Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
[อิสลาม] “นิฟาก” อันตรายอันซ่อนเร้นในสังคม ติดต่อทีมงาน

“นิฟาก” อันตรายอันซ่อนเร้นในสังคม

อะไรล่ะ...? ทำไมนะ...?

                จะแก้ตรงไหนดี...? แล้ว...?

                เชื่อว่ามุสลิมหลายคน อย่างน้อยซักครั้งในบางช่วงเวลา เขาคงหยุด แล้วนั่งลง ใช้ความคิด...คิดอย่างสงสัยเกี่ยวกับตัวเอง ชุมชน สังคมมุสลิมที่เขาอยู่ หรือกำปงมุสลิมที่มีให้เห็นทั่วๆไปตามที่ต่างๆ มันคงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า

 “เอ๊...ถ้ามองดูกันตามความจริงแล้ว มุสลิมของเราก็มีอยู่เยอะเหมือนกันนี่นา...” “แต่ทำไม...? ด้วยจำนวนที่มีเยอะขนาดนั้น มันดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรดีขึ้นเลย...”

 “ไหนเราเคยคิดเมื่อก่อนว่า ถ้าพวกเรามีเยอะๆอยู่กันมากๆ ก็คงดี...”

“คนบางกลุ่ม...มีไม่เห็นเยอะเลย (อย่างคนจีนที่ไปอยู่ต่างถิ่น) เขาก็ไม่ได้มีมากกว่าพวกเราสักหน่อย  แต่เขาทำอะไรกันได้ตั้งหลายอย่าง...”

 “เขาอยู่กันแบบไหน...? แล้วเราล่ะอยู่กันอย่างไร...…ฯล               

หากมีคำถามอย่างนี้  คงต้องตอบกันยาวเป็นหางว่าวแน่ เพราะต้องยอมรับกันตรงๆว่า สังคมมุสลิมเรา    ได้หมักหมมปัญหากันไว้นาน และมากจริงๆ   แต่พื้นที่หน้ากระดาษของบทความสั้นๆนี้

เรามาดูกันดีกว่าว่า ปัญหา หรือภัยใกล้ตัวอะไร? ที่บางที เราก็ทำมัน ทั้งรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวในบางสถานการณ์ จนบางครั้งมันกลายเป็นเรื่องธรรมดาของสังคม หรือเป็นเรื่องที่เขาไม่ซีเรียสอะไรกันแล้ว

                ขณะที่ใช้ความพยายามครุ่นคิดอยู่หลายปัญหา คำว่า “นิฟาก” เป็นคำหนึ่งที่ผุดขึ้นมาในสมองถึงเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่   ด้วยกับพฤติกรรมนี้เองที่มันส่งผลร้ายรุนแรงมากกว่าภัยร้ายจากผู้ปฏิเสธ เราจะต้องมาดูกัน เพื่อจะได้รู้จักมัน รู้ถึงผลกระทบของมัน ตลอดจนวิธีการจัดการกับมัน

นิฟากคืออะไร...?

                ‘นิฟาก’  คือ การหน้าไหว้หลังหลอก กลับกลอกโกหก เป็นชนิดหนึ่งของการหลอกลวง ใช้อุบาย โดยแสร้งทำสิ่งหนึ่งออกมา แต่แฝงความคิดที่แท้จริงไว้ภายใน หรือคิดอย่างแต่ทำอีกอย่างโดยมีเจตนาร้ายนั่นเอง

ในทาง ‘ศาสนบัญญัติ’ แล้วจะแบ่ง ‘นิฟาก’ เป็นสองประเภทคือ  ‘นิฟาก’ ในทางความเชื่อ ความศรัทธา และ ‘นิฟาก’ ในทางพฤติกรรม

ซึ่งประเภทแรกคือ การที่คนหนึ่งแสร้งตนเข้ามาเป็นมุสลิม แต่แฝงการปฏิเสธไว้ภายในเพื่อบ่อนทำลายอิสลาม แล้วด้วยพฤติกรรมนี้เอง ถือเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดในมุมมองของศาสนา

ใน ‘อัล-กุรฺอ่าน’ ได้กล่าวถึงลักษณะของคนประเภทนี้ไว้หลายครั้ง หลายที่ด้วยกัน คือโองการที่ 14 ของซูเราะฮฺ  ‘อัล-บะก่อเราะฮฺ ‘  มีความว่า…

“และเมื่อพวกเขา ได้พบบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขากล่าวว่า เราก็เป็นผู้ศรัทธา แต่เมื่อพวกเขาอยู่ตามลำพังกับบรรดาหัวโจกของพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า แท้จริง... เราอยู่กับพวกท่าน เราเพียงแต่ จะเยาะเย้ยคนพวกนี้เท่านั้น”

อีกประเภทหนึ่งก็คือ  ‘นิฟากเล็ก’ หรือการการกลับกลอกหลอกลวงในทางพฤติกรรม คือการที่คนคนหนึ่งแสดงเจตาในการทำสิ่งที่ดี แต่ลึกๆแล้วสิ่งที่อยู่ในหัวใจมันแย้งกัน ซึ่งเราสามารถตรวจสอบตัวเองได้จากมาตรฐานที่ท่านศาสดาได้วางไว้ กล่าวคือ ท่านศาสดาได้กล่าวว่า…

“เครื่องหมายของคน ‘มุนาฟิก’ มีสามประการคือ เมื่อเขาพูด เขาก็ ‘โกหก’ เมื่อเขาสัญญา เขา ‘ผิดคำสัญญา’ เมื่อเขาได้รับความไว้วางใจเขาก็บิดพริ้ว (มุตตะฟะกุนอะลัยฮ์)

 

 

และอีก ‘หะดิษ’หนึ่งคือ

 

“สี่ประการด้วยกัน ที่ผู้ใดมีลักษณะดังกล่าวนี้เขาคือคนสับปลับจริงๆ และหากผู้ใดมีบางประการ ก็เท่ากับเขามีลักษณะของความสับปลับอยู่ในตัว จนกว่าเขาจะเลิกพฤติกรรมดังกล่าว นั่นคือ เมื่อได้รับความไว้วางใจก็บิดพลิ้ว, เมื่อพูดก็โกหก, เมื่อสัญญาก็ผิดสัญญา, และเมื่อเถียงกับใครก็ตะแบง”                                 (มุตตะฟะกุนอะลัยฮ์)

               

                ตลอดช่วงผ่านแห่งยุคสมัยของประวัติศาสตร์อิสลาม มันประจักษ์แก่สายตาของพวกเราถึง อันตรายของพวก “มุนาฟิก” ที่แฝงตัวเข้ามาบ่อนทำลาย พวกเขาสร้างความวุ่นวายสับสนในหัวใจของผู้ศรัทธา เสกสันปั้นแต่งเรื่องเท็จจนทำให้เกิดความเสื่อมเสียขึ้น

หรือกระทั่งตัวของมุสลิมเอง ที่มีคราบของผู้ศรัทธาแต่เกิดลักษณะ “นิฟาก” อยู่ในหัวใจ มันก่อให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประชาคมของพวกเขาเหล่านั้นอย่างไร เราเป็นพยานแล้วถึงพฤติกรรมอันน่าสังเวชของบรรดาผู้นำของมุนาฟิกในช่วงสงครามอุหุดที่ได้สร้างความเสียหายอย่างสาหัสแก่บรรดาผู้ศรัทธา

 แม้กระทั่งท่านศาสดายังเกือบเอาตัวของท่านเองไม่รอดถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจาก ‘อัลลอฮฺ’ เราได้รู้ถึงการใส่ไคล้เรื่องการทำชู้อันชั่วช้าของคนพวกนี้ต่อท่านหญิง ‘อาอิชะฮฺ’ภรรยาของท่านศาสดา

บทบาทอันโสมมของมนุษย์พวกนี้  ยังไม่หมดเพียงยุคของท่านศาสดา พวกมันยังอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์การฆาตรกรรม ‘ค่อลีฟะฮฺอุมัร’

 เหตุการณ์การนองเลือดหลังจากท่าน ‘ค่อลีฟะฮฺอุสมาน’ ถูกลอบสังหาร เหตุการณ์การนองเลือดระหว่าง ‘ศ่อหาบะฮฺ’อันทรงเกียจ ที่ต้องห้ำหั่นจับดาบฟาดฟันกันเองระหว่างพี่น้องมุสลิม อันเป็นจุดดำแห่งประวัติศาสตร์อิสลามในอดีตที่ไม่สามารถลบออกได้

                หลังการผ่านไปของยุคสมัย กาฝากแห่งอิสลามพวกนี้ไม่เคยยุติบทบาทของตน พวกมันยังสร้างความเสียหายด้วยการเข้าร่วมกับชาวอนารายชน ‘ตาตาร์มองโกล’ ในการบุกโจมตีมหานครแบกแดด แห่งอาณาจักร ‘อับบาซียะฮฺ’ อันถือเป็นมหานครอันดับหนึ่งในโลกขณะนั้นลงอย่างย่อยยับพังพินาศ

 ผู้คนเรือนหมื่นแสนล้มตายลง มรดก ตำรับตำราทางวิชาการอันทรงคุณค่าถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น กระทั่งแม่น้ำสายใหญ่ที่ผ่านใจกลางหล่อเลี้ยงมหานครอันรุ่งเรืองกลับกลายเปลี่ยนเป็นสีดำอันเนื่องจากความมากมายของหมึกปากกาที่ผู้รู้ได้เพียรถ่ายทอดวิชาการผ่านตัวอักษรของเขาให้แก่ผู้คน

                ดังนั้นภัยอันตรายของ ‘มุนาฟิก’ จึงเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุดตลอดช่วงเวลาอันยาวนานในอดีต กระทั่งยุคสมัยปัจจุบัน เนื่องจากสิ่งพวกเขาได้แสดงออกมามันขัดแย้งกับสิ่งที่มีอยู่ในใจ

พวกเขาสามารถลวงหลอกผู้คนให้หลงเชื่อไม่ระวังตัว แต่พร้อมหาจังหวะลอบทำร้ายจากด้านหลัง สามารถใช้เล่ห์เพทุบายกลบเกลื่อนบ่อนทำลายโดยผู้คนไม่ทันตั้งตัว

 ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ร้ายเสียยิ่งกว่าการแสดงการปฏิเสธอย่างเปิดเผยซะอีก จึงไม่แปลกเลยที่ ‘อัลลอฮฺ’ จะทรงตรัสเกี่ยวกับโทษของพวกเขาว่า

                “แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นจะอยู่ในขุมนรกชั้นต่ำสุด และเจ้า (มูหัมมัด) จะไม่เห็นผู้ช่วยเหลือสำหรับพวกเขา”                                                                                                                                                         (อัล-นิซาอฺ 145)

                บทเรียนเหล่านี้มันจะมีคุณค่าอย่างยิ่ง หากเราประชาคมมุสลิมนำมันมาใช้เป็นอุทาหรณ์ในการร่วมไม้ร่วมมือกันยุติพฤติกรรมดังกล่าว สกัดกั้นบทบาทของบุคคลที่มีลักษณะหน้าไหว้หลังหลอก พูดจากลับกลอก ตีสองหน้า เชื่อถือไม่ได้ มิให้พวกเขาได้เป็นตัวแทน

หรือชี้นำสังคมของเราได้  ในขณะเดียวกันก็ให้หมั่นตรวจสอบวิถีชีวิตของตัวเอง หัวใจของตัวเอง คำพูดของตัวเอง อย่าต้องให้ตกไปอยู่ในส่วนหนึ่งของบุคคลอันตรายจำพวกนี้โดยไม่ตั้งใจ

 แล้วเมื่อนั้นแหละเราจะได้เห็น และภูมิใจว่า “ธงชัยแห่งอิสลาม” ร่มเงาที่เคยให้ความปลอดภัยแก่ผู้คนที่เขาสู่อ้อมกอดของมัน จะกลับมาโบกไสว ปักชูอยู่บนหัวใจของทุกคนอีกครั้ง!

 http://www.thaialigarh.com/journal/08.html

จากคุณ : Carroth
เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 11:23:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com