ความคิดเห็นที่ 1 ปัจจุบันกาล ณ ขณะกายได้รับสุขเวทนา อยากรวย เมื่อ กายได้รับ ความน่ารำคาญ ปวดอึ ฉี่ หิว อิ่มเกิน แน่น เหม็นในฟันในปากเหม็นกลิ่นตัว คลายกำหนัด ณ ขณะนั้นต้องการ นิพพาน เอาสุด ๆ มีชีวิตอยู่นี่นาก็ต้องสู้กันไป เอารวยไว้ จะได้หยุดดิ้นรนแสวงหาทางโลกเพราะว่า ปกติก็เป็นคนพอเพียงโดยง่ายอยู่แล้วที่ต้องทำต้องดิ้นทุกวันก็เพื่อหาเงินทองมาไว้ใช้จ่ายตามสมควรและสะสมไว้ไม่ให้เกิดความประมาทนี่แหละ จึงเอาเป็นว่า รวยไว้ก่อน จะได้ไปปฏิบัติธรรมรอบโลก และกดเงินมาใช้สบาย ๆ หะหะ จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 09:56:55

ความคิดเห็นที่ 2 วินาทีนี้ตอนนี้    ขอมีตังก่อน    ขอรวยก่อนนิ   ( ใจยังไม่เด็ดขาดกับสุขทางโลก   และยังมีแม่ที่ต้องดูแลอีก 1 คน   ก็อยากให้แม่มีความสุขสบายในบั้นปลายชีวิตบ้างอะไรบ้างอ่ะนะ)     เมื่อมีตังแบบไม่ต้องทำมาหากินให้ชีวิตวุ่นวายแล้ว   ก็มีเวลาไปทำบุญบ้าง    ไปปฎิบัติธรรมบ้าง     เอาทรัพย์สินที่มีไปอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา   ไปพิมพ์หนังสือสวดมนต์แจกบ้าง   ไปช่วยสร้างสำนักปฎิบัติธรรมบ้าง ไปช่วยสร้างวัดบ้าง    ไปช่วยสร้าง-ซ่อมแซมบำรุงโรงพยาบาลบ้าง    ไปช่วยผู้ยากไร้บ้างอะไรบ้าง   ไปช่วยเหลือเกื้อกูลญาติสนิทมิตรสหายบ้าง   แบบนี้เป็นต้น ระหว่างพิมพ์ความเห็นนี้   จินตนาการก็ทำงาน   เพ้อเจ้อไปได้ไกลมากๆเลย   ( โอ๊ยยยย .....ฝันหวานเข้าไป   ฝันกลางวันแสกๆ   .....ตื่งๆๆๆ  ) จากคุณ : annyfatgirl เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 10:23:48

ความคิดเห็นที่ 3 ต้องมีเงินเท่าไหร่ครับถึงจะเรียกว่า รวยแล้ว หนี่งล้าน สองล้าน ห้าล้าน สิบล้าน ร้อยล้าน ฯลฯ สำหรับผม ถ้าหาเงินได้มากกว่าที่ใช้ออกไป (อย่างมัธยัสถ์) แม้ว่าจะไม่รวย ก็ถือว่า ใช้ได้แล้ว จากคุณ : นิแรน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 10:38:38

ความคิดเห็นที่ 4 ต้องการนิพพานครับ ชีวิตนี้ผมไม่ต้องการอะไรแล้วนอกจาก BMW Z4 ซักคัน บ้านแลนด์ซักหลัง Absolute ซักเมม จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:18:59

ความคิดเห็นที่ 5 อยากนิพพาน แต่ระหว่างยังไม่ถึงนิพพานถ้าจะรวยได้ก็ดี ไม่ถึงกับอยากรวยแต่ไม่ปฏิเสธถ้าจะรวยได้ จากคุณ : natlapoon เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:27:39

ความคิดเห็นที่ 6 นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง^^ จากคุณ : ฟ้าสีใส เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 11:46:21

ความคิดเห็นที่ 7 ทั้งสอง อย่าง   อยากรวย ไม่ใช่อะไรหรอก  จะเอาไปช่วยคน   แต่มันก็ตัณหาอ่ะนะ จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 12:53:01

ความคิดเห็นที่ 8 รวยพอแล้ว เบื่อโลกพอแล้ว ขอไปนิพพาน จากคุณ : KONICHIWA เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:42:08

ความคิดเห็นที่ 9 ทำดีอยากได้อะไรก็ได้ อยากได้หมดเลยก็ได้      [๓๑๙] พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราเมื่อตายไปแล้ว พึงเข้าถึงความเป็นสหายแห่งกษัตริย์มหาศาลเถิด ดังนี้ก็มี เธอจึงตั้งจิตนั้น อธิษฐานจิตนั้น เจริญจิตนั้นความปรารถนาและวิหารธรรมเหล่านั้น อันเธอเจริญแล้วอย่างนี้ ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความสำเร็จในภาวะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้มรรค นี้ปฏิปทา เป็นไปเพื่อความสำเร็จในความเป็นสหายแห่งกษัตริย์มหาศาล ฯ      ....          [๓๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ประการอื่นยังมีอีก ภิกษุเป็นผู้ประกอบด้วยศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เธอมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เราพึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไปทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่ เธอจึงเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในปัจจุบันอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ย่อมไม่เกิดในที่ไหนๆ ฯ ******************** สังขารูปปัตติสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=4497&Z=4713&pagebreak=0             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=318 จากคุณ : Serene_Angelic เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 13:42:38

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ จขกท น่าจะลองแบ่งเวลาไปปฎิบัติธรรม เจริญพระกรรมฐานอย่างจริงๆจังๆบ้างนะคะ จากคุณ : ลูกไม้ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:32:41

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ก่อนอยากรวย  มีเงินเย๊อะๆ  ตอนนี้ก็ยังมีอยากเหลืออยู่  แต่พิจารณาแล้วพอได้เงินเย๊อะ ก็ใช้จ่ายเย๊อะเงินที่มาก็สนองความอยากได้ชั่วขณะ  เดี๋ยวก็อยากใหม่อีกแล้ว แล้วก็สนองมัน เข้าไปทุกทาง ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น สัมผัส  จะเปรียบไปก็เหมือน หมาแทะกระดูกติดเศษเนื้อ มันแทะยังงัยก็ไม่อิ่ม  มันหิวตลอดเวลา ยิ่งแทะก็ยิ่งอยาก แต่ไม่หายหิว   เฮ้อคิดได้จน ตกผลึกแล้ัว   ขอหยุดดีกว่า แต่มิใช่หยุดกิจกรรมในชีวิต  เพียงแต่ไม่ดิ้นรนขวนขวาย ตามความอยากจนเกินพอดีแล้ว  ไม่เอาแล้ว  เอาความสุขที่เกิดจากการปฎิบัิติธรรมดีกว่า อยากไปนิพพาน ก็ไม่ต่างกับการอยากรวยหรอก  ฉนั้นเป้าหมายในชีวิตคือเดินไปเรื่อยๆ ตามทางสายนี้ ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง  แต่มุ่งหน้าที่จะเดินไป ขอเพียงบรรลุเป้าหมายแรก คือ พระโสดาบัน ในชาตินี้ก็ถือว่าดีพอแล้ว ^^ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 14:35:53

ความคิดเห็นที่ 12 ทั้งสองอย่าง ยังไม่เคยได้ เพราะฉะนั้น ขอทั้ง 2 ข้อเลย แต่ "ตอนนี้" ขอรวยก่อน คำว่า "รวย" คือ ใช้จ่ายอย่างไร้กังวล พ่อกับแม่ขอเท่าไหร่ ก็สามารถให้ได้ จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:02:35

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับผมน่ะ เรื่องเงิน ไม่ตาย ก็หาใหม่ได้   ถ้าพลาดนิพพานเที่ยวนี้ ต้องเสียเวลาอีกกีร้อย กี่พันปีก็ไม่รู้ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 15:15:26 จากคุณ : ไห่ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:14:07

ความคิดเห็นที่ 14 อยากไปนิพพานเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต แต่ระหว่างที่ยังไปไม่ได้ก็ขอรวยด้วย รวยแบบไม่ต้องทำมาหากินเลยนะ ขอทุกภพทุกชาติ จะได้มีโอกาสได้ช่วยคนได้มากขึ้น เอาเวลาที่จะไปทำมาหากินไปช่วยคนอื่น เป็นบุญต่อบุญค่ะ จากคุณ : รอยยิ้มนี้มีเพื่อเธอ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:19:48

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่อยากทั้งสองอย่างครับ จากคุณ : Windows X เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:25:21

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนนี้ยังไม่รวยอยากรวยเหมือนกัน แต่ถ้าให้เลือกได้อย่างเดียว และเลือกแล้วได้เหมือนกดปุ่ม ขอเลือกนิพพานครับ เพราะถ้านิพพานแล้วจะได้ไม่อยากอะไรอีกต่อไปครับ จากคุณ : ,,,ชีวิตที่เหลือของเรา,,, เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 15:50:49

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเลือกข้อเดียวก็นิพพาน ถ้าทางบ้านมีพื้นฐานเรื่องเงินดีเรามุ่งนิพพานอย่างเดียวแล้วค่ะ แต่ชีวิตทุกวันนี้ดิ้นรนอยู่ ขอเลี้ยงดูแม่กับน้องให้ดีก่อนค่ะ แต่ไม่ได้หมายถึงเชิงอยากรวยนะคะ เพราะรวยแล้วไม่ได้แปลว่าปัญหาจบ แค่อยากสบาย มีรายรับประจำที่ ไม่ต้องพะวงเรื่องค่าใช้จ่ายของที่บ้านโดย ที่ไม่ต้องทำงานนะคะ 555 อาจจะจากเงินปันผล, ค่าลิขสิทธิ์หรือค่าเช่าอะไรสักอย่างก็ได้ แค่นี้ก็สบายใจ จะไปปฎิบัติที่ไหนก็ได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องเงินอีก เราว่าจะทำให้ปฎิบัติได้แจ่มใสมากขึ้น ถ้าพูดกันตรงๆ แล้ว มนุษย์ปุถุชนที่ไม่ได้บวชโดยเฉพาะผู้หญิง ไม่มีเงินก็อยู่ลำบากในโลกปัจจุบันค่ะ แค่งานก็หากันยากแล้ว ยิ่งไม่มีเงินก็จะเครียดกัน ส่งผลถึงคนใกล้ตัวด้วย จากคุณ : monkeypim เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 16:28:11

ความคิดเห็นที่ 18 ณ ตอนนี้สมมุติถ้าให้เลือกได้ในชาตินี้ ระหว่าง การที่มีเงินร้อยล้านพันล้านมากองให้เราอยู่ตรงหน้า และให้เราสามารถใช้ชีวิตอย่างเศรษฐี มีความสุขกายสบายใจในทางโลกตลอดทั้งชาตินี้  กับการที่ ให้เราสามารถสะสางปัญหาต่าง ๆ หรือสะสางความห่วงกังวลทั้งหลายในทางโลกที่ร้อยรัดเราอยู่ในขณะนี้ให้หมดลงได้ด้วยดีทั้งหมด แล้วต้องสละทิ้งทางโลกให้หมดและออกบวชเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นออกจากห้วงวัฏฏะ...   ผมคิดว่าผมขอเลือกอย่างหลังครับ จากคุณ : time wait for no one เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 16:57:33

ความคิดเห็นที่ 19 เคยสนทนาธรรมกับแม่ชี  แม่ชีบอกว่าต้องมีเงินติดตัวด้วย เวลาทำบุญหรือใส่บาตรพระ นอกจากจะปฎิบัติอย่างอุกฤษ ไม่ต้องมีเงินก็ได้ แต่ต้องบอกกับสมณะไว้ก่อน จากคุณ : คำเภา1 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 17:51:52

ความคิดเห็นที่ 20 อยากรวย(อริยทรัพย์) ผมก็อยากนะ อยากนิพพาน ก็อยากเหมือนกัน แต่ไม่อยากแบบเอาตัวรอดคนเดียว เอาคนอื่นรอดด้วย จากคุณ : ABP@BDZ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 18:17:32

ความคิดเห็นที่ 21 อยากมีเงิน ไว้สร้างวัด ทำบุญ ทำนุบำรุงพระศาสนา   แต่ถ้าต้องเลือก อยากนิพพานครับ : ) จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 18:41:42

ความคิดเห็นที่ 22 เอ??? แล้วนิพพานในความเห็นของคุณนี้มันคืออะไร? ส่วนเรื่อง รวย นั้นพอจะเข้าใจ ถ้านิพพาน หมายถึง จิตที่ไม่มีทุกข์ในปัจจุบัน หรือจิตที่สงบเย็นที่นี่และเดี๋ยวนี้แล้วละก็ เราสามารถมีได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน คือทั้งรวยและไม่มีทุกข์ หรือ รวยและสงบเย็นด้วย   แต่คนที่รวยส่วนมากจะรวยแล้วไม่สงบเย็น เพราะไม่เข้าใจธรรมะ หรือไม่รู้จักนิพพานอย่างถูกต้อง  ส่วนคนจนที่ไม่เข้าใจธรรมะก็ยังจนแล้วก็ไม่สงบเย็นอีก ส่วนคนที่เข้าใจธรรมะแล้วไม่ว่าเขาจะรวยหรือจนเขาก็สงบเย็นได้เสมอ จากคุณ : What am I? เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 20:41:51

ความคิดเห็นที่ 23 รวยเเน่นอนค่ะ อิอิ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:04:10

ความคิดเห็นที่ 24 นิพพาน กับ ความรวย นำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย ถ้าหากเรารู้จักนิพพานอย่างแท้จริง เราจะไม่ถามอย่างนี้เลย เพราะหากเทียบคนรวย กับคนที่เห็นแจ้งนิพพานแล้ว คนรวยในโลกก็ยังถือว่าเป็นยาจกอยู่นั่นเอง เพราะเป็นสมบัติที่สามารถเสื่อมได้ แต่นิพพานสมบัติเป็นสิ่งที่ไม่มีเสื่อม ลองถามดูใหม่ ถ้าหากว่าเรารวยแต่ว่ายังไม่แน่ว่าจะรวยถึงเมื่อไร อาจจะจนเมื่อไรไม่รู้ อาจจะต้องใช้ทรัพย์รักษาตัว อาจจะต้องทุกข์เพราะการรักษาทรัพย์ อย่างที่ผ่านมาเรารวย แต่ว่าโดนน้ำท่วมไปหมด อย่างนี้คิดว่าเราต้องการไหม แต่ถ้าเราเห็นว่าอนาคตเราไม่มีวันเสื่อมจากความสุข ไม่มีโรคอะไรจะเบียดเบียนเราได้ ไม่มีสิ่งใด ๆ จะทำให้เราทุกข์ได้ เทียบกับสมบัติที่ยังมีความเสื่อมปรากฏแล้วไม่ได้เลย จากคุณ : พักผ่อน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 21:05:55

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าให้พูดแบบไม่โกหก "ผมอยากนิพพานมากกว่าครับ" แต่ในความเป็นจริงดูจากสภาพตัวเองตอนนี้แล้วนิพพานยังคงอยู่อีกไกลแต่ก็อยากนิพพานไว้ก่อน นิยามของคำว่า "รวย" คืออะไร? คือมีทรัพย์เหลือเกินความจำเป็นใช่ไหม? เพราะงั้นเรื่องรวยอะไรนั่น "ผมไม่สน" ขอแค่มีเงินพอกินพออยู่ มีเงินไว้ใช้ยามเจ็บป่วย มีเงินไว้เพื่อไปทำบุญ มีเงินเหลือไว้แบ่งปันให้กับคนรอบข้าง เช่น พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ (เพื่อนก็ให้ได้...แต่คืนด้วย 555+) เป้าหมายสูงสุดของผมไม่ได้อยู่ที่รวย แต่อยู่ที่การไม่ทุกข์ครับ ความรวยเลยไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม... เมื่อก่อนยอมรับครับว่าอยากทำงานหาเงินเยอะๆ แต่พอลองหันมาศึกษาธรรมะแล้วความคิดนั้นมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นทำเพราะมันก็เป็นหน้าที่ของฆารวาสอย่างเราๆ แค่นั้นเอง ทำไปแบบให้เต็มหน้าที่ และความสามารถของเรา แต่ไม่ได้ทำเพื่อให้รวย ยิ่งอยากรวยมันยิ่งทุกข์อะครับ สู้ทำงานไปในแบบที่เราปล่อยวางได้ แต่ทำเต็มความสามารถ และรับผิดชอบเต็มหน้าที่จะดีกว่า ไม่กดดันตัวเองดี แถมทำให้การทำงานมันมีความสุขขึ้นมามากกว่าแต่ก่อนด้วย ... แล้วความรวยมันก็จะตามมาเองโดยอัตโนมัติโดยที่เราไม่ต้องไปหวัง ก็เข้าใจหลายๆ คนเกิดมาในฐานะมีทรัพย์น้อยถึงระดับมีทรัพย์ปานกลาง เลยอยากจะไขว่คว้าทรัพย์กันเอาไว้เยอะๆ แต่เราต้องการทรัพย์มากๆ ไว้ทำไม? เราเคยถามตัวเองไหม? เพื่อตอบสนองต่อสิ่งไม่จำเป็น เพื่อตอบสนองต่อประโยชน์เทียมใช่ไหม? คำว่าประโยชน์เทียมคือ ประโยชน์ที่ไม่ใช่ประโยชน์ที่แท้จริงของสิ่งนั้น เป็นแค่ประโยชน์ที่ตอบสนองกิเลสแค่นั้น ส่วนประโยชน์แท้ก็คือ ประโยชน์ที่แท้จริงของสิ่งนั้น เช่น อาหาร ประโยชน์แท้ของอาหารคือ ให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนประโยชน์เทียมคือ รสชาติ รูปร่างหน้าตา ภาพลักษณ์ คนเราชอบไปยึดติดกับประโยชน์เทียมถึงอยากได้ทรัพย์อย่างโน้น ทรัพย์อย่างนี้ มันก็ต้องเดือดร้อนหาทรัพย์มาให้พอกับความต้องการตอบสนองประโยชน์เทียม เช่น บ้านฐานะปานกลาง แต่อยากขับรถยนต์ Lexus เพราะต้องการความหรูหรา ภาพลักษณ์ที่ดูดี ก็เลยต้องไขว่คว้าหาทรัพย์มาเพื่อซื้อ Lexus ทั้งๆ ที่ทรัพย์ที่มีมันก็พอซื้อ TOYOTA ได้อย่างสบายๆ TOYOTA ก็ใช้ขับพาเราไปไหนมาไหนได้เหมือนกัน อันนี้มันก็มุมมองใครมุมมองมัน เป็นความพอใจของแต่ละคน ถ้าพอใจในการหาทรัพย์ก็หาไป ขอแค่ไม่ไปทำความเดือดร้อนไม่ไปเบียดเบียนใครก็พอแล้วครับ ปล. ที่เจ้าของกระทู้มาถามนี่คือจะชั่งใจว่าจะแต่ง(เอาสมบัติ 100 ล้าน) หรือ ไม่แต่งดีหรอครับ 55+ ...ขำๆ นะ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 22:15:48 จากคุณ : IT Boys เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:05:13

ความคิดเห็นที่ 26 "เลี้ยงดูปากท้องไม่กี่บาทก็อิ่มแล้ว แต่เลี้ยงดูกิเลสเท่าไหร่มันก็ไม่อิ่ม" รวยแค่ไหนก็ไม่พอครับ รวยแล้ว อยากรวยอีก ไขว่คว้ากันไม่สิ้นสุด ขอเลือกนิพพานดีกว่า เป็นสุขที่แท้จริง จากคุณ : Mr.nobreak เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:31:37

ความคิดเห็นที่ 27 รวยแล้ว ขอนิพพาน จากคุณ : ศรารัศมิ์ เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 22:45:29

ความคิดเห็นที่ 28 ถามห้องนี้ คำตอบก็คงต้องเป็นข้อ2 มากกว่า แต่ถ้าถามคนส่วนใหญ่ทั่วไปในโลกนี้ ก็ต้องเป็นข้อ 1 จากคุณ : Silencemind เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:20:31

ความคิดเห็นที่ 29 ความรวยมีไว้ให้อยาก ....อยากรวย.. นิพพานมีไว้เป็นจุดหมาย .....(แม้จะอีกยาวไกล)... แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 54 23:35:26 จากคุณ : จิตรพร เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 54 23:33:01

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้ามีใครมาบอกว่าสามารถเอาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ทั้งหมด(ส่วนตัว) มาแลกเพื่อเข้านิพพานได้ ผมไม่ลังเลใจเลย จากคุณ : คนรักน้ำมัน เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 00:42:03

ความคิดเห็นที่ 31 ก่อน ตอบกระทู้ (๑) ต้อง  นำร่อง ด้วย เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ไม่เพลินใน "กระแสอะไรๆ"  ตาม กาลามสูตร ที่ตรัสไว้ (๒) ศึกษา  พระสูตรเพียงพอ จะ รู้ว่า  "ความอยาก (แบบปุถุชน) ไม่ สามารถ เนื่องกับ นิพพาน ตามที่ตรัสไว้" (๓) ส่วน นิพพาน ตาม คำ ใครกล่าวก็ตามว่า "คือ แดน"  "คือ แหล่งแห่งที่  ที่พระอรหันต์ตายแล้วจะไปอยู่ที่นั่น"  "เอาข้าวไปถาวยพระพุทธเจ้า  ได้ มหาบุญ" ฯ เกี่ยวกับ "ความอยาก"  เสมอ ฯ ตอบกระทู้ ไม่เลือกสักข้อ เพราะ เมื่อศึกษา  พระพุทธวจนะ มากพอเพียง ฯ จะ สรุปได้เองว่า ความอยาก  ไม่ว่า เนื่องกับอะไรๆ (จะกุศล มหากุศล)   ย่อม ไม่ใช่  "แรกก้าวของก้าวแรก  แห่ง สัมมาทิฏฐิ  ที่ตรัสว่า ดุจอรุณรุ่ง  ที่ตามมาด้วย ความสว่างไสว ฯ" สรุป ไม่โหวต  ข้อไหนครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 05:12:07

ความคิดเห็นที่ 32 หากยังไม่ถึงนิพพาน ขณะมีชีวิตอยู่ขออยู่อย่างสุขสบาย มีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ ทำบุญทำทาน รักษาศีล ภาวนา ทำนุบำรุง ค้ำจุนพระพุทธศาสนา ไปทุกภพทุกชาติ จากคุณ : SKYLER เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 05:45:27

ความคิดเห็นที่ 33 อยู่กับปัจจุบันให้ได้ จะร่ำรวยหรือนิพพานก็ไร้ความหมาย จากคุณ : ต้นแมกโนเลีย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 07:10:57

ความคิดเห็นที่ 34 อยากนิพพานแต่ชาตินี้คงยาก แต่ก็พยายามเดินทางอยู่. งั้นขอรวยไว้ก่อน ยิ่งมากยิ่งดี สักแสนล้านๆ บาท จะเอาตังไปเวนคืนที่ดินทำ floodway สร้างเขื่อนป้องกันน้ำทะเลหนุน  ผลผลิตเกษตรไม่เสียหาย คนมีกินไม่ลำบาก ไม่ต้องพึ่งกู้เงินต่างชาติ มันชี้นิ้วให้ทำอะไรก็ต้องทำตามมัน  ให้ทุนการศึกษาเด็กเก่งและดีเรียนสูง จบมาทำงานให้รัฐจ่ายเงินเดือนอย่างงามสูงกว่าฝรั่ง  ให้ทุนวิจัยก่อสร้าง ผลิตพลังงานทดแทน.  สนับสนุนพุทธศาสนาวัดทั่วประเทศ  โครงการเยอะค่ะ. ฝัน ฝันและฝันว่ารวย อิอิ จากคุณ : Tiger Bood เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 09:28:03

ความคิดเห็นที่ 35 ผมไม่เคยประสงค์ที่อยากรวย หรือเป็นเศรษฐีเลย   แต่ผมก็ไม่เคยยากจน เพราะไม่ประมาทในการดำรงณ์ชีวิต กระทู้นี้เป็นแรงผลักดัน ทำให็ผมประสงค์ตั้งกระทู้ใหม่แตกประเด็นส่วนตัว ในกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11503832/Y11503832.html แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 12:03:29 จากคุณ : P_vicha เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 10:00:29

ความคิดเห็นที่ 36 ความอยาก มันเรื่องที่ยังมาไม่ถึง ยังไม่ได้ครอบครอง ตามแบบ คห 33 ค่ะ เอาปัจจุบันเป็นที่ตั้ง  วันนี้สุขใจ ทำเรื่องสบายใจ อนาคตก็สุขและสบายใจค่ะ อยากอะไรก็ให้อยู่ในศีลก็พอละ จากคุณ : ดรีมเมอร์ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 10:28:13

ความคิดเห็นที่ 37 หลวงปู่ชา สุภัทโท ความอยาก จากคุณ : กว้างขวาง เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 10:51:43

ความคิดเห็นที่ 38 ขอตอบว่า นิพพาน โดยทันที รวย กับ นิพพาน เทียบค่ากันไม่ติดเลยสำหรับเรา จากคุณ : snoopy21 เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 10:58:34

ความคิดเห็นที่ 39 รวยแค่ไหนก็ไม่พ้นทุกข์ ลองดูได้มีตัวอย่างอยู่รวยเป็นหลายหมื่นล้านแต่ต้องหนีออกนอกประเทศ จากคุณ : จะมาเอาอะไรกับโผ๊มมมมม เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 11:53:54

ความคิดเห็นที่ 40 มนุษย์ทุกคน มีธรรมชาติ แสวงหา สุข หนีทุกข์ แต่มันต่างกันตรงนี้ ตรงที่ ความเข้าใจ ในทุกข์กับสุข นั่นล่ะ ถ้าคนคนหนึ่ง เข้าใจว่า อะไรเป้นเหตุแห่งทุกข์ ก็ย่อมจะมีทิฐิ และดำริ ออกจาก และละเสีย จากเหตุนั้น ถ้าคนคนหนึ่ง เข้าใจว่้า อะไรเป็นเหตุแห่งความพ้นทุกข์หรือเหตุแห่งสุข ก็ย่อมจะมีทิฐิและดำริเพื่อทำเหตุให้ไปสู่ทางนั้น ดังนั้น ถามว่า อยาก รวย หรือ นิพพาน ก้ถ้าเข้าใจว่า เงิน แก้โจทย์ในชีวิตได้ เขาก็จะไปทางนั้น ก็ถ้าเข้าใจว่า นิพพาน แก้โจทย์ในชีวิตได้ เขาก็จะไปทางนั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวล มันไม่ใช่การต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง มันไม่ใช่ทางแยกว่า ถ้าเลือก ก แล้ว จะเสีย ข  ไป มันไม่ใช่ แต่มันคือการทำความเข้าใจและทิฐิต่อสิ่งต่างๆ ทั้งหมด การแสวงหาเงินไม่จำเป็นต้องรวยเสมอไป ความพอดี จะเป็นตัวตัดสิน คนมีเงินก็นิพพานได้ คนไม่มีเงินก็นิพพานได้ ดังนั้น ทั้งสอง เหตุนั้น ไม่เป็นเหตุผลในทางตรรกะต่อกันว่า เมื่อ กแล้ว จะไม่ ข คนละเรื่อง มันอยู๋ที่ความเข้าใต ความพอดี ทิฐิ จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:48:47

ความคิดเห็นที่ 41 จึงควรถามว่า ความพอดีมันอยู๋ตรงไหน ก็จะตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่อง ความรวย และ นิพพาน ความรวย นี้ อยาก ฝาก จขกท ไว้ ว่า มันตัดสินกันไม่ได้อย่างแท้จริง ผมถามง่ายๆ ว่า คนคนหนึ่ง มีเงินวัน 20 ใช้ วันละ 10 คนคนหนึ่ง มีเงิน วันละ 20 ล้าน ใช้ วันละ 30 ล้าน ใครจนกว่ากัน ถ้าอีกคนหนึ่งเงินเดือน 50,000 ใช้ วันล่ะ500 อีกคนเงินเดือน 10,000 ใช้วัน  50 ใ:-) คนหนึ่ง มีบ้าน ราคา 50 ล้าน คนหนึ่ง มีบ้านกระต๊อปประเมินราคาไม่ได้ น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ไฟไหม้ บ้านหายเกลี้ยง ใครจะสูญเสียมากกว่ากัน แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 12:57:33 จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:50:01

ความคิดเห็นที่ 43 ผมเห็นว่า ในสมัยพุทธกาล ก็มี อนาถบิณฑิกเศรษฐี นางวิสาขา ก็ยังเป็นอริยบุคคล ผมจึงเห็นว่า มันเป็นคนละเรื่อง นิพพานนั้น ประกอบด้วย มรรคมีองค์ 8 ซึ่งมีเหตุปัจจัย อย่างแท้จริง สำคัญตรงนี้ล่ะ ส่วนเรื่องความรวบ มันเป็นเรื่องวัดไม่ได้อย่างแท้จริง จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 13:01:08

ความคิดเห็นที่ 44 เอาแบบตอบคำถาม  ก็ นิพพาน  แบบไม่ต้องเลือกสิ่งใด แต่สะดุดตรงที่  อยาก  นี่แหละ  ถ้าอยากแล้วมันได้นิพพาน ใครๆก็คงได้ไปแล้ว  เอาเป็นว่าไม่อยากดีกว่านะ  เมื่อไม่อยาก ก็ไม่เป็นกิเลส  ขอเลือกข้อที่ไม่มีให้เลือก  คือไม่อยากทั้งสอง  คะ ถ้าเราอยากก็จะไม่ได้สิ่งใด  แต่ถ้าสร้างเหตุ เพื่อให้ได้ผลนั้น  เราขอเลือกสร้างเหตุ เพื่อ มรรค ผล นิพพาน  เท่านั้นคะ จากคุณ : goodsthailand เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:34:18

ความคิดเห็นที่ 45 นิพพาน จากคุณ : เอิงเอย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:38:43

ความคิดเห็นที่ 46 รวยไปก็ใช้ได้แค่ชาตินี้ชาติเดียว ตายไปคนที่เขามีสิทธิ์ตามกฎหมายเขาก็เอาไปใช้ต่อ ดูเศรษฐีหมื่นล้านสิครับ มีใครไม่ตาย มีใครไม่ทุกข์ มีไหม? เห็นมีเป็นหมื่น ๆ ล้าน หน้าตายังซีดเซียวเหี่ยวแห้งน่าสงสาร บางคนมีเงินเก็บเป็นตู้ ๆ ขโมยมาตั้งหลายคนยังไม่อาจขนไปได้หมด แทนที่จะมีความสุข โถ... เห็นโผล่หน้ามาทีไรทำหน้าอมทุกข์น่าสงสารจริงๆ เงินจึงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของชีวิต เลือกนิพพานดีกว่าครับ สันติสุขตลอดกาล หากยังไม่เข้าถึงนิพพานขอให้ร่ำรวยอริยทรัพย์ทุกภพทุกชาติครับ จากคุณ : สติ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 18:02:17

ความคิดเห็นที่ 47 ^ ^ สาธุ...สาธุค่ะ " หากยังไม่เข้าถึงนิพพานขอให้ร่ำรวยอริยทรัพย์ทุกภพทุกชาติครับ" จากคุณ : เอิงเอย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าแลกได้ตอนนี้เลย ให้รูปงามเหมือนแบรด พิทท์ รวยกว่าบิลเกตต์ มีอำนาจกว่าโอบามา แข็งแรงกว่าเฮอร์คิวริส ร้องเพลงเพราะที่สุดในโลก ในฮาเร็มมีหญิงงามเป็นแสนคน ผมเลือกไปนิพพานครับ จากคุณ : Rovivta เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 11:14:40

ความคิดเห็นที่ 49 อนิจา ความรวยมันไม่ตอบโจทย์เรื่องทางแก้ความทุกข์นี่ครับ ที่ว่าอยากรวยกันก็เพราะส่วนลึกอยากจะพ้นทุกข์ ไม่มีทุกข์กันทั้งนั้น อันที่จริงปฐมบทของการเข้าสู่นิพพานก็มาจากความอยากที่จะพ้นทุกข์เช่นกัน เมื่อผู้มีปัญญามามองเห็นแล้วว่าสิ่งต่างๆในโลกมันไม่ใช่หนทางในการแก้ความทุกข์อย่างแท้จริง ก็พยายามหาหนทางอื่นในการแก้ทุกข์ ซึ่งทางนั้นก็มีอยู่ทางเดียว ที่พวกเราเรียกกันว่า "ทางสายเอก" จากคุณ : luangrit เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 15:26:53

ความคิดเห็นที่ 50 ใครเลือกนิพพาน   วันนี้ท่านพิจารณากายวันละนิดรึยัง ^ ^ จากคุณ : subyaey เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 02:16:33

ความคิดเห็นที่ 51 เสริมข้อมูล การบัญญัติความสุขในพระพุทธศาสนา http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/interest/part9.2.html จากคุณ : deedang เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 54 09:46:38