ถึง #คห.10
"ดูก่อนอานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ แห่งเหล่านี้ เป็นที่ควรเห็นของ กุลบุตรผู้มีศรัทธา.
สังเวชนียสถาน ๔ เป็นไฉน.
สังเวชนียสถานเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยระลึกว่า พระตถาคตประสูติในที่นี่ ๑
สังเวชนียสถานเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยระลึกว่า พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้ ๑
สังเวชนียสถานเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยระลึกว่า พระตถาคตยังธรรมจักรอันยวดยิ่งให้เป็นไปแล้วในที่นี้ ๑
สังเวชนียสถานเป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธาด้วยระลึกว่า พระตถาคตเสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้ ๑
อานนท์ สังเวชนียสถาน๔ แห่งเหล่านั้นแล เป็นที่ควรเห็นของกุลบุตรผู้มีศรัทธา
ภิกษุ ภิกษุณีอุบาสก อุบาสิกา ผู้มีศรัทธาจักมาด้วยระลึกถึงว่า พระตถาคตประสูติในที่นี้บ้าง พระตถาคตตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณในที่นี้บ้าง พระตถาคตยังธรรมจักรอันยวดยิ่งให้เป็นไปในที่นี้บ้าง พระตถาคตเสร็จปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุในที่นี้บ้าง
ดูก่อนอานนท์ ชนเหล่าใดเที่ยวจาริกไปยังเจดีย์มีจิตเลื่อมใส จักกระทำกาละ ชนเหล่านั้นทั้งหมดเบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก จักเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์."
(มหาปรินิพพานสูตร พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค ข้อที่ ๑๓๑)
-----------------
สังเวชนียสถาน บางท่านอธิบายว่า "สถานที่ทำให้เกิดความสลดใจ เช่น เห็นว่าพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานที่นี่ จะได้เกิดความไม่ประมาท" แต่คงต้องบอกว่า คนอธิบายอย่างนี้ อธิบายผิดและไม่ถูกหลักพระพุทธศาสนา
สังเวช แปลว่า "เกิดกำลังพรั่งพร้อม" หมายถึงการเกิดความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะทำความดี หรือตั้งใจพัีฒนาในกุศลธรรม เจริญในกุศลธรรมให้มากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่ทำให้เกิดความสลดใจ ซึ่งเป็นความรู้สึกในทางอกุศล
ขออนุโมทนาจขกท.ที่เอาประสบการณ์และข้อควรระวังมาบอกเล่าให้ฟังนะครับ ผมยังหวังอยู่ว่า สักวันหนึ่งจะได้ไปกราบพระบาทของพระศาสดาสักครั้ง แต่ยังคงติดขัดด้วยทุนทรัพย์อยู่ดี ตอนนี้จึงทำได้เพียง "สักกาเร ปุรโต" (กราบจากที่ไกล)