16 ึอยากได้ข้อมูลตัวจริง  ต้องหาตัวจริงครับ เรื่องสมาธิต่างๆ มนุษย์ยุคโบราณพิสูจน์ ผลมากันเป็นพันปีแล้ว ในปัจจุบันก็มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์เยอะ บางทีัำัฟังจากความเห็น แม้จะเป็นประสบการณ์จริงก็ตาม   อาจได้ข้อมูลครึ่งๆ กลางๆ บางคนไม่มีประสบการณ์จริงด้วยซ้ำ แต่ทำรู้ดีไปหมดทุกอย่าง ผมว่า เราจะเป็นยังไง เราย่อมรู้ตัว ชีวิตจริง เีราควรเรียนรู้หลายๆ อย่างและหาสิ่งดีที่สุด   ทีเอ็ม http://www.maharishifoundationformonk.org สถาบันโยคะวิชาการ http://www.thaiyogainstitute.com มูลนิธิสหจะโยคะ แห่งประเทศไทย http://thaisahajayoga.com บรามากุมารี ราชาโยคะ http://www.bkthai.com รศ.​ดร. กฤษดาวรรณ หงศ์ ลดารมภ์ (แนวธิเบต) http://krisadawan.wordpress.com หมู่บ้านพลัม(แนวเซน) http://www.thaiplumvillage.org/ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:32:12

ความคิดเห็นที่ 17 คนอื่ินเขาจะเอากะลาครอบตัวเองก็เป็นสิทธิส่วนตัวของเขา ใครมีกะลาครอบอยู่ ก็ตอบได้เท่าที่กะลาครอบนั้น ส่วน จขกท ละ จะือยากมีชีิวิตแบบใดละครับ โลกนี้กว้า่งใหญ่นัก  แต่ชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้น   แต่ หนึ่งเดียวก็คือทั้งหมด  ทั้งหมดก็คือหนึ่งเดียว จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 24 ธ.ค. 54 10:38:23

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากๆเลยครับ ทุกท่านเลย :) จากคุณ : Xame เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 00:51:27