|
โทษของความอิจฉาคือ เมื่อเกิดชาติหน้าจะเป็นคนไม่มีอำนาจวาสนา ไม่ี่มีบารมี
อิจฉาเพราะมองไม่เห็นว่าชีวิตของคนเรามีแต่ทุกข์ เขาก็มีความทุกข์
ในสังสารวัฏนาน ๆ คนเราสักคนจะได้รับความสุขบ้างก็เป็นเรื่องดี เพราะความสุขในชีวิตคนเราแสนจะน้อย ชีวิตก็แสนจะส้น ใครจะไปรู้วันนี้เค้ามีัความสุขอยู่ พรุ่งนี้เค้าอาจจะไม่มีความสุขนี้อีกแล้วเพราะสิ่งทั้งหลายไม่ยั่งยืน
เห็นเค้ามีความสุข เห็นเค้ายิ้มอย่างร่าเริง ก็ยังดีกว่าเห็นเค้ามีน้ำตา
คนเราน้อยใจในโชคลาภวาสนาเพราะไม่ีมีความพอ และไม่รู้จักค่าของสิ่งที่มี
พระพุทธองค์ทรงสอนว่า "คนมีปัญญา ดีกว่าคนมีทรัพย์" เราอยากจะได้เหมือนใครทำไม ในเมื่อสิ่งที่ดีที่สุดคือปัญญาที่ไม่ต้องขอจากใคร
คนบนโลก มหาเศรษฐี ที่มีสิ่งต่าง ๆ มากมาย ไม่ใ่ช่ว่าจะได้แก่นสารอะไรในชีวิต สิ่งที่ควรแสวงหาของคนทั้งจน ทั้งรวย ทั้งหนุ่มสาว ทั้งแก่ คือแก่นสารของชีวิต ไม่ใช่ความมีอะไรเหนือใคร เพราะความจริงแล้ว ไม่มีใครมีอะไรเลย ตนเองก็ยังไม่้มี
ครั้งนึง พระพุทธองค์ตรัสเรื่องนี้ให้เห็นความจริงว่า "แม้แต่ตัวเราเอง ก็ยังไม่ีมีอยู่จริง ในความเป็นจริงเลย มีแต่เพียงสังขาร ขันธ์ห้่าเท่่านั้น หาตัวตนของใครที่ไหนแท้จริงไม่ไ้ด้ แล้วเราจะห่วงอะไร"
ปุตฺตา มตฺถิ ธนมตฺถิ อิติ พาโล วิหญฺญติ อตฺตา หิ อตฺตโน นตฺถิ กุโต ปุตฺตา กุโต ธนํ. คนพาล ย่อมเดือดร้อนว่า บุตรทั้งหลายของเรามีอยู่, ทรัพย์ของเรา มีอยู่,
ตนแลย่อมไม่มีแก่ตน,
บุตร ทั้งหลายจะมีแต่ที่ไหน? ทรัพย์จะมีแต่ที่ไหน?
เมื่อมองตามความเป็นจริงแล้ว ไม่เห็นตัวตนของใครในขันธ์ห้า ก็จะไม่มีความคิดอีกว่า เขาดีกว่าเรา เราดีกว่าเขา หรือเขาเท่ากับเรา เป็นต้น เลิกเปรียบเทียบกับใครในเรื่องอะไรอีก
เหมือนเวลาเรามองบ้านสองหลัง บ้านเรา กับบ้านเขา เราคิดว่าบ้านเขาสวยกว่าเรา
แต่เมื่อมองให้ดี บ้าน เป็นเพียงสมมุติ ที่จริงไม่มีบ้าน มีแต่ไม้ มีแต่ปูน มีแ่ต่ดิน มาวางต่อ ๆ กัน ติด ๆ กัน แล้วสมมุติว่าเป็นบ้าน พอมองได้อย่างนี้ก็จะเลิกเปรียบเทียบบ้านเรากับบ้านเขา เพราะไม่เห็นความเป็นบ้าน
หรือเมื่อเกิดพายุใหญ่ พัดบ้่านถล่ม ไม่เหลือความเป็นบ้านเลย มีแต่กองเศษไม้ ทีนี้ เราจะบอกอะไรได้อีกว่า นั่นเป็นบ้านใคร บอกอีกไม่ได้เลย เพราะเหลือแต่กองเศษไม้ เศษปูน หมดเรื่องเทียบว่าบ้านเขาสวยกว่าเราอีกต่อไป
ฉันใด ร่างกายนี้ ไม่ใช่ของเรา ร่้างกายนั้นก็ไม่ใช่ของเขา เขาจะดีกว่าเราหรือไม่ ตามความเป็นจริง เมื่อใช้สติปัญญาพิจารณาก็จะเห็นว่า ที่จริงแล้ว มีแต่รูปนามธาตุขันธ์ พอมองได้อย่างนี้ ก็จะเลิกเปรียบเทียบใคร เพราะมองไม่เห็น "คน" หรือ "สัตว์" หรือ "อัตตา" ในที่ใด ๆ อีก
หมดทั้งความอิจฉาไปด้วย การเปรียบเทียบตัวเองกับใครก็หมดไปด้วย การท้อต่อโชคลาภวาสนาก็หมดไปด้วย เพราะหมดความคิดว่าเป็นความทุกข์ของเรา เป็นความสุขของเขา แต่เห็นเพียงว่า ขันธ์หนึ่งเกิดขึ้น ขันธ์หนึ่งดับสลายไป หาสาระไม่ได้
ไม่เอาทั้งเรา
ไม่เอาทั้งเขา
ไม่เอาทั้งความทุกข์หรือความสุข
ไม่เอาทั้งปัญญาที่พิจารณาสิ่งเหล่านั้น
เหลือแต่ความว่าง
อิสระ
จากคุณ |
:
Serene_Angelic
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ธ.ค. 54 19:38:45
|
|
|
|
|