Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผมจะเป็นชาวพุทธที่ดี ตอน ปฏิบัติธรรมวัดป่าที่เมลเบิร์น 1 ติดต่อทีมงาน

หลังจากห่างหายจากการไปปฏิบัติธรรมที่วัดมาซักพักใหญ่  ด้วยเหตุผลยอดฮิตคือ "ไม่มีเวลา"  (แต่ก็ยังไม่ละทิ้งการปฏิบัติภาวนาในชีวิตประจำวันนะครับ)  ในที่สุดผมก็ได้มีโอกาสช่วงหยุดปีใหม่ ปลีกเวลาไปปฏิบัติธรรมได้ซักที

ด้วยความที่อยู่เมลเบอร์น ทำให้หาวัดที่จะไปปฏิบัติแบบค้างคืนได้ค่อนข้างยาก   (แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าอีกหลายๆเมืองที่แม้แต่จะหาวัดไทยซักแห่งก็ยังยากเลย)  หลังจากปรึกษาอากู๋(เกิ้ล)อยู่หลายครั้งหลายครา  ในที่สุดก็ได้เบอร์ติดต่อ กัลญาณมิตรคนหนึ่งชื่อพี่ตี๋  ก็เลยลองโทรไปถามดูว่า ผมจะหาที่ปฏิบัติธรรมซักสองสามวัน พี่พอจะรู้บ้างมั้ยครับ  พี่ตี๋ก็แนะนำวัดป่าโพธิวันให้ แต่พี่เค้าบอกว่าเห็นมีคอร์สปฏิบัติธรรม 9 วันอยู่ แต่ต้องจองล่วงหน้า ซึ่งตอนนี้คงจะเต็มแล้ว   ถ้ายังไงลองโทรไปถามที่วัดดู  แล้วพี่เค้าก็ให้เบอร์ผมมา   ซึ่งผมก็ไม่รอช้ารีบโทรทันที    โทรไปปุ๊บมีคนรับเป็นเสียงฝรั่ง  ผมก็กลัวๆกล้าๆ ไม่รู้ใครรับแต่น่าจะเป็นพระแหละ  ก็เลยพูดนมัสการหลวงพ่อไป  ปรากฏว่าท่านพูดไทยได้ (และค่อนข้างชัดด้วย)  ผมก็เลยถามท่านไปว่า อยากไปปฏิบัติธรรม 3 วันจะได้มั้ย  ท่านก็ถามว่าอยู่เมืองไทยเคยปฏิบัติมาก่อนไหม  ผมก็ตอบไปว่าเคย  ท่านก็บอกว่า ถ้างั้นก็มาได้  แล้วจะหากุฏิให้อยู่   ผมก็กล่าวขอบคุณท่านไป  และไม่ลืมถามชื่อ  ท่านก็บอกว่าชื่อ กัลญาโณ   ......ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่า นั่นคือพระอาจารย์แดน กัลญาโณ เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิวันนั่นเองครับ

พอใกล้ถึงวัน  ผมก็เตรียมตัว (ผมไป 30 ธค. - วันปีใหม่ครับ) เตรียมชุดขาว  ศึกษาเส้นทางไปให้เรียบร้อย จริงๆผมเคยไปมาแล้วนะ แต่คราวก่อนนั่งรถไปกับพี่  แต่คราวนี้พี่ผมไม่ว่าง    ก็เลยขอโซโล่เดี่ยว ไปมันเองซะเลย  หลังจากดูเส้นทางไปแล้ว ก็ค่อนข้างโหดพอสมควร ต้องนั่งรถเมล์  ไปต่อรถไฟ  ไปเปลี่ยนสายรถไฟในเมือง นั่งไปสุดสาย แล้วก็ต่อรถบัสอีกเที่ยว  ซึ่งไอ้รถบัสนี่ก็ไปไม่ถึงนะครับ  มันไปให้แค่กลางทาง Wood point roads  แล้วที่เหลือต้องลงเดินเอง  แถมนี่มีแค่ วันละ 3 รอบเท่านั้นครับ  ที่เหลือก็จะจอดแค่ Warburton rd. แล้วก็ต้องเดินไปเอง  ซึ่งจากการถามอากู๋ดูแล้วก็ไม่มากไม่น้อยแค่แปดกิโลเอง - -"     เห็นอย่างนี้ผมก็เริ่มกลืนน้ำลายเอื๊อก  แถมพี่ผมยังมาบอกว่า  จะไปกับเค้าก็ได้นะ  เดี๋ยวเค้าไปวันที่ 31 ตอนเย็น จะได้ไม่ต้องนั่งรถไปเอง   เอาล่ะครับ กิเลสตัวแรกกำลังนั่งยิ้มกวักมือหยอยๆ เรียกผมไป
...แต่แล้วผมก็ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า  ไหนๆตั้งใจจะไปปฏิบัติธรรมแล้ว  ลำบากนิดลำบากหน่อยจะเป็นไรไป  แปดกิโลก็แปดกิโลวะ!!  ถือซะว่าเป็นการเดิน'มินิธุดงค์' (คำนี้ ผมยืมมาจากหลวงพ่อวิริยังค์น่ะครับ ^^")ไปในตัวละกัน  

และแล้ววันนั้นก็มาถึง  ผมจัดการแพคข้าวของทุกอย่างลงกระเป๋า (จริงๆก็มีไม่กี่อย่าง)  และเอาถุงนอนม้วนๆผูกติดไปบนเป้  (ดูๆไปแล้วเหมือนจะไปเดินป่ามาก)   แต่งชุดขาวกางเกงดำเล็กน้อยก็ออกเดินทาง  ผมออกเดินทางตอนเกือบๆจะบ่ายสอง  ซึ่งผมลองคำนวณดูเล่นๆว่าน่าจะถึงวัดซักราวๆ ห้าโมง - หกโมง    แล้วผมก็ขึ้นรถเมล์ 902 ไปยังสถานี springvale จากนั้นก็ต่อรถไฟไปยังสถานี Richmond เพื่อไปต่อรถสาย Lilydale และนั่งไปสุดสาย    ระหว่างทางผมก็ฟังเทศน์หลวงปู่ชาและดูจิตไปพลาง

รถมาถึงสถานีปลายทาง Lilydale เกือบๆจะสี่โมง ไปดูรอบรถที่จะไปก็ต้องรอประมาณ 15 นาที  ผมก็ไปเข้าห้องน้ำและนั่งดูจิตรอไปพลางๆ  ตอนนี้สังเกตุจิตเริ่มปรุงโทสะขึ้นบ่อย  เมื่อไหร่รถจะมา?  แล้วจะถึงวัดค่ำมั้ยล่ะนี่?  ทำไมเราไม่ออกให้เร็วกว่านี้นะ?  ดูโทสะเกิดดับๆอยู่ซักพักรถก็มา

รถที่นี่บรรยากาศคล้ายๆกับรถบขส.บ้านเราเลยครับ(แต่คุณภาพรถค่อนข้างดีกว่าเยอะ)   มีชาวบ้านแต่งตัวบ้านๆขึ้นรถมากัน (ส่วนใหญ่เป็นคนแก่)   แต่ไม่ว่าใครจะขึ้นมา ผมเห็นตาลุงคนขับแกทักทายเกือบทุกคน อัธยาศัยดีจริงๆ     รถแล่นไปตามทางสูงๆต่ำๆตามภูมิประเทศที่เป็นเขาซะส่วนใหญ่  ระหว่างทางผ่านสวนองุ่น  สวนเชอรี่ มาตลอดทาง (ซึ่งบางสวนผมก็จำได้คลับคลับคลาว่าเคยมาเก็บองุ่นสมัยยังตกงาน)  ยิ่งนานเข้าๆ  บ้านเรือนก็ยิ่งน้อย มีป่าสองข้างทางเข้ามาแทนที่  ผู้โดยสารก็ทยอยลงกันคนสองคนจนเหลือเพียงผม ฝรั่งอีกคนแล้วก็คนขับ  แล้วซักพักรถก็หยุด  ผมมองออกไปข้างนอกก็เห็นว่ามันสุดถนนเส้นนี้แล้ว (Warburton rd.)  ถัดไปอีกหน่อยก็เป็น  Wood points rd. ที่ท่าทางผมจะต้องเดินต่อไป  

ผมก็เลยเดินไปข้างหน้าไปถามคนขับรถว่า  นี่สุดสายแล้วใช่มั้ย  คนขับเค้าก็ถามว่าจะไปไหนล่ะ  ถ้าจะไปต่ออีกเดี๋ยวเค้าจะขับไปให้ (ไม่รู้ว่าแกใจดีแถมให้  หรือเป็นรถรอบเสริมพอดีไม่รู้)  ผมก็บอกแอดเดรสเค้าไป คนขับก็ดูเหมือนจะงงๆ  ฝรั่งที่เหลืออีกคนเค้าก็มาช่วยด้วย  เค้าบอกว่าเป็นคนแถวนั้น  ว่าแล้วคนขับเค้าก็ขับต่อไป  

ทางเส้นนั้นเป็นถนนลูกรัง ไม่ราดยาง เหมือนถนนหนทางตามชนบทบ้านเรา   ลัดเลาะไปตามทางเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน    ขับไปได้ซักพัก  ฝรั่งคนนั้นเค้าก็บอกคนชับว่า ขอลงตรงนี้แหละ  แล้วก็บอกผมว่าของคุณจะต้องไปอีกหน่อย    

คนขับแกก็ขับต่อไป   ผมมองทางสองข้างทางไปก็แอบครึ้มใจหน่อยๆว่า โชคดีนะเนี่ยที่ไม่ได้มาเดิน  เพราะตอนนั้นแดดกำลังร้อนได้ที่ แถมทางก็เป็นเขาสูงๆต่ำ อีกทั้งทางเดินสองข้างก็แคบนิดเดียว  พอที่รถจะแล่นสวนกันได้เท่านั้น  (หากรถแล่นมา คงต้องหยุดและหลบเข้าข้างทาง)   แต่อีกใจหนึ่งก็นึกเสียดายที่ไม่ได้มาเดิน 'มินิธุดงค์' ดังที่คาดเอาไว้
และแล้วรถก็มาจอดที่ป้ายแห่งหนึ่ง  คนขับบอกว่านี่เป็นป้ายสุดท้ายแล้ว  คงต้องลงแล้วก็เดินต่อไป  ผมก็เลยกล่าวอำลา และแฮปปี้นิวเยียร์เค้าไป  แล้วสะพายเป้เดินลงมาจากรถ

เนื่องจากผมเป็นคนหลงบ่อย  แต่เดี๋ยวนี้ผมมีผู้ช่วยครับ....  

ดังนั้นสิ่งที่ผมทำอันดับแรกก็คือ......   หยิบบีบีขึ้นมาดูครับ  บีบีของผมมันมีแผนที่  (เหมือน google map มาก แต่ GPRS ใช้ไม่ค่อยได้) เทียบจากในแผนที่บีบีแล้ว  ขณะนี้ผมยืนอยู่ที่   ซึ่งแผนที่นั้นบอกว่าต้องเดินไปอีกหน่อย  วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ    ผมก็เลยคิดว่า เอ้อ ..ดีเหมือนกันนะ อย่างน้อยได้เดินนิดหน่อยก็ยังดี  

ผมก็เลยเดินดูจิตไปเรื่อย  พอรถมาก็หลบเข้าข้างทาง  พอเดินไปได้ซักพักใหญ่ผมก็เจอ บ้านที่อยู่ทางซ้ายหลังหนึ่งมีบ้านเลขที่ 837 (หรืออะไรประมาณนั้น)  เอาล่ะสิครับ ผมก็เลยเริ่มลงแล้วทีนี้   คือ แอดเดรสของวัดที่ผมได้มามันคือ 780  แต่อันนี้ทำไมมันเป็นแปดร้อยกว่าหว่า?  แถมเป็นเลขคี่ อีกต่างหาก   ทีนี้ผมก็เลยชักสับสนชีวิตแล้วครับ   ก็ในแม็ปเค้าบอกว่าต้องเลยไปอีกนี่?   เอ หรือว่าจะเป็นบ้านสร้างใหม่ ?   เอาวะลองเดินไปดูอีกหน่อย  

แล้วผมก็เดินต่อไปเรื่อยๆ  ตอนนี้จากจิตที่เคยโล่งเบา ตามดูง่ายๆ พอมันมีเหตุให้คิด  มันก็ชักจะเริ่มฟุ้งซ่านแล้วล่ะครับ  ยิ่งเดินไปๆ  ทางก็ยิ่งกันดาร  สัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี  เดินไปซักพัก ก็เจอเข้ากับอีกซอยหนึ่ง ชื่อ Brahman rd.  ซึ่งผมจำได้ว่า เคยเจอที่เค้ารีวิวไว้ มันต้องอยู่แถวๆนี้นี่นา  แต่พอเดินเข้าไปนิดหน่อยก็เห็นว่าเป็นบ้านคนเลยเดินกลับออกมา  แล้วก็เดินตามทางต่อไป

เดินไปอีกไกลเหมือนกันครับ ระหว่างทางก็ดูความลังเลสงสัยที่เกิดดับๆไปเรื่อย  จนขาชักจะเริ่มล้า  ก็มาถึงถนนตัดผ่านอีกเส้นชื่อว่า Oshannasy Rd.  ถึงตรงนี้ ผมชักจะเริ่มมั่นใจแล้วครับ  ว่าผมนั้น  ...หลงชัวร์!!   เพราะผมไม่คุ้นกับชื่อนี้เลย

ถึงตรงนี้ผมชักเริ่มจะท้อแล้วสิครับ เมื่อยก็เมื่อย ล้าก็ล้า  น้ำก็จะหมดแล้ว  สัมภาระก็ชักจะเริ่มหนักขึ้นทุกที  ...ไหนจะเวลาที่ป่านนี้ก็ปาเข้าไปหกโมงกว่าๆเข้าไปแล้ว  กลัวว่าค่ำแล้วจะทำยังไงดี

แต่ก่อนจะที่จิตเค้าจะปรุงแต่งไปมากกว่านี้   ...ผมก็เลยน้อมจิตไปนึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์   แล้วก็ตั้งสติขึ้นมาใหม่   ขอบุญกุศลจากความตั้งใจที่จะมาปฏิบัติธรรม  ขอให้ผมเดินไปถึงวัดได้โดยสวัสดิภาพด้วยเถิด

ว่าแล้ว  ผมก็เดินย้อนกลับไปตามทางเดิม  ...  แล้วตั้งใจภาวนาต่อไป  เห็นเลยว่า จิตเค้าปรุงบ่อยมาก  โทสะทั้งหลายที่เกิดจากความเหนื่อยล้า  ความกลัวหลงทาง  กลัวค่ำ  ความโกรธตัวเองที่เดินหลงทาง...ก็ประดังประเดเข้ามา  ผมเลยต้องเปลี่ยนจากการดูจิตซึ่งเป็นวิปัสสนา มาบริกรรมพุทโธแทน  (ผมคิดเอาเองว่าจิตเค้าเริ่มจะอ่อนแรง เลยดูยาก   เลยต้องเพิ่มด้วยกำลังสมถะ)    

เดินกลับมาถึง Brahman Rd. อีกครั้ง  คราวนี้ผมเดินลึกเข้าไปในซอย เผื่อว่าจะเจอใครผ่านมาให้ถามได้บ้าง  แต่ก็ไม่มีเลยครับ  แถวนี้เงียบจริงๆ  เดินไปเดินมาซักพัก  โทรศัพท์ก็เริ่มมีสัญญาณขึ้นมานิดนึง  ผมก็เลยโทรหาพี่สาวผม ให้เค้าเช็คให้  (...เพราะผมว่าไอ้แผนที่บีบีนี่มันไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่)  แต่พี่ผมบอกว่า  กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ไว้จะโทรไปใหม่   ผมก็เลยเดินไปหาที่ที่หญ้ามันเรียบๆหน่อยแล้วนั่งพัก

นั่งรออยู่ซักพัก  พอดูโทรศัพท์ก็ปรากฏว่า  เดี๋ยวก็มีคลื่น  เดี๋ยวก็ไม่มี  ...พี่จะโทรเข้ามาได้รึเปล่าไม่รู้    หากมัวแต่รออย่างนี้ไปนานๆ  เดี๋ยวมืดค่ำแล้วมันจะลำบาก  ผมก็เลยเสี่ยงเดินย้อนทางเก่ากลับไปเรื่อยๆ   แม้ว่าขามาผมจะดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว   แต่ผมว่ามันจะต้องมีซักซอยสิน่าที่ผมอาจจะพลาดไป  ...... แล้วผมก็สังเกตุเห็นป้ายบ้านเลขที่ หลังหนึ่งทางด้านซ้ายมือผม  ( แต่เป็นขวามือของผม  ตอนขามา )  เป็นเลขที่ประมาณ  720  หรืออะไรเนี่ยแหละ (ต้องเข้าใจนะครับว่าบ้านในชนบทนั้นห่างไกลกันมาก  ...กว่าจะเจอแต่ละหลัง)  คิดไปคิดมา  ผมก็เลยชักเริ่มรู้สึกอะไรทะ:-)ๆ  

...นั่นก็คือ...ไอ้แผนที่บีบี รวมทั้งแผนที่ google map นี้มันผิดชัวร์ !!!  ..... วัดน่าจะอยู่ทางขวามือในแผนที่(ซึ่งก็คือขวามือของผมตอนขามา)  ซึ่งเป็นเลขคู่  

.....และพอเดินพ้นสวนป่าย่อมๆไปได้อีกซักพัก ก็จะเป็นที่โล่งกว้าง    ทีนี้ผมเริ่มเห็นอะไรสะท้อนแสงแว้บๆ      พอเดินไปได้อีกหน่อยก็เห็นว่านั่นเป็นโบสถ์หลังใหญ่  ( ซึ่งถ้าหากผมมองทางขวาตั้งแต่ตอนขามาคงจะเห็นไปแล้ว  แต่นี่ผมเชื่อแผนที่บีบีเลยมองแต่ทางซ้าย  - -" )
เย้!!  ในที่สุดผมก็มาถูกทางแล้ว  
เท่านั้นแหละครับ   กำลังวังชานี่มันมาจากไหนไม่รู้  เดินจ้ำเอาๆ  จนลืมภาวนา  (แสดงให้เห็นธรรมะอีกประการว่า  สุขดูยากกว่าทุกข์ เพราะจิตมัวหลงไปกับมัน )  จนถึงปากซอยที่มีเลขที่ 780 และป้ายชื่อวัด  
...และที่สำคัญ ..... ไอ้ซอยนั้นมันเป็นซอยที่อยู่ตรงข้ามกับป้ายรถเมล์ ป้ายสุดท้ายที่ผมลงมาพอดี
-  -"
ครับ....  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า   ..... อย่าไว้ใจทาง  อย่าวางใจ google map
(ถึงว่า ....วัดนี้คนหลงบ๊อยบ่อย)
.....อย่ามัวแต่'หลง'พึ่งเทคโนโลยี  จน'หลง'ลืมสัญชาติญาณตัวเอง.....  
(ถ้าผมไม่ควักบีบีมาดูตั้งแต่แรก  คงจะหลงขนาดนี้)

..........หากถามว่าเซ็งมั้ย??   ...เซ็งโคตรครับ   ....แต่ผมก็คิดไปว่า  บางทีนี่อาจจะเป็นผลจากการที่ผมตั้งใจจะเดิน มินิธุดงค์ ตั้งแต่ทีแรก ..... ท่านก็เลยให้ผมได้เดินส๊มใจ ....  
(ผมลองคำนวณดูเล่น  ที่ผมเดินไปกลับก็เกือบๆ จะหกโลเหมือนกัน)  

ซงย้ง

ปล. ขออภัยจริงๆครับ  ทีแรกว่าจะเอาตอนเดียวจบ  แต่เขียนไปเขียนมามันก็ปาเข้าไปสามหน้าแล้ว  ก็เลยขอไว้ต่อตอนหน้าแล้วกัน
ปล.2  ตอนนี้ผมจำทางแถวนั้นได้แม่นมากครับด้วยอานิสงส์จากการหลงทาง  ท่านใดสนใจจะไปวัด  ถามทางผมได้ครับ

จากคุณ : ซงย้ง
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 08:17:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com