มีแนวคิดนึง เกี่ยวกับที่มาของศาสนาอิสลามและประวัติของศาสดามุหัมหมัด ศ็อลฯ ประมาณว่า
" เดิมนบีมุหัมหมัด นั้น เป็นพ่อพ่อค้า (หรือทำมาหากินบริเวณที่เป็นจุดนัดพบ ประมาณจุดศูนย์รวมของพ่อค้า) และที่ศูนย์รวมนั้น เสมือนสภากาแฟ สภาวัฒนธรรมที่หลากหลายจากพ่อค้าทั่วโลก บริเวณตะวันออกกลางที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างพ่อค้ายุโรป อินเดีย และตะวันออกไกล ซึ่งนบีฯ เป็นผู้สนใจใคร่รู้ที่จะศึกษาเเละสนทนากับกลุ่มพ่อค้าเหล่านี้ ทำให้นบีรับวัฒนธรรมและความเชื่อจากหลากหลายศาสนา ทั้ง พุทธ พราหมณ์ คริสต์ ยูดาย และอื่นๆๆ นั่นคือจุดเริ่มต้นของอิสลาม ที่มีจุดร่วมในหลายๆ ความเชื่อมารวมกันเป็นอิสลาม เเบบว่า นำมายำรวมกันแล้วนำเเต่ข้อดีที่เหมาะสมกับช่วงเวลาและช่วงสมัยนั้นมาเผยแพร่ในเวลาต่อมา"
นี่เป็นหนึ่งใน หลายๆ ทฤษฎีทางสังคมวิทยา (ที่อิสลามศาสนิกชนแอนตี้การวิเคราะห์ในเชิงสังคมวิทยาแนวนี้) เช่น ทฤษฎีวิเคราะห์ถึงที่มาของแต่ละซูเราะห์ในอัลกุรอ่าน ว่าเป็นการบัญญัติออกมาเสมือนการบัญญัติกฎหมายเพื่อใช้ปกครองรัฐอิสลามในช่วงเวลาเเละเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในขณธนั้นๆ |
|
|
สาเหตุที่ผมเลือกอิสลามก็ด้วยเหตุนี้และ เพราะในอิสลาม มี 2 อย่างคือ ข้อพิสูจน์ และความศรัทธา อย่างทฤษฎีที่ว่า ท่านศาสนทูตมุฮัมหมัด เป็นพ่อค้า ได้เจอความหลากหลายของศาสนาต่างๆ เลยเอามา ข้อดีของศาสนาต่างๆมารวมกันเป็นอิสลาม หรือ แต่งคำภีร์อัลกรุอานขึ้นมาเอง ความคิดนี้ถูกหักล้างอย่างง่ายดาย ยกตัวอย่างสักหน่อย ในอัลกรุอาน ซูเราะห์ อัลฟุรกอน โองการที่ 53 ความว่า และพระองค์คือผู้ทรงทำให้ทะเลทั้งสองติดกัน อันนี้จืดสนิ และอันนี้เค็มจัด พระองค์ทรงทำที่คั้นระหว่างทั้งสอง และที่กั้นขวางอันแน่นหนา อัลกรุอาน ซเราะห์อัลรอฮมาน โองการที่ 19-20 ความว่า พระองค์ทรงทำให้น่านน้ำทั้งสอง (ทะเลและแม่น้ำ) ไหลมาบรรจบกัน ระหว่างมันทั้งสองมีที่กั้นกีดขวาง มันจะไม่ล้ำเขตต่อกัน ในสมัยก่อนไม่มีใครเข้าใจว่าอัลกรุอานหมายถึงอะไร ? เค้ารู้เพียงว่ามีคำเค็มและน้ำจืด ระหว่างมันมีสิ่งขวางกั้นอยู่ที่อัลกรุอานระบุว่ามันจะไม่ล่วงล้ำต่อกันมันคืออะไร ? ว่า เมื่อใดก็แล้วแต่ที่น้ำชนิดหนึ่งได้เข้าไปผสมกับน้ำอีกชนิดหนึ่ง นั่นจะทำให้มันศูนย์เสียองค์ประกอบของตัวมันเองไป และมันก็จะรับเอาคุณสมบัติของน้ำที่มันเข้าไปผสมผสานกลับมาแทน และนั่นจะกลายเป็นเขตที่น้ำที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน ซึ่งอัลกรุอานได้อ้างถึง อัลบาซัค ซึ่งหมายถึงเขตขวางกั้นที่มองไม่เห็น ถ้าเป็นไปอย่างที่ คคห ที่ 88 อ้างไว้จริง เช่น ศาสนทูตมุฮัมหมัด เดินทางไปค้าขายที่ซีเรีย แล้วท่านอาจได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับชาวประมง ผู้ที่สังเกตปรากฏการณ์นี้คือชาวประมงเมื่อ 1400 กว่าปีที่แล้วและเค้ารู้ว่าน้ำนั้นมีอยู่ 2 ประเภทคือ เค็มและจืด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถสังเกตได้ ผมก็เห็นด้วย แต่ผู้คนเมื่อ 1400 กว่าปีที่แล้วไม่สามารถรู้ได้เลยเกี่ยบกับเขตที่มองไม่เห็นที่กั้นอยู่เลย กระทั้งวันนี้ วิทยาศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า บัรซัค ไม่ใช่น้ำเค็มหรือน้ำจืด มนุษย์เดินดินธรรมดาคนหนึ่งอย่างท่านศาสนทูต จะแต่งอัลกรุอานที่ไม่มีข้อผิดพลาดเลยแม้แต่โองการเดียวขึ้นมาเองได้อย่างไร ? อย่าว่าแต่แต่งอัลกรุอานเลย อ่านเขียน ท่านยังไม่มีความสามารถด้วยซ้ำ..... จึงทำให้ผมเชื่อว่าอัลกรุอานถุกประทานมาจากพระผู้เป็นเจ้าจริง นี้เป็นตัวอย่างข้อหนึ่ง ที่บ่งบอกชัดเจนว่า อิสลามมี 2 อย่างคือ ข้อพิสูจน์ และความศรัทธา ปล. ความคิดเห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับสมุทรศาสตร์ น้ำทะเล น้ำจืด ซึ่งผมไม่ได้ต้องการพาออกทะเลแต่อย่างใด เดี๋ยวจะหาว่าผมทำให้ห้องศาสนาเหมือนห้องหว้ากอ ..... พูดดักไว้ก่อน
สุขสันต์วันญุมุอะฮฺ
จากคุณ |
:
SalaDin (A.TheRipper94)
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ม.ค. 55 11:50:49
|
|
|
|