ความคิดเห็นที่ 1 ถามว่าการออกมติข้อนี้ มหาเถระสมาคมคิดดีแล้วหรือยัง? ช่วยให้ความเห็นหน่อยนะครับ จะได้เสวนากันถูกถึงขอบเขตมติข้อนี้ เพราะมติข้อนี้เหวี่ยงแหคลุมหมดเลย จุดนี้นักกฎหมายรุ่นพี่ที่คุยกับผมให้ข้อคิด ซึ่งผมก็ไม่ได้นึกไปถึงจุดนั้น พอได้ฟังรุ่นพี่พูดถึงจุดนี้เข้าก็รู้สึกวิตกจริงๆ ใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 21:23:12

ความคิดเห็นที่ 2 โรงเรียนก็อาศัยที่ดินของวัด เสมือนหนึ่งเป็นกิจกรรมของวัด มีอำนาจเต็ม 100 เจ้าของบ้านจะออกกฏอย่างไรก็ได้ ที่ไม่ขัดต่อศีลธรรม ไม่ขัดกฏหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าวัดต้องการให้เป็นโรงเรียนวิถีพุทธ ก็ควรปฏิบัติตามกฏของเขา ถ้าที่ดินเป็นของเอกชน ก็ว่ากันอีกประเด็น เด็กนักเรียนก็ย้ายไปเรียนที่ เอื้อต่อการปฏิบัติศาสนกิจของตน คิดง่ายๆ ทำไมต้องซับซ้อนให้วุ่นวาย หรือกำลังเล่นการเมือง จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 21:47:47

ความคิดเห็นที่ 3 ดีแล้ว จะได้ดึงศาสนิกอิสลามมาซึมซับประเพณีไทยพุทธ จากคุณ : methad เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 21:47:50

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ประเด็นโรงเรียนไม่เกี่ยวครับ กำลังพูดถึงมติที่ครอบคลุมกับการปฏิบัติของคนต่างศาสนา ปล.ไอเรื่องกฎระเบียบไปอ่านในกระทู้เก่าครับ จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 21:55:22

ความคิดเห็นที่ 5 โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทยและวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด มันชัดเจนแล้ว จะอะไรนักหนา พื้นที่ของวัด เข้าใจไหม ตามกฏหมายที่ดิน เจ้าของมีสิทธิเต็มร้อย ที่ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ผิดกฏหมาย ถ้าจะแก้ก็ต้องออกกฏหมายใหม่จ๊ะ จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายทำไม เขาแค่รักษาสิทธิส่วนของเขา จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:00:05

ความคิดเห็นที่ 6 เช่น การกราบพระพุทธรูป ซึ่งทั้งคริสต์กับอิสลามถือว่าเป็นบาป มติข้อนี้ออกมามหาเถระคิดรอบครอบแล้วหรือยัง และจุดนี้แหละที่นักกฎหมายทุกคนที่ผมคุยด้วยไม่เห็นด้วยกับการออกมติข้อนี้ เพราะมันขัดกับรัฐธรรมนะญชัดเจน และเสี่ยงต่อการนำมาซึ่งปัญหาระหว่างศาสนา เพราะว่าคุณไปโบสถ์คริสต์ก็ไม่มีใครไบออกกฎบังคับให้คุกเข่านมัสการพระเจ้า คุณจะทำไม่ทำก็ได้ แต่กรณีนี้ คนต่างศาสนาไปวัดพุทธ ต้องทำบาปผิดต่อศาสนาตนทุกคน เพราะมติไปบังคับให้กราบพระพุทธรูปซึ่งเป็นการกระทำตามวิถีพุทธ จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:00:58

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ คคห.5 ถ้าไม่เข้าใจประเด็นกระทู้ว่าหมายถึงอะไร ก็ไม่ต้องตอบ ไปตั้งกระทู้ใหม่ เดี๋ยวผมจะตามไปชำแหละกฎหมายให้ ไปอ่านกระทู้เก่าด้วยจะได้ตอบเรื่องกฎหมายผมถูก กระทู้นี้ขอคุยในประเด็น จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:04:30

ความคิดเห็นที่ 8 การกราบพระพุทธรูป ตอบแบบใช้ปัญญาเล็กน้อยครับ เขาก็รู้แล้ว ว่าต่างศาสนิกไม่กราบไหว้ คนพุทธบางคนก็ไม่ไหว้ แต่ถ้าแสดงอาการลบหลู่ก็คงโดน เบิร์ด สองทีโดยเจ้าถิ่น จะคิดอะไรนักหนา มันก็คือประเพณีเฉพาะชาวพุทธ แต่ถ้าศาสนาอื่นจะมาปักเสากางเขนในพื้นที่ของเขา เจ้าของที่ดินก็มีสิทธิเต็มร้อยอีกนั่นหละ เข้าไปบ้านเขาก็ต้อง ทำตามกฏเขา ถ้าเจ้าบ้านอนุโลม ก็ไม่ว่ากัน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:05:43

ความคิดเห็นที่ 9 เอากฏมาดูหน่อยสิ ที่กินปูนร้อนท้องทำไมล่วงหน้า บังคับให้ทุกคน กราบไหว้พระพุทธรูป   หึหึหึ  คิดไปไกลจัง บอกให้สบายใจนะครับ อย่าคิดมาก จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:08:03

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านไม่เก็ตอีก มติบอกว่า ให้ทำตามวิถีพุทธครับ ซึ่งวิถีพุทธเนี่ย มันกว้างไหม รุ่นพี่ผมถึงบอกว่า วิถีพุทธมันครอบคลุมธรรมเนียมปฏิบัติด้วย มตินี้ออกมาไม่รอบครอบ ก็เลยถามไงว่า มหาเถรสมาคมคิดดีแล้วหรือยังถึงใช้คำๆนี้ จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:12:50

ความคิดเห็นที่ 11 โรงเรียนวิถีพุทธ   แตกต่างจาก   หน่วยราชการประเพณีพุทธนะครับ ถ้าเอามาโยงกัน ก้ทะเลาะกันไม่จบ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:13:12

ความคิดเห็นที่ 12 วิถีพุทธ = ธรรมเนียมการปฏิบัติของชาวพุทธ การกราบพระพุทธรูป = ธรรมเนียมปฏิบัติขิงชาวพุทธที่ปฏิบัติมานาน ถามว่า มหาเถระสมาคมคิดดีแล้วหรือยังถึงออกมติอย่างนี้(ใช้คำนี้ "วิถี.....") เก็ตกับคำถามไหม จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:15:54

ความคิดเห็นที่ 13 คุณคิดกลัวไปไกลเกินไปนะ หน่วยงานราชการที่เอาที่ดินไว้ไปใช้ประโยชน์ ไม่มีที่ไหนที่เรียกว่า หน่วยราชการวิถีพุทธ  แต่เขาแค่ปฏิบัติตามประเพณี แต่โรงเรียนวิถีพุทธก็คือการปลูกฝังให้เด็กเข้าใจวิถีแห่งพุทธ ที่มีปัญหาก็เพราะคุณไม่พยายามเข้าใจเอง มหาเถระเขาชัดเจนแล้ว คุณไม่ได้โดน ริดรอนสิทธินะ เอาไว้รอเคสจริงเกิดก่อนค่อยมาตีโพยตีพาย ก็ไม่สายครับ หรือคุณเจอกรณีของจริง ลองยกมาสิครับ จะพิจารณาให้ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:16:57

ความคิดเห็นที่ 14 คุณไปติดกับดักภาษา เพราะกลัวว่า จะมีหน่วยงานราชการวิถีพุทธใช่ไหม ลองยกตัวอย่างมาสิหน่วยงานไหน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:18:19

ความคิดเห็นที่ 15 นั้นแหละ กว่าจะเก็ต ถึงได้ถามไงว่า มหาเถรสมาคมคิดดีแล้วหรือยัง นักกฏหมายรุ่นพี่บอกว่า มันสุ่มเสี่ยงมากกับมตินี้ เพราะการใช้คำว่า วิถีพุทธ นี่แหละ และวิถีพุทธที่บังคับมันก็มีบางอย่าผิดหลักศาสนาอื่น การไปบังคับบุคคลศาสนาอื่นให้ทำบาปเนี่ย ที่นักกฎหมายกลุ่มผมอภิปรายกันอยู่ครับ จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:19:55

ความคิดเห็นที่ 16 กว่าจะเข้าใจประเด็น อุตส่าห์จะคุยกันแบบตรงประเด็น แบบเหตุผลสัหน่อย ดันเฉไปเรื่องโรงเรียนตั้งแต่ต้น จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:21:42

ความคิดเห็นที่ 17 ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา เป็นต้น จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:23:28

ความคิดเห็นที่ 18 มตินี้ ก็หมายความว่า บาทหลวง อิหม่าม ไปติดต่อประสานงาน เข้าไปแล้วต้องบังคับให้กราบพระพุทธรูปไหม มติข้อนี้สรุปได้ว่า ต้องบังคับให้ทำ ถึงวิเคราะห์กันไงว่า ออกมติมาคิดดีหรือยัง จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:25:34

ความคิดเห็นที่ 19 คุยในประเด็น ถ้าจะเอาเรื่องประเด็นโรงเรียนนั้นอีกตั้งกระทู้ใหม่คนอ่านจะสับสน จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:27:17

ความคิดเห็นที่ 20 ไปดูหน้าบอร์ดแล้วไม่ตั้งกระทู้เหรอ คุณ Venture ผมพร้อมแล้วนะเรื่องของคุณน่ะ ผมพร้อมที่จะความรู้ด้านกฎหมายกับคุณ ขอเพียงอย่านำมาปนกระทู้นี้ ถ้าไม่ตั้งผมตั้งให้เองก็ได้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11575550/Y11575550.html แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 22:39:03 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 22:37:05 จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:36:21

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วตั้งชื่อกระทู้ทำไม ก่อนตั้งอะไรคราวหน้าตั้งสติหน่อยสิครับ มตินี้ ก็หมายความว่า บาทหลวง อิหม่าม ไปติดต่อประสานงาน เข้าไปแล้วต้องบังคับให้กราบพระพุทธรูปไหม มติข้อนี้สรุปได้ว่า ต้องบังคับให้ทำ ถึงวิเคราะห์กันไงว่า ออกมติมาคิดดีหรือยัง .....คุณกลัวจนขนลุกขนาดนี้ แล้วคิดว่าในความเป็นจริง เขาจะทำไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไรครับ เขาบังคับให้คุณไหว้พระพุทธรูปได้จริงๆหรือครับ ถ้าเกิดกฏบังคับแบบนี้จริงๆ คนได้ทะเลาะกันน่าดูชม เอาไว้รอให้เป็นจริงค่อยกลับมาตั้งกระทู้นะครับ อย่ากลัวในสิ่งที่มาไม่ถึง มติไม่ใช่กฏหมาย แต่ใช้วิจารณญาณให้เหมาะสมกับสถานการณ์ วัตถุประสงค์ของโรงเรียนวิถีพุทธ กับ สถานที่ราชการประเพณีพุทธ มันต่างกันชัดเจนแล้ว อย่าเอามาโยงกัน ถ้าเด็กนักเรียนย้ายไปเรียนโรงเรียนที่ประกอบพิธีกรรมศาสนาของตนง่ายๆ ก็จบแล้ว บ้านเมืองมันวุ่นก็เพราะ คิดเยอะนี่ ปิดกระทู้ครับ ไม่มีประเด็นแล้ว จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:37:15

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องนี้ หากอ่านแบบแยกแยะและเปรียบเทียบ จะเห็นชัดเจนว่า เป็นการออกมติมาเพื่อรักษาสิทธิของชาวพุทธเท่านั้นเอง และป้องกันเหตุที่ไม่พึงประสงค์จากฝ่ายที่หาช่องว่างทั้งทางตรงและทางอ้อม อ่านดูแล้ว มตินี้ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับศาสนาอื่น วิถีปฏิบัติของศาสนาอื่น แต่อย่างใด มตินี้เป็นเพียงแค่กรอบปฏิบัติในภาพรวมของหน่วยงานนั้นๆที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับวัด ไม่ได้มีผลในทางปฏิบัติเจาะจงอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับบุคคล อย่างเช่น ทุกคนเข้าวัดต้องกราบพระ แบบนี้จึงสมควรแย้ง เพราะขัดกับหลักสากล แม้หากมีที่ใดวัดใดหรือสุเหร่าหรือโบสถ์ใด ออกกฏแบบจำเพาะเจาะจง ก็ควรพิจารณาด้วยความเข้าใจในบริบทนั้นๆก่อนที่จะเกิดอคติ เช่น บางวัดทางภาคเหนือห้ามผู้หญิงขึ้นไปที่บางแห่ง ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด เพราะนั่นคือศรัทธาและความเชื่อของเขาเป็นแบบนั้นนั่นเอง จะไปประท้วงว่าผิดก็ไม่ได้ เพราะเป้นที่ของเขา ที่นี้ในเรื่องที่ จขกท.ถามและกำลังเป็นประเด็นอยู่ คำถามที่น่าพิจารณาก็คือ ทำไมศาสนาอื่นจึงอยากเข้ามาส่วนร่วมในเรื่องนี้เสียเหลือเกิน ทั้งๆที่ประเด็นเหล่านี้เป้นหลักพื้นฐานทั่วไปที่คนทั่วไปเขาเข้าใจตรงกัน ชาวพุทธจะไปสวดมนต์ในมัสยิดได้ไหม ไม่ได้เพราะไม่เหมาะ สังเกตมาหลายทีแล้ว ศาสนาที่พร่องในบางเรื่อง มักจะหาช่องทางที่จะเอาหรือจะเข้าไปมีส่วนร่วมในศาสนาอื่นเสมอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ลองอ่านแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา จะเข้าใจได้ไม่ยากในประเด็นเหล่านี้ นอกจากว่า คุณมีประเด็นอื่นแอบแฝงอยู่... จากคุณ : tiger18 เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:39:31

ความคิดเห็นที่ 23 กลัวคุณจิมจะไม่เข้าใจจริงๆนะ โรงเรียนวิถีพุทธคือการปลูกฝังความเป็นพุทธให้เด็กนักเรียนทุกคน ย้ำว่าทุกคน ถ้ามีเด็กต่างศาสนามาก็ไม่เหมาะสม เด็กเองก็ต้องทำอะไรผิดจากสังคมเล็กๆ แต่ ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา ก็ขอฟันธงได้เลย ไม่มีกฏข้อบังคับให้ศาสนาอื่นไหว้พระพุทธรูป คุณไปยัดว่าเป็นวิถีพุทธ แต่ผมบอกว่าเขามีวิจารณาญาณในการออกกฏ เขาทำหน้าที่ประสานงาน ไม่ใช่ปลูกฝังเด็ก สบายใจได้แล้ว จะได้นอนหลับ คราวหน้าอย่าเอามาโยงกันอีก รู้นะจะใช้ตรรกะเชื่อมโยงให้คน งง จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:44:04

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าผมมีประเด็นอื่นแอบแฝง ผมคงไม่ขัดค้านคนที่นอกประเด็นหรอกครับ ผมคงจะรีบโยงประเด็นและผสมกับเจตนาแอบแฝงไปเลย คงไม่ไล่ให้ไปกระทู้อื่น จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:46:44

ความคิดเห็นที่ 25 อืม อันนี้แหละ มีคนบอกเป็นนัยว่า การกราบไหว้พระพุทธรูปไม่ใช่วิถีธรรมเนียมปฏิบัติของชาวพุทธ เดี๋ยวจะลองถามรุ่นพี่ดูว่า อะไรคือ วิถีพุทธบ้าง 1.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทยและวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 22:55:37 แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 22:50:21 จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:49:29

ความคิดเห็นที่ 26 คุยในประเด็นแบบนี้ชอบ ถ้าจะนอกเรื่องตั้งกระทู้ไว้แยกเป็นสัดส่วนให้แล้ว จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:52:46

ความคิดเห็นที่ 27 มติเขาก็ออกกฏกว้างๆ สรุปแล้วคุณจะมาป่วน ก็บอกมาตรงๆเลยชัดๆ พุทธเขาฉลาดพอที่จะปกป้องสิทธิของตนก็ดีแล้ว ไม่ได้ไประรานใคร บ้านเมืองไม่สงบเยอะแล้ว พอบ้างเถิดครับ ถ้าคุณเจอบังคับให้ออกกฏว่าอิสลามต้องไหว้พระ  ช่วยเอามาดูหน่อยสิ ผมจะควักเงินเป็นสินน้ำใจให้ 100 บาทนะครับ เป็นค่าทำขวัญ ถ้ายังไม่มี ก้อย่ากลัวจนขนลุกสิครับ ท่าทางจะเจตนาไม่บริสุทธิ์ คุยไปก็เหนื่อยเปล่า ตามสบายครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:54:24

ความคิดเห็นที่ 28 1.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทยและวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด 1.โรงเรียนหรือหน่วยราชการใดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของวัดหรือที่ธรณีสงฆ์ 2. การใช้พื้นที่ต้องปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี วิถีไทยและวิถีพุทธ และกฎระเบียบของวัด แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 23:00:08 จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:58:38

ความคิดเห็นที่ 29 เรื่องบางเรื่องหัดปลง ๆซะบ้างก็ดีนะครับ ขืนชงให้เป็นเรื่อง บ้านเมืองก็ไม่สงบสุข แต่ผมแนะคุณ จขกท ไว้ ว่าก่อนที่บ้านเมืองจะไม่สงบสุข ใจคุณเองนั่นแหละที่จะไม่สงบสุขเอาเสียเลย เก็ตขึ้นบ้างมั๊ยนะครับ สวัสดี จากคุณ : TheAcT เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 23:05:40

ความคิดเห็นที่ 30 http://www.watphraphutthachai.com/watphrabuddhachay/school_put/pic_activity.htm กิจกรรม โรงเรียนวิถีพุทธ เน้น โรงเรียนวิถีพุทธ จากคุณ : Sheckler เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 23:05:56

ความคิดเห็นที่ 31 ผมเคยเรียนโรงเรียนคริสนะครับ ชายล้วนคริสเครือมหาไถ่ เขาก็ให้สิทธิพิเศษกับเด็กเณรเหนือกว่าเด็กพุทธ ซึ่งอันนี้เราเองก็ยอมรับได้เป็นปรกติ เพราะวิถีของเขาเช้ามาเขาก็ไม่สวดมนต์แบบเรา ก็ร้องเพลงกันไป โอ้พระแม่มาลี จอมสตรีของชาวคริสตัง บลา ๆๆ ก็ว่ากันไป เขาไม่ได้แยกให้เด็กพุทธต้องสวดมนต์ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีการร้องเรียนร่ำไรอะไร โตขึ้นมาเรียนระดับอุดมศึกษา เขาแยกสถานที่ให้ต่างหากโดยเฉพาะกับเด็กมุสลิมให้ทำละหมาด ผมก็เห็นว่าเอ้อเข้าท่าเข้าทีดี มันก็แล้วแต่หละครับเรื่องนี้ ว่าเจ้าของสถานที่หรือเจ้าของสถาบันเขาจะเอื้ออย่างไร ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นต้องมาเป็นเด็นให้ร้องแรกแหกกระเชิงให้วุ่นวาย ให้คิดมาก ให้เกิดเรื่องเพราะสร้างเรื่อง หรือผมอาจจะคิดไปในทางสันติแบบพุทธหรือไงก็ไม่อาจทราบได้ ซึ่งมันมีความแตกต่างในคำว่า "สันติ" ของลัทธิอื่นเหล่าอื่นอย่างไรก็ไม่ทราบนะครับ เอาเป็นว่าเรื่องที่คุณ จขกท รำพึงมาซะเยอะแยะนี่นะครับ ผมว่าเด็ก ๆมาก หากต้องการเคร่งศาสนาก็ไปเรียนโรงเรียนเฉพาะทางเขาโดยตรงก็น่าจะดีกว่า หรือไปบวชไปเรียนเป็นพระเป็นนักศาสนาอะไรก็ว่ากันไปเลย เมื่อผมไปเรียนโรงเรียนคริส ก็เพราะผมต้องการวิชาความรู้ที่สถาบันนั้น ๆเขามีความชำนาญ หรือใครอื่นใดจะมีเหตุผลอย่างไรมันก็สุดแล้วแต่เขา หากไม่พอใจ เราก็อย่าไปอยู่ครับ อันนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยนะครับผมว่า จากคุณ : TheAcT เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 23:15:34

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งเห็นกระทู้เมื่อกี้นี่เอง น่าติดตามค่ะ ขอนั่งดู จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 23:23:29

ความคิดเห็นที่ 33 อนุบาล - ประถม ผมอยู่ โรงเรียนคริสครับ ก็ไหว้พระเจ้าอะไรไปตามเรื่อง  ทั้งๆที่ โรงเรียนผม ที่เด็กที่เข้ามีทั้ง พุทธ อิสลาม พ่อแม่เด็กก็รู้ ก็ยอมให้ทำตามกิจกรรมนั้นๆ   จุดเด่นของโรงเรียนผมคือ แต่ถึงจะบังคับให้ทำกิจกรรมของศาสนาๆ นั้น  แต่ก็ไม่ห้าม ที่จะให้ เด็กปฏิบัติตามความเชื่อดั้งเดิมของพ่อแม่ เช่น คนไหนอิสลาม  โรงเรียนก็ไม่จัดหาเนื้อหมูมาให้   หรือใครเป็นพุทธจะใส่สร้อยพระ แขวนพระ ก็ไม่มีใครห้าม จริงๆ ระดับอุดมศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยมิชชั่น  ถ้าคิดจะเรียนก็ต้องเข้าไปในรูปแบบของคริสเช่นกัน เช่น เข้าโบสภ์  กินมังสาวิรัติ (นี่แหละ ผมถึงไม่เข้า 555) เอาเป็นว่า หลักการชนิดนี้ก็ไม่ได้ เป้นของใหม่ ของแปลก  โรงเรียนศาสนาอื่นก็ทำ  ทำไม ไม่มีใครโวยวาย แต่พอพุทธทำบ้าง ถึงโวยวาย  เพราะอะไรเหรอ ? จากคุณ : Panda-baker เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 01:09:49

ความคิดเห็นที่ 34 โรงเรียนวัด โรงเรียนพุทธ จะต้องทำแบบนี้ตั้งนานแล้วครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 01:13:48

ความคิดเห็นที่ 35 ย้ายไปเรียนโรงเรียนที่ประกอบพิธีกรรมศาสนาของตนง่ายๆ รีบ ๆ ไปซิครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 01:14:56

ความคิดเห็นที่ 36 จะสนับสนุนโรงเรียนวัดทุกโรงครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 01:24:09 จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 01:23:24

ความคิดเห็นที่ 37 ใช่ แค่ให้พวกพ่อแม่เด็ก ย้ายลูก ไปเรียนที่อื่นซะที่ตรงกับความเชื่อ ของพวกมัน ซะก็จบเรื่อง นี่อะไร มาอาศัยบ้านเค้า ยังจะมาทำความเดือดร้อนวุ่นวาย ให้เจ้าของบ้านเขาอีก เกลียดพวกมันจริงๆเลยพวกนี้ จากคุณ : mutto เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 02:27:29

ความคิดเห็นที่ 38 มุ่งแต่จะเปลี่ยนให้คนอื่น มาทำตามที่ตนเองคิดโดยไม่สนใจว่า  ตนเองอยู่ที่ตรงไหน ถ้าไำม่เห็นด้วยกับความเห็นของเจ้าของสถานที่ก็ไปอยู่ที่อื่นซิ อย่าอ้างคำสอนของศาสนาตนเิองว่า เป็นบาปที่ต้องกราบไหว้สิ่งที่ผู้อื่นเคารพบูชา เพราะเป็นคำสอนที่สร้างความแตกแยกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว จากคุณ : Eikewsang เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 05:37:11

ความคิดเห็นที่ 39 รายชื่อโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร เขตการศึกษา ๒ (เขตหนองจอก) มัธยมวัดหนองจอก  ๒๑ หมู่ ๒ ถ.เลียบวารี แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เซนต์เทเรซา    ๖๓  ม.๔ ถ.สังฆสันติสุข แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร   http://www.edba.in.th/MySchool/ViewSchool.php?school=g401 บดินทรเดชา (สิงหเสนี) ๔  บริเวณสนามกอล์ฟเพรสซิเดนท์คันทรีคลับ ถ.สุวินทวงศ์  แขวงลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร  ๑๐๕๓๐   http://www.bodin4.ac.th/ หนองจอกกงลิบฮั้วเคียว   ๑๕๗ หมู่ ๘ สุขาภิบาล ๙ แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กทม ๑๐๕๓๐   http://www.njchineseschool.net หนองจอกพิทยานุสสรณ์มัธยม  ๓๑/๗ หมู่ ๙ ถนนมิตรไมตรี แขวงหนองจอก เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๓๐ http://www.npm.ac.th/th/index.php สุเหร่าคู้วิทยา   ๒๑ หมู่ที่ ๑๑ ซอยสุเหร่าคู้วิทยา ถ.เลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร ๑๐๕๓๐ โทร.๐๒-๙๘๙๐๑๘๘ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 08:03:47 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 07:59:55

ความคิดเห็นที่ 40 โรงเรียนก็มีเยอะนี่ครับ ถ้าโรงเรียนไหนเขาตั้งระเบียบแบบไหนไว้ ถ้าเราทำไม่ได้ ก็ไม่เห็นจะต้องไปขัดแย้งอะไรกันเลยนี่นา เพราะหลักศาสนาอิสลาม เขาก็บอกว่า ให้อยู่ด้วยกันอย่างสันตินี่ครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 08:13:22

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณท่านVenture ที่ให้เกียตริ เกรงว่าผมไม่เข้าใจโรงเรียนวิถีพุทธ  ผมเข้าใจดีเป็นอย่างมาก เพราะผมทำเรื่องโรงเรียน มาตลอดชีวิต ทุกท่านที่ได้เรียนหนังสือภายใต้ การศึกษาระบบประถมศึกษา นั่นคืออานิสงค์ ของเจ้ากระทรวงธรรมการ ในสมัยนั้น ช่วงก่อน ปี 2480 ที่แทงเรื่อง รบกวนไปค้นหาข้อมูลนะครับว่าเป็นใคร  แล้วเกี่ยวข้องอย่างไร กับอิสลาม และเกี่ยวข้องอย่างไรกับผม  (ผมไม่อยากกล่าว อ้าง แต่อยากให้ปัญหามันจบเร็วๆแล้วไม่ลุกลาม สังคมไทยมันเลยเถิด มามาก ) ในชีวิตที่ผ่านมา มีทั้งโรงเรียนวิถี อิสลาม 100% โรงเรียน สองประสาน ใครมาเรียนก็ได้ แต่มีวิถีตนเอง เรียนในโรงเรียนวิถี คริสต์ อัสสัมชัญธนบุรี และเซนต์จอห์น เรียนโรงเรียนมัธยมของรัฐ 100 % . ใช้วิถีอิสลาม   อิสลามวิทยาลัย  อวท ศิษย์เก่าหลายท่านเป็นพุทธ มีธุรกิจชั้นแนวหน้าของสังคมไทยก็มาก โรงเรียนไม่มีการบังคับใดๆสำหรับ นร ต่างศาสนิก ตอนนี้กฎหมาย ขัดแย้ง กันเอง ระหว่าง รัฐธรรมนูญ กฎกระทรวง กฎมติขอเถระ สมาคม เพระาฉะนั้นทำอย่างไรให้กฎออกมาในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าออกมาอย่างไร ผมเชื่อว่ามุสลิม ยอมรับได้ แต่ที่มีปัญหาเพราะโรงเรียนวัดวิถีพุทธ ไปสังกัดกระทรวงศึกษา และ สพฐ ใช้งบประมาณจากสอง ส่วนนี้ โรงเรียนต้องปฏิบัติตามกฎข้อนี้ไปก่อน จนกว่ากระทรวงจะมีกฎอันใด ที่มีแยกออกไปต่างหากถึงกรณี นี้ รัฐบาล อาจ ออกเป็นพรก หรือมติคณะ รัฐมนตรีก็ได้ ว่าให้โรงเรียนที่ตั้งบนธรณ๊ สงฆ์ ต้องใช้กฎสงฆ์เท่านั้น มีบทเฉพาะกาล จนกว่าเด็กจะจบการศึกษา หรือจบ ในระดับ ม 3 หรือ ม 6 ถ้าทำแบบนี้ได้ ผมบอกได้เลยว่าไมีมีมุสลิมคนไหนออกมาเรียกร้อง ผมคนนึงจะไม่ออกมาเรียกร้องอะไร ผมคนกทม  ล้านเปอร์เซนต์ เกิดมาท่ามกลางเพื่อนพุทธ สังคมพุทธ บ้านไม่ได้อยู่กับชุมชนสุเหร่า  กลับกันรอบบ้านผมเต็มไปด้วยวัด ด้วยประการดั่งนี้ ทำไมผมจะไม่เข้าใจ เรื่องที่ท่านเข้าใจ  ผมผ่านจุดนั้นมานานแล้วครับ ด้วยความเคารพ พี่จิม อนึ่ง...ส่วนการตีความว่าวิถีไทยวิถีพุทธครอบคลุมแค่ไหน 5W 1H สงสัยต้องให้กฤษฎีกาตีความ เรายอมรับได้ แต่ด้วยความคิดเห็นของผม การแต่งกายด้วยการคลุมหัวแบบอิสลาม นั่นคือหนึงของวิถีไทย เพราะการคลุมหัว มีมาตั้งแต่ก่อนกรุงสุโขทัยด้วยซ้ำจนมาเป้นประเทศไทย แล้วก็คลุมกันเรื่อยมา จนมาถึง ปี 2490 - ปรธมาณ ปี 2540  นี้แหละ ถึงมีการนำนโยบาย ก่อนปี 2490 คืนความเป็นคนไทย ให้พี่น้องมุสลิม กลับคืนมา ผมเรียนพี่น้องว่า เราไม่ได้เรียกร้องในสิ่งใหม่  แต่เราเรียกร้องความเป้นคนไทยแบบอิสลามกลับคืนมาต่างหาก  ทุกอย่างเคยดีมาตลอด มีบางคนมาบิดตอน ปี 2490 เพราะมีงบ อะไรไม่รู้ จาก ตปท มาทำให้เกิดการแบ่งแยกเพื่อปกครอง ในโลกใบนี้ เรื่องนี้และอีกหลายเรื่องใน ปทไทย ถูกครอบงำด้วยการเมืองระดับโลก  ผมย้ำ ระดับโลก แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:55:16 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:43:24 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:28:37 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:26:56 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:07:53 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:00:27 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 08:58:59

ความคิดเห็นที่ 42 มารู้จักอิสลามวิทยาลัยฯ อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการศาสนูปถัมภ์ ฝ่ายอิสลาม พุทธศักราช 2488 ในมาตรา 4 ที่ว่า "เมื่อเห็นสมควร กระทรวงศึกษาธิการ อาจจัดตั้งสถานศึกษา เรียกว่า “อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย  ” เพื่ออิสลามศาสนิกจะได้ศึกษา และรับการ อบรมในทางศาสนา ผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยนี้  มีสิทธิ์เข้ารับเลือกเพื่อรับ "พระราชทานเงิน ทุนส่งไปเข้าศาสนิก ศาสนาจารีต ณ นครเมกกะ ตามจำนวนที่จะได้ทราบพระกรุณาโปรดเกล้าฯ  กำหนดขึ้นเป็นคราวๆ ” เปิดทำการสอน เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม  2493 ณ เลขที่ 98/1 ตำบลสามเสนใน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร   ใกล้บริษัทโรงปูนซีเมนต์ ไทยจำกัด บางซื่อ โดยมีนายรังสฤษดิ์  เชาวน์ศิริ  เป็นอาจารย์ใหญ่ สังกัดกรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ รับเฉพาะนักเรียนชาย ที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เข้าศึกษาตามหลักสูตรวิชาการศาสนาอิสลาม ภาษาอาหรับ ภาษามาลายู และความรู้ทั่วไป  เทียบเท่าหลักสูตรอนุปริญญา  ผู้เข้าศึกษาเรียกว่า “นิสิต” จัดให้อยู่หอพักโดยไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน และค่าอาหาร ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 กระทรวงศึกษาธิการประกาศยกเลิกหลักสูตร ปี 2493 เนื่องจากมีผู้สมัครเข้าเรียนน้อยและเปลี่ยนมาใช้หลักสูตรเตรียมอุดมศึกษา แผนกอักษรศาสตร์แทน โดยมีการสอนวิชาศาสนาอิสลาม ภาษาอาหรับ และภาษามาลายู ในปีนี้อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย  ได้ย้ายมาสังกัดกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เริ่มเปิดสอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ในปี พ.ศ. 2498 หลังจากนั้นได้เปิดสอนชั้นอื่นๆ ในปีต่อมา และเริ่มเปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษา  แผนกวิทยาศาสตร์ โดยมีการสอนวิชาภาษาอาหรับ ในปี 2503   ต่อมาได้เปลี่ยนหลักสูตรการสอน ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ  เปิดสอนหลักสูตรประถมศึกษาตอนปลาย (ป.5-ป.7) และหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ 1-3) พ.ศ. 2506 เปลี่ยนหลักสูตรการสอน ในชั้นประโยคเตรียมอุดมศึกษา เป็นหลักสูตร พ.ศ. 2503 โดยเปิดสอนครบทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ 1-3) และมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.ศ 4-5) พ.ศ. 2508   อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ย้ายจากสถานที่เดิม ไปอยู่ที่ถนนประชาอุทิศ ตำบลทุ่งครุ อำเภอราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร ปัจจุบันเป็นแขวงทุ่งครุ  อำเภอราษฎร์บูรณะ  กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ 41ไร่ 2 งาน 28 ตารางวา เริ่มแรกได้ก่อสร้างอาคารเรียน 2 หลัง หอพักนักเรียนประจำ 1 หลัง ครู โรงอาหารและ โรงครัว พ.ศ. 2515 เปิดรับนักเรียนหญิง  เข้าเรียนขั้น ป.5 ,ม.ศ.1 และ  ม.ศ.4 เป็นครั้งแรก เป็นการเริ่มต้นสถานศึกษา ประเภทสหศึกษา และ พ.ศ. 2518 ได้เปิดสอนวิชาภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศส ในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  (ม.ศ 4-5) จนกระทั่งถึง พ.ศ.2521 ได้ยุบชั้นเรียน ป.5-ป.7 ตามหลักสูตรประถมศึกษาตอนปลาย และเริ่มใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1-ม.3)มีการสอนวิชาอิสลามศึกษา  และภาษาอาหรับทุกระดับชั้น เริ่มใช้หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) พ.ศ. 2542 เปิดสอนแผนการเรียนภาษาอาหรับ และภาษา ฝรั่งเศส เป็นวิชาเลือก   ในหมวดวิชาภาษาต่างประเทศ พ.ศ.2525 เปิดสอนแผนการเรียนภาษาอาหรับ ให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้น พ.ศ. 2531 เปิดสอนวิชาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม   โดยใช้หลักสูตรอิสลามศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย  พ.ศ. 2525 ของกรมวิชาการ 5 รายวิชา ให้เป็นวิชาบังคับ   สำหรับนักเรียนมุสลิมทุกคน ในทุกแผนการเรียน และเป็นวิชาเลือกเสรีสำหรับนักเรียนศาสนิก อื่นๆ เพิ่มอีก ปัจจุบันอิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทยเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดกรมสามัญศึกษา   เปิดทำการสอนมาแล้ว 60 ปี ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ปีการศึกษา 2553 ที่มา http://www.islamwit.net/BLACKGROUND_DPT.html จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 09:21:16

ความคิดเห็นที่ 43 ผมขอเรียนให้ทราบว่า มุสลิม และเพื่อนพุทธ รวมทั้งเพื่อนทุกศาสนิก ไม่ได้สร้างปัญหาให้เกิดความแตกแยก แต่มีคนบางกลุ่ม ที่ใช้ความอคตินิยม นั้นแหละสร้างปัญหา พี่น้องร่วมชาติ เราต้องกลับและย้อนไปคิดกันเถอะครับ ว่ากำแพงอคติ ยังคงจะให้มีอยู่ในสังคมไทยอีกหรือไม่ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 09:30:23 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 09:23:30

ความคิดเห็นที่ 44 ระบบคิดของอิสลาม คือความชัดเจน นี่คือรากของความเป้นอิสลาม ผมถึงบอกว่าทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย จะออกมาในรูปแบบใด มุสลิมเรามีทางออกได้ จะประกาศศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาตก็ได้ ผมคนนึงละที่ไม่มีปัญหา เอากฎของพุทธ มาเป็นรัฐธรรมนูญ ผมก้ไม่มีปัญหาแถมสนับสนุนอีกด้วย ขอให้ทำจริงจัง โรงเรียนวัด ก็ให้เป็นโรงเรียนวัดจริงๆ ออกเป็นกฎกระทรวงไปเลย ไม่ใช่ครึ่งบกครึ่งน้ำ นี่แหละปัญหาเกิดทันที ถ้าเป็นโรงเรียนสองประสาน ก้ต้องยอมรับหลักการสากล จนกว่าจะมีคำสังเปลี่ยนแปลง มิใช่ไปเปลี่ยนวิถี โรงเรียน ให้ไปเป็นวิถีวัด ด้วยวิธีเล่นคำ ไม่แมนครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 09:42:25

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้าเป็นอย่างที่พี่จิมว่า ผมคิดว่า พี่น้องมุสลิม ควรจะไปยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา เพื่อให้ออก พรก. จัดการปัญหานี้ถึงจะถูกต้องมากกว่าครับ เพราะการมาประท้วงตรงนี้ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร เห็นได้จากปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังมาหลายปีแล้ว ผ่านรัฐบาลมาก็หลายพรรค หลายยุค ก็ไม่ได้ถูกแก้ไข แสดงว่า การจะดันทุรังเอาชนะนโยบายโรงเรียนก็ไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้น ถ้าจะหาสันติสุข ก็ควรไปยื่นเรื่องให้รัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ว่าจะออก พรก. แยกโรงเรียนวิถีพุทธออกไปเลย อย่างนี้น่าจะตรงตัวมากกว่าครับ ปัญหาก็จะได้จบ ๆ ไป จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 10:17:25

ความคิดเห็นที่ 46 ซึ่งรูปแบบของโรงเรียนวิถีพุทธ ก็คงจะหลักการแนวทางเดียวกับ โรงเรียนปอเนาะ คือเน้นเรื่องทางศาสนามากขึ้น หมายถึง จะนำวิถีการดำรงตนอยู่ในสังคมโดยแนวทางชาวพุทธมาใช้เป็นหลักสอนเด็ก ควบคู่ไปกับการสอนวิชาการทางโลกด้วย  ส่วนจะอยู่ในสังกัดของรัฐหรือไม่อย่างไร ก็ว่ากันไปครับ และผมเห็นว่า ก็ควรทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เหมือนที่พี่จิมบอกไว้เหมือนกันครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 10:21:38

ความคิดเห็นที่ 47 ท่านผ้าพับ ไว้ โรงเรียนและวัดต้องยืน เพราะเป้นการรักษาสิทธิ์ประโยชน์ตนเอง ให้ศาลคุ้มครองตามกฎหมาย เถระสมาคม เพราะโรงเรียนเป้นผู้เปิดแนวรบก่อนว่า โรงเรียนใช้กฎวัด มาครอบคลุม มาเหนือกว่ากฎกระทรวง ไม่ใช่หน้าที่เด้ก และอิสลามไปยืนในประเด้นนี้ ส่วนในเรื่องอิญาบเด้กไม่ได้รับสิทธ์ในการเข้าเรียนโรงเรียนของรัฐ ตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เด้กไปยืนแล้ว ฉะนั้นผมแนะนำว่า วัดโรงเรียนควรใช้สิทธ์ที่ตนเองพึงมีเรียกร้องให้รัฐปฏิบัติตามกฎหมายเถระสมาคม มาเทียบโรงเรียนปอเนาะก็ไม่ได้  ปอเนาะของเอกชน ไม่ใช่ของรัฐ ย้ำปอเนาะของเอกชน ผมพูดมาจนปากจะฉีกแล้วว่า  ถ้าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนเอกชนมัธยมวัดหนองจอก ไม่มีอิสลามหน้าไหน มายืนเรื่องหรอกครับ เค้าไม่อยากมีปัญหา เรื่องของเรื่องคือครึ่งบกครึ่งน้ำ นี่แหละ ****ข้อแนะนำโรงเรียนและวัด ถ้าคืดว่าตนเองถูกนักเรียนและกระทรวง ใช้กฎกระทรวงรังแก รีบร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ" เดี๋ยวผมจะช่วยลงชื่อ พร้อมไปลากเพื่อนๆ มาลงชื่อด้วย ปัญหามันจะได้จบเร็วๆ  มุสลิมทุกคนในบ้านนี้เมืองนี้ จะได้จำใส่กระโหลกว่า อย่าไปเอาอะไรกันหนักหนากับบ้านนี้เมืองนี้ รู้จักสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่าได้คิดเผยอหน้าออกมา ทั้งที่ตนเองเป้นเจ้าของประเทศนี่เช่นกัน แต่ไม่เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 10:54:17 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 10:49:41

ความคิดเห็นที่ 48 คห.40 อะไรก็ผลักให้อิสลาม โยนคำว่า สันติๆ สันติมันก็สันติอยู่แล้วหล่ะค่ะ คุณไม่เห็นหรือที่ไปเดินเรียกร้องเมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเค้าก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร ถนนก็ไม่ได้ปิดตามเทรนด์สมัยนี้ แล้วศาสนาคุณสอนว่า ไม่ให้ยึดติด ดิฉันเลยไม่เข้าใจว่า กะอีแค่ ผ้าคลุม ฮิญาบ ผืนเดียวใส่เข้าไปในเขตธรณีสงฆ์ไม่ได้ เพราะอ้างว่าขัดแย้งกับวิถีพุทธ ดังนั้นแล้ว มุสลิมเลยอยากรู้ว่า - รร. อยู่ภายใต้กระทรวง กระทรวงอนุญาตแล้ว รร.จะไม่อนุญาตได้มั๊ย - หากในเรื่องธรณีสงฆ์ จึงเป็นเหตุให้ ในรร.ห้ามคลุมผม ทำไมครูคลุมได้?? หรืออนุโลม แล้วทำไมจึงอนุโลม - หากในกรณีเป็นที่ธรณีสงฆ์ จึงเป็นเหตุให้ ห้ามคลุมผม ทำไมเวลางานวัด คนเข้ามาขายของที่เป้นมุสลิม สามารถคลุมผมเข้ามาขายของ และเที่ยวงานได้ ....... แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 11:49:33 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 11:48:37 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 10:53:10

ความคิดเห็นที่ 49 รบกวนเพื่อนที่รักทุกศาสนิก ช่วยบอกสิว่านี่คือเครืองแต่งกายที่เป็นวัฒนธรรมของประไทยหรือไม่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:03:08

ความคิดเห็นที่ 50 แบบนี้อีกใช่หรือไม่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:05:52

ความคิดเห็นที่ 52 แบบนี้อีกใช่หรือไม่ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:09:06

ความคิดเห็นที่ 54 แบบนี้อีกใช่หรือเปล่า จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:11:54

ความคิดเห็นที่ 55 ต้องตีโจทย์ให้แตกนะครับ เอาทางไหนก็จะได้เอาสักทาง ใช่ หรือ ไม่ใช่ คนปฏิบัติจะได้ทำตัวได้ถูกต้อง จะได้เป็นบันทึกไว้เลย แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 11:13:52 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:12:56

ความคิดเห็นที่ 56 วิถีไทย คือ ศาสนาพุทธ ?????? จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:56:13

ความคิดเห็นที่ 57 วิธีไทย คือ วิถีพุทธ?????? ถ้าวิถีไทยคือ วิถีพุทธ แล้วคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธหล่ะ ก็จะเป็น วิถีไทยไม่ได้ใช่หรือไม่ เฮ้อออ งง ใครก็ได้ ช่วยอธิบายทีว่า วิถีไทย คืออะไร จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:03:40

ความคิดเห็นที่ 58 # คุณพี่จิม ความเห็น ๔๗ ต้องขออภัยที่ผมสื่อแล้วคุณไม่เข้าใจนะครับ(จริง ๆ คิดไว้อยู่แล้วเหมือนกันว่า น่าจะไม่เข้าใจ) ที่ผมต้องการสื่อก็คือ โรงเรียนปอเนาะ เป็นโรงเรียนที่เน้นหนักไปในเรื่องของการเรียนการสอนด้านศาสนา และนำเอาวัฒนธรรมและความเชื่อของศาสนามาเป็นหลักในการเรียนการสอน เพราะฉะนั้น ผมถึงได้บอกว่า โรงเรียนวิถีพุทธ ที่รัฐบาล หรือกระทรวงศึกษาธิการก็ดี จะออก พรก. หรือ จะออกกฎกระทรวง เพื่อจัดการปัญหาตรงนี้ให้จบสิ้นไป จะไม่ให้สังกัดรัฐ ไปสังกัดมหาเถรสมาคมก็ได้แล้วแต่ ผมไม่ติดใจประเด็นนี้ครับ ซึ่งมันก็จะไปตรงกับ ความเห็นของคุณพี่จิม ที่บอกว่า อย่าเป็นครึ่งบกครึ่งน้ำนั่นเอง ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่า โรงเรียนจะเป็นของเอกชน หรือต้องสังกัดรัฐบาลครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:09:02

ความคิดเห็นที่ 59 # คุณ Ms.Kohlanta ปัญหาเรื่องการจะปิดถนนไม่ปิดถนน ตรงนั้นไม่ใช่ประเด็นหลักนี่ครับ และส่วนตัวผมคิดว่าก็ไม่ได้แก้ปัญหาได้ตรงจุดเท่าไรด้วยซ้ำไป ถ้าตามอ่านจากกระทู้ด้านด้านล่าง อย่างที่ผมบอกไป ปัญหาไม่ได้เพิ่งเกิดปีนี้ แต่เกิดมานานแล้ว และทุกรัฐบาล ทุกพรรคการเมือง ทุกรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้จบไป   http://www.aia.or.th/hotnews-hijab@watnongjok.htm ตัดเอาเฉพาะแต่ข้อมูลที่ได้รับมา (ไม่ได้บอกว่าถูกต้องหมด) ก็จะเห็นว่า ปัญหาไม่ได้แก้ง่าย ๆ  รัฐบาลที่ผ่านมา จนถึงรัฐบาลนี้ ก็ไม่มีใครแก้ได้สักที เพราะฉะนั้น ผมถึงบอกว่า ปัญหามันไม่ได้แก้ง่าย ๆ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:22:34

ความคิดเห็นที่ 60 ท่านผ้าพับไว้ ผมนะเข้าใจท่านดีครับ แต่หลักการเปรียบเทียบอะไรบนโลกใบนี้ ต้องเปรียบเทียบบนพื้นฐานเดียวกันครับ ถ้าเอาหลักที่ท่านว่า ต้องให้โรงเรียนวัดหนองจอก เป้นโรงเรียนของวัดโดยสมบูรณ์ 100% เหมือนโรงเรียนปอเนาะ ถึงจะเอามาเปรียบเทียบกันได้ เหมือนการแปลง หน่วย ช่าง ตวง วัด ไทย กับสากล  จะแปลงให้เป็นค่าเดียวกันได้ ต้องย้อนสมการกลับไปที่ 0  ก่อนครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:23:17

ความคิดเห็นที่ 61 คห.59 เวปนั้น ดิฉันอ่านมาตั้งนานแล้วค่ะ และก็บอกไว้ด้วยว่า มีข้อมูลที่เข้าใจผิดพลาดหลายประเด็นเลยทีเดียว เลยไม่อยากสนใจจะอ่านเวปนั้นแล้ว เอาเป็นว่าคุณลองตอบคำถามของดิฉัน  ใน คห. 48 หน่อยได้ไหมคะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:27:27

ความคิดเห็นที่ 62 ท่านผ้าพับไว้  ก็ ต้องแก้ ที่เวบ บ้านี่แหละครับ อคตินิยม เลื่อนลอย โจมตีมา เป็นสิบปีแล้วและมี อีกหลายเวบ ผมฟังมาตั้งแต่เด้กแล้วละ แทนที่จะรนณรงค์คนให้เคร่งครัด กลับโจมตีคนอื่น ผมก็งง กับระบบคิด ถ้าเป็นคนเรียนเรื่องสื่อ เรื่องการตลาด เค้าบอกว่า มันฉลาดหรือเปล่าเนี่ย แทนที่จะโจมตีคนอื่น ดันทะลึ่งไปโฆษณาให้เค้าสะอีก ศัตรูแทนที่จะอ่อนแอ กลับเพิ่มความเข้มแข็งหึกเหิม ขึ้นมา ไม่โง่ก้บ้าแล้วละท่าน การที่จะทำให้คนลืม คือการไม่ทำให้เป้น Interesting point เงียบคลื่นใต้น้ำ นั้นแหละฉลาดสุด อุดรอยรั่วของตนเองก่อนอันดับแรก อุดให้อยู่ แล้วค่อยหาทางเพิ่มเอา เลือดไหลโจ้กๆ ไม่พันผ้า ดันเอาหลอดเลืดมายัดใส่ ยัดไม่พอ ออกแรงวิ่งไปตีชาวบ้านอีก ทีท่านเอาลิ้งค์มาเผยแพร่ มุสลิม เค้าไม่เอาเรื่องนะดีแล้ว จับแพะชนหมาอะไร ก็ไม่รู้ เรื่องไม่เป้นเรื่องทำให้เป็นเรื่อง เฮ้่อ.....เผลอบอกตำราพิชัยสงครามให้อีกนะเนี่ย ไม่น่าหลุดปากบอกเลย จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:30:51

ความคิดเห็นที่ 63 อ้อ ตอบ คห .57 ด้วยนะคะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:31:12

ความคิดเห็นที่ 64 ส่วนประเด็นอื่น ๆ ผมไม่ขอเขียนแล้วกัน เีถียงกันไป ก็เถียงกันมา ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ไม่ได้ก่อให้เกิดสันติใด ๆ ทั้งสิ้น [b]เพราะเมื่อเถียงกัน ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการเอาชนะฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี [/b] เมื่อมีฝ่ายใดแพ้ ก็ต้องมีการ "เอาคืน" ซึ่งมันก็ไม่ได้สันติตรงไหน แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร จิตใจเศร้าหมองเปล่า ๆ ที่บอกว่า พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้ยึดติด ผมว่าชาวพุทธไทยที่อาจจะรักพระพุทธศาสนาน้อยไปเสียด้วยซ้ำครับ ถ้าเป็นในพม่า ป่านนี้มีเฮกว่านี้อีกครับ ถ้ายึดติดจริง ป่านนี้ คงมีอาสาสมัครคนไทยจำนวนไม่น้อย สมัครใจไปช่วย USA ถล่มบางกลุ่มความเชื่อ ที่ระเบิดพระพุทธรูป ที่หน้าผาเมืองบามิยันไปนานแล้ว นี่ยกตัวอย่างประกอบนะครับ ไม่ได้ต้องการจะสื่อว่าคนพุทธดีกว่าคนศาสนาอื่น ๆ เพราะตราบใดยังไม่หมดกิเลส ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่สามารถละการยึดติดได้หมดหรอกครับ ส่วนเรื่องประเด็น แต่งตัวในรูปนั้นเป็นคนไทยหรือเปล่า ส่วนตัวผมว่า อยู่ที่จิตใจครับ ถ้าคิดว่าตัวเองเป็นไทย ก็เป็นคนไทย ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนไทย ต่อให้แต่งตัวเป็นคนไทย ก็ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นคนไทยอยู่ดี ไม่ต้องอื่นไกล ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้ นั่นเป็นคำตอบที่ดีครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:31:47

ความคิดเห็นที่ 65 ท่านผ้าพับไว้ ตกลงเราเข้าใจตรงกันนะครับ ว่าทำให้เคลียร์ไปเลย ออก พรก หรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วมีบทเฉพาะกาล ปีการศึกษาหน้า ออกกฎ  เข้ม ไปสะแค่นี้ก็จบ ส่วนโรงเรียนไหน จะทำตามไม่ว่าโรงเรียนศาสนาใด ก็แล้วแต่กรณีไป จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:35:11

ความคิดเห็นที่ 66 # คุณพี่จิม ความเห็นที่ ๖๐ เห็นด้วยครับ ผมถึงได้บอกว่า ต้องไปร้องกับทางรัฐบาลเลย ขอความชัดเจนไปเลยว่า จะจัดเป็นของวัด ของเถรสมาคม เลยดีไหม ?  หรือจะอยู่กับกระทรวงต่อไป ? ถ้าอยู่กับกระทรวงต่อ จะจัดแยกเป็นโรงเรียนพิเศษหรือเปล่า ?  จะเอาอย่างไรขอให้ชัดเจนครับ ผมเห็นด้วยเลย # คุณพี่จิม ความเห็นที่ ๖๒ ผมเชื่อว่า ศาสนิกของแต่ละศาสนา มีทั้งคนดีและไม่ดีไม่ต่างกันครับ การกระทำบางอย่าง ในมุมของเขาเหล่านั้น เขาคงมองแล้วว่า เขาทำดีเพื่อศาสนาของเขา ซึ่งมันก็ถูกในมุมของเขา แต่ในมุมของคนอื่นอาจจะไม่ถูก ซึ่งทุกศาสนามีเรื่องอย่างนี้แน่นอน และห้ามไม่ได้เสียด้วยสิ (เรื่องโลกแตกเลย) เพราะฉะนั้นเรื่องปกติครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:36:38

ความคิดเห็นที่ 67 อ้าวท่านผ้าพับไว้ สามจังหวัดภาคใต่ เค้านะคนไทย ล้านเปอร์เซนต์ครับ อย่าไปยัดเยียดเค้า ที่มันมีปัญหา ก็ นี่แหละ ปัญหาแบบนี้เลยละ อยากรู้ต้องมาศึกษากับผม พิมไม่ไหว ส่วน ตาลีบัน 19 กันยา  นะ ฝีมือใคร ปัญหาภาคใต้ ใครเบื่องหลัง สืบเอาดูนะครับ ใช้ตาสมอง อย่าใช้ตาใจ ชั่งดีๆๆ ว่าคนที่มันจะเอาจริงเอาจังเรื่องนี้นะ มัน 5 W 1 H หรือยัง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:40:19

ความคิดเห็นที่ 68 ท่านผ้าพับไว้  เรื่องนี้นะ ผมว่าทางที่ดี ต้องร่วมมือกัน ระหว่าง อิสลามกับพุทธ เรากองเชียร์นี่แหละร่วมมือกันทำให้เกิดความชัดเจน แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 12:43:08 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:41:54

ความคิดเห็นที่ 69 ปัญหา 3 จว.ใต้ คุณไม่รู้หรอกหรือว่าสาเหตุสำคัญหน่ะมาจากอะไร หรือได้แค่นั่งฟังข่าวทางทีวี และ หนังสือพิมพ์ ดิฉันตอนเรียนอยู่แถวนั้น เหตุการณ์เกิดแล้ว และ ก็รับรู้พร้อมๆกับคนในพื้นที่ด้วยว่า มันเกิดอะไร เหตุการณ์บางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงใน ในพื้นกับข่าวที่นำเสนอออกไปทางสื่อ มันมีความจริงอยู่แค่ไม่ถึง 30 % เช่น อันนี้แค่ความจริงส่วนหนึ่งยกให้ดูเป็นตัวอย่าง ดิฉันนั่งเรียนอยู่ดีดี ระเบิดก็ดังขึ้นขึ้นหน้าบริเวณลานจอดรถของ อาจารย์ ท่านหนึ่ง คุณรู้ไหม ว่ามันเกิดจากสาเหตุอะไร ความจริงคือ เหตุขัดแย้งส่วนตัว พอเลิกเรียนกลับไปนั่งฟังข่าวทีวี ข่าวนำเสนอว่า เกิดจากการก่อการร้ายกลุ่มของมุสลิม กลุ่มRKK เพื่อสร้างสถาณการณ์ เอ่อ แต่ความจริง หน่ะ เกิดจากเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับกลุ่ม RKK แต่อย่างใด แต่กลับโดนให้ร่วมเกี่ยวข้องไปซะงั้น ยังมีอีกค่ะ เรื่องที่คุณไม่รู้ ออกทะเลแระ เข้าเรื่อง ฮิญาบ เถอะค่ะ คุณอย่าลากไป เรื่อง สถาณการณ์ใต้เลย จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:43:54

ความคิดเห็นที่ 70 ใครที่มันมีวาระ แอบ แฝง ไม่ว่าใคร แก้ผ้ามันสะ สังคมไทยจะได้เดินหน้า จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:44:36

ความคิดเห็นที่ 71 # คุณMs.Kohlanta จริง ๆ ก็ขี้เกียจจะเขียนนะครับ เพราะเขียนแล้วมันก็ทำให้เร่าร้อนทางใจกันทุกฝ่าย เพราะก็ต้องมาสรุปกัันอีกล่ะครับว่า จะเอาคำว่า "ไทย" สมัยไหน ถ้าเอาไทยสมัยโบราณ ตั้งแต่ก่อนสุโขทัย - พ.ศ. ๒๔๗๕  วิธีไทยก็คือวิถีพุทธเลยครับ ไม่ต้องอื่นไกล สมัยก่อน จะมีคำเรียกนำหน้า เพื่อบ่งบอกเผ่าพันธุ์อย่างชัดเจน เช่น จีน ก. , แขก ข. ฯลฯ  ซึ่งถ้าเอากรอบแนวคิดของคนยุคปัจจุบัน รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปเป็นเกณฑ์ตัดสิน คงได้มีตีกันตายไปข้า่ง คงจะต้องน้อยใจกันอีกมหาศาล  เพราะหาว่า แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา นั่นก็คือมุมมองของคนในยุคนี้ ที่มีต่อบริบททางสังคมในยุคโน้น ก็ไม่ต่างอะไร กับที่คุณ Ms.Kohlanta เคยไปวิจารณ์เรื่อง เครื่องแต่งกายของนักวอลเลย์บอลสาวของต่างชาติ ในห้องศุภชลาศัยนั่นล่ะครับ ( คิดว่าคงจำได้ ) จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:46:09

ความคิดเห็นที่ 72 ใช่คุณลันตา ญาตผมคนนึงที่จะนะ มีอาชีพนายหน้าซื้อยาง เดินตามตูดนักการเมืองท้องถิ่น เค้าเป่านักการเมืองท้องถิ่น เรื่องผลประโยชน์ ไอ้ญาตผมซวยตามไปด้วย ตายตาม ข่าวออกมาว่า โจรก่อการร้าย ญาติอีกคนนึง เจ้าของโรงเรียน ปอเนาะ ยะรัง รนณรงค์ให้ชาวบ้านเลิกยา โดนเป่าทิ้ง แล้วก็บอกว่า โจรก่อการร้าย มีเยอะตัวอย่างนะ จะไล่ให้ทีละอันเลยดีมะ เอาระดับชาตเลยปะ จะเล่าให้ฟังถ้าอยากฟัง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:48:03

ความคิดเห็นที่ 73 อ่อ นั่นแสดงว่า ชาวคริสต์และ ชาว อิสลาม ชาว ซิกซ์ ช่างน่าสงสารเสียจริง แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 12:53:27 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:48:10

ความคิดเห็นที่ 74 # คุณพี่จิม (อีกแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ความเห็นที่ ๖๗) ต้องขอโทษอีกแล้วครับ แหม สงสัยผมจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารอีกแล้วจริง ๆ ผมเชื่อครับว่า พี่น้องไทยมุสลิมใน ๓ จังหวัดนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนดี และเป็นคนไทยด้วยหัวใจจริง ๆ ที่ผมต้องการจะสื่อคือ หมายถึง บางกลุ่มที่หลงผิด เพราะการหลอกลวง นั่นล่ะครับ ผมต้องการจะสื่อถึงคนเหล่านั้นครับ   # คุณ Ms.Kohlanta ( ความเห็น ๖๙ ) เรื่องปัญหาความไม่สงบนั่น ผมก็คิดเหมือนคุณครับ มันเป็นปัญหาที่ต่างฝ่ายต่างแก้ไข ชาวบ้านไปทาง ข้าราชการไปทาง มันก็แก้กันไม่จบหรอกครับ ถ้าชาวบ้านร่วมใจช่วยกันแก้ไข แล้วรัฐบาลส่งข้าราชการดี ๆ ลงไปช่วย ทุกอย่างมันก็จบครับ ตัวอย่างดี ๆ ในพื้นที่ ที่ชาวบ้านช่วยรัฐแก้ไขก็มี อย่างกรณี ผู้ใหญ่บ้าน กุเฮง สะอิ ที่ิยิงต่อสู้กับโจร RKK นั่นก็เป็นตัวอย่างที่ดีครับ ถ้าพี่น้องมุสลิมร่วมด้วยช่วยกันกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เป็นคนดี ทุกอย่างน่าจะแก้ไขได้เร็วขึ้นครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:52:41

ความคิดเห็นที่ 75 อ่อ เรื่อง กินกินกิน หรือ เงิน เงิน เงิน  แถวนั้น นี่ไม่เข้าใครออกใคร เสียจริงเลยนะคะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:55:52

ความคิดเห็นที่ 76 ท่านผ้าพับไว้ เรียนด้วยความเคารพนะครับว่า ใครมาเรียกผมแขกโดนต่อย ของขึ้นทันที ตั้งแต่เด้กแล้ว ปู่ย่าตายาย ของผมบอกในหูว่าเราไม่ใช่แขก เราคือคนไทยมุสลิม มาตั้งแต่ก่อนสร้างกรุงเสียอีก อยากรู้ว่าต้นตระกูล ผมเป้นใคร  ไป เที่ยวอยุธยา ไปวิทยาลัยครูอยุธยา มีหลุมฝังศพอยู่กลาง  วค นั้นแหละ เพราะฉะนั้นผมเป็น คนสยาม และสุดท้ายใครก็ไม่รู้กลัวอะไรนักหนา กับคำว่าสยาม มาเปลี่ยนเป็นคนไทย สงสัยบรรพบุรุษ คงถูกอิสลามทุ่งครุ แทงตาย กระมัง ถึงได้ฝังกบาลอคตินิยม ให้เกลียด คนอิสลาม ขึ้นสมอง จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:55:55

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณท่านผ้าพับไว้  นี่ไงครับการที่เราปุจฉากัน ยิ่งมากเท่าไหร่ ปัญหามันจะได้แตก ออกไม่ใช่เราฟังแต่สือ ให้มันล้างสมองเอา เราคนไทยไม่ว่าเชื้อชาตไหน ศาสนาไหน ก็ไทยด้วยกัน อย่าเป็นเหยื่อ ของคนบางคน ขอบคุณที่เราทำให้แตกประเด้นออกไป จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:58:02

ความคิดเห็นที่ 78 เผื่อคุณยังไม่เห็น หรือ ลืมตอบ  มุสลิมเค้าอยากจะทราบว่า 1.รร. อยู่ภายใต้กระทรวง กระทรวงอนุญาตแล้ว รร.จะไม่อนุญาตได้มั๊ย 2. หากในเรื่องธรณีสงฆ์ จึงเป็นเหตุให้ ในรร.ห้ามคลุมผม ทำไมครูคลุมได้?? หรืออนุโลม แล้วทำไมจึงอนุโลม 3. หากในกรณีเป็นที่ธรณีสงฆ์ จึงเป็นเหตุให้ ห้ามคลุมผม ทำไมเวลางานวัด คนเข้ามาขายของที่เป้นมุสลิม สามารถคลุมผมเข้ามาขายของ และเที่ยวงานได้ .......... จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 12:58:26

ความคิดเห็นที่ 79 # คุณ # คุณMs.Kohlanta ถ้าจะเอานิยาม "วิถีไทย" ในสมัยนี้ ตรงนี้ผมก็จนปัญญาล่ะครับ เพราะผมคิดว่า ถ้าไปไล่ถามคนไทย ๑๐ คน คงมีนิยามที่หลากหลาย ซึ่งมันเป็นอะไรที่เป็นปัญหาโลกแตกอีกแล้วครับท่าน เพราะฉะนั้น ผมขอไม่ตอบแล้วกันครับ ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่ตอบไม่ได้จริง ๆ ครับ ส่วนเรื่องที่ถามมาในความเห็นที่ ๗๓ ส่วนตัวที่อ่านหนังสือมาบ้าง ก็ไม่เห็นว่า พี่น้องศาสนิกอื่นจะมีความน้อยเนื้อต่ำใจนี่ครับ เพราะพระเจ้าแผ่นดินกรุงสยาม ค่อนข้างจะทรงพระเมตตาต่อศาสนิกอื่น ๆ มาก ดังจะเห็น โบสถ์คริส มัสยิด เยอะแยะที่อยุธยา และในหน้าประวัติศาสตร์ ก็ไม่มีเรื่องของสงครามศาสนาในอาณาเขตประเทศไทยเท่าไร(สมัยก่อนคือสยาม) ที่มีกรณีบ้าง ขอใช้ว่าบ้าง ก็น่าจะเป็นกรณี กบฏมากาซ่า (มักกะสัน) ที่มีการไล่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก แต่นั่นก็มีต้นเหตุมาจากความขัดแย้งทางธุรกิจ ก็ผลประโยชน์นั่นแล ระหว่าง เจ้าชายเมืองมากาซ่า กับ คอนสแตนติน ฟอลคอน(ออกญาวิไชยเยนทร์) กรณีอื่น ๆ ไม่เห็นมีนะครับ ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ผมว่าสังคมสยามโบราณโคตรจะสงบเสียด้วยซ้ำไป ทั้ง ๆ ก็มีการแบ่งแยกทางชาติพันธุ์ และศาสนาอย่างชัดเจน ดังที่ได้ยกตัวอย่างประกอบไปว่า เรียกคำนำหน้าเชื้อชาติอย่าง จีน ก, แขก ข ฯลฯ เป็นต้น จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:01:45

ความคิดเห็นที่ 80 ใครๆก้รู้  แต่ไม่มีใครอยากพูด รัฐทหาร ประเทศไทย ตั้งแต่ 2490- 2516 เกิดเพราะอะไร ทุกอย่างมีวาระแอบแฝงทั้งนั้น เหมือน แคว้นแคชเมียร์ ฮินดู อิสลาม ตีกันจะตาย สื่อออกข่าว ความขัดแย้งศาสนา ผมไปอิินเดียหลายรอบ เพื่อนที่นั่นหุ้นส่วนกัน เค้าบอกว่าการเมืองหนุน หลังเหมือนประเทศ ยุน้านแหละ ปท ไอ  อับดุลคาร์มาล  ยังมุสลิมเลย ไม่เห็นเค้าทะเลาะกัน จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:02:50

ความคิดเห็นที่ 81 # คุณ Ms.Kohlanta (ความเห็นที่ ๗๘ ) ผมไม่ได้ลืมครับ แต่ที่ไม่ตอบเพราะมีเหตุผลว่า ๑. ผมไม่ทราบเรื่องกฎกระทรวงครับ ตอบไปผิดเดี๋ยวจะไปกันใหญ่ ๒. เหมือนข้อแรกครับ ๓. ผมไม่ใช่กรรมการวัดครับ จึงไม่ทราบว่า คณะกรรมการแต่ละวัดที่จัดให้มีงานวัด เขาใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินครับ ตอบแบบนี้ เหมือนหนีปัญหา แต่ก็เพราะผมไม่ทราบจริง ๆ ครับ ตอบผิดไป เรื่องมันจะยิ่งบานปลายครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:06:04

ความคิดเห็นที่ 82 ท่านผ้าพับไว้ ยกนิ้วโป้ให้นะครับเรื่องปว เก่งครับ ที่พระเจ้าแผ่นดินกรุงสยามพระเมตตา ทุกศาสนา แต่เมตตาอิสลามเป้นพิเศษ เพราะว่า ในราชวงศ์ มาตั้วแต่โบราน พุทธ อิสลาม พันกันอีรุงตุงนัง มายัน ร 5 ของเรานี่แหละครับ ผมพูดเสมอว่า พุทธพี่  อิสลามน้องเราอยู่กันอย่างสันติ มาตลอด มีไอ้ตัวบ้า กะการเมือง และนโยบาย ล่าเมืองขึ้น ทั้งทางระบอบและดินแดนนั้นแหละ เลยเป็นปม ฝังในสมองของคนบางกลุ่ม เล่นไม่เลิก จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:08:37

ความคิดเห็นที่ 83 ท่านผ้าพับไว้ ผมขอเสริมนิดนึงของคุณลันตาไง ครับ นี่ละครับ ปัญหามันที่ระบบคิดไง ครับ ระบบคิดคนไทย ตีสองหน้า ลิ้นสองแฉก เป้นเหมือนกันทุกวงการ ทุกวันนี้ผมก็รนณรงค์ ให้คนไทยเลิกคิดแบบนี้ เวลาได้จะเอา เวลาเสียไม่เอา ไม่รู้จะเอาอะไรแน่ๆ เงินอยากได้ แต่พอเค้ามีส่วนร่วม ไม่เอา มีวัดนึงน่ารัก วัดท่าอิฐ กับมูลนิธิท่าอิฐศึกษา เอกชน เป้นโรงเรียน สอนสองอย่าง สอนอิสลามเข้มเลย เวลามีงาน เจ้าอาวาส ท่าน มาร่วมงานเป็นเกียตรในพิธี จานอิสลามขาดยืมวัด วัดมีงาน จานขาดยืมโรงเรียนอิสลาม ที่จอดรถงานวัด งานโรงเรียนใช้ด้วยกัน แบ่งกัน น่ารักจะตาย แต่อีกวัดถัดไป ปรากฎว่าไม่เอาใคร เอากูคนเดียว ทุกวันนี้เลยต้องเดินงุดดด  นะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 13:15:48 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:14:33

ความคิดเห็นที่ 84 ดังนั้น มันก็น่าคิดแล้วหล่ะค่ะ ถ้าไม่ได้มาจากหลักการศาสนา แล้วมันมาจากอะไร??? จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:21:23

ความคิดเห็นที่ 85 ถามคุณผ้าพับไว้ "เงื่อนไขของการเช่าพื้นที่ตอนทำสัญญากับทางวัด  ได้ระบุไว้แล้วว่า  ห้ามนักเรียนแต่งกายที่แสดงสัญญลักษณ์ทางศาสนาที่ขัดแย้งกับศาสนาพุทธ " ..... ดังนั้น จึงอยากทราบว่า ขัดแย้ง ยังไง กับ ศาสนาพุทธ ขัดแย้งกับพระไตรปิฏก หรือว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสห้ามไว้ คือท่านสั่งห้ามไว้ไหมคะ ว่า พุทธศาสนิกชนต้องจะต้องไป "ยึดติด" กับ สัญลักษณ์เครื่องแต่งกายของศาสนิกศาสนอื่น เอ่ หรือว่าอย่างไรคะ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 13:31:39 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:25:31

ความคิดเห็นที่ 86 คำตอบง่ายๆนะลันตา  หลักกู?  เพราะกูไม่ชอบ แค่นี้เองแหละ ปมปัญหา คือเอาความรู้สึก มาปน ใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล สงสัยต้องให้กฤษฎีกาตีความว่า ผ้าอิญาบ คือสัญยลักษณื หรือข้อบัญญัติทางศาสนา ถ้าเป้นสัญลักษณ์ ศาสนา ต่อไปนี้ ใครมาหาเสียงไม่ใช่อิสลาม ซวยไป ละเมิดลิขสิทธ์ อย่างเวบปัญญาอ่อน นั้นไม่รู้จะเล่นเรื่องนี้อย่างไร ดัน เอารูป  ปู กะ มาร์ค ใส่ผ้าคลุมหัว กับหมวกกะปิเยาะ มาเป้นประเด้น ต้องไล่ให้ไปดู กระทูเก่าๆของพี่จิม ว่า พระบรมวงศานุวงศ์  ของไทยเรา ก็ให้เกียตอ กับเครืองแต่งกายแบบนี้ เล่นไม่รู้เรื่อง เจงๆๆๆ  โง่อยากนอนเตียง ถึงบอกว่าจะเอาอะไรเอาสักอย่าง ถ้ายึดระบบก็ไม่มีปัญหา ยึดความรู้สึกปัญหาไม่จบ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 13:40:38 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 13:37:18

ความคิดเห็นที่ 87 # คุณMs.Kohlanta ความเห็นที่ ๘๕ ถ้าถามว่าขัดแย้งไหม ก็ไม่ขัดแย้งครับ เพราะสมัยพุทธกาล นักบวชต่างศาสนามากล่าวตู่พระพุทธองค์ พระองค์ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้บอกว่าห้ามแต่งตัวตามหลักศาสนานั้น ๆ เข้ามาในพระอุโบสถแต่อย่างใด ในความเข้าใจของผมก็เป็นอย่างนี้ครับ ทั้งนี้ ผมคิดว่าขึ้นกับความเชื่อของแต่ละท่านมากกว่า ซึ่งผมคิดว่าทุกศาสนา ต่างก็มีศาสนิกที่เคร่ง และไม่เคร่ง ด้วยกันทั้งนั้น อย่างบางประเทศในตะวันออกกลาง ก็ห้ามชาวต่างชาติ สวมใส่รูปเคารพหรือสัญลักษณ์ทางศาสนาของตน ที่ต่างจากศาสนาของผู้คนในประเทศนั้น ๆ เข้าประเทศ อย่างนี้ก็มี คนที่ผมรู้จักเคยไปทำงานในบางประเทศแถบตะวันออกกลาง ก็เคยเจอกรณีแบบนี้ หรือแม้แต่จะเป็นสตรีต่างชาติ ก็ต้องแต่งตัวตามหลักศาสนานั้น ๆ ก่อนจะเข้าประเทศ หรือก่อนจะเข้าศาสนาสถานนั้น ๆ ก็มีเป็นต้น โดยส่วนตัวผมคิดว่า ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของศาสนิกแต่ละท่านมากกว่าครับ เพราะผมคิดว่าเป็นธรรมดา ที่เจ้าของสถานที่ซึ่งนับถือศาสนาหนึ่ง ย่อมอยากจะให้คนต่างศาสนาที่จะเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือเคารพธรรมเนียมแบบอย่างที่ตนนับถือ เพราะฉะนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกครับ ที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าเราทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้นว่า มาจากอะไร เราก็แก้ที่ปัญหานั้น แก้ที่ตัวเราปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้นครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 14:46:24

ความคิดเห็นที่ 88 ก็เหมือนกับกรณี เราไปโรงพยาบาล ไปเยี่ยมผู้ป่วย ถ้าต้องเข้าห้องปลอดเชื้อ คุณก็จะต้องโดนบังคับเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่โรงพยาบาลอนุญาตให้ใส่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีสิทธิจะเข้าไปเยี่ยมผู้ป่วยได้ ก็ทำนองนี้ล่ะครับ เหมือนสำนวนโบราณที่ว่า  "เข้าเมืองตาหลิ่ว ก็ต้องหลิ่วตาตาม" ทีนี้ ถ้าบางศาสนามีความเข้มงวดมาก จนอาจจะทำให้เกิดปัญหากระทบกับศาสนิกของศาสนาอื่น ถ้าเรารู้ปัญหาแบบนี้แล้ว ส่วนตัวผมก็ไม่พยายามไปยุ่งเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ เมื่อไม่ไปยุ่ง การกระทบกระทั่งมันก็ไม่เกิด เมื่อไม่เกิดการกระทบกระทั่ง ก็ไม่ต้องทะเลาะกัน จิตก็ไม่เศร้าหมอง นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมคิดว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุดครับ หรือถ้าเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ จำเป็นต้องไปจริง ๆ อย่างเช่นกรณี คนที่ผมรู้จักไปทำงานในบางประเทศแถบตะวันออกกลาง เราก็ไม่ไปทำอะไรที่มันผิดกฎเขา แค่นี้ปัญหามันก็ไม่เกิดครับ ซึ่งผมคิดว่า ทุก ๆ ท่านสามารถนำไปปรับใช้ได้กับในทุก ๆ สถานการณ์ครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 14:53:48 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 14:51:29

ความคิดเห็นที่ 89 คำตอบคุณผ้าพับไว้ดูจะง่ายไปหน่อยกระมัง เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนี่มันใช้ได้กับสถานการณ์นี้หรือคะ ขอสมมตินะ ว่าท่านมีน้องสาวที่เดินไปในเขตที่ดินผู้อื่น จู่ๆ มียามรักษาความปลอดภัยมากระชากเสื้อนอกออก แล้วบอกว่า เธอกำลังทำผิดกฎ ! คุณผ้าพับไว้จะบอกให้น้องสาวตัวเองถอดเสื้อออกรึเปล่าคะ ? ก็กฎบนที่ดินของเขา เราต้องทำตาม เราต้องปรับใช้ ไม่ต้องดูตาม้าตาเรืออะไรเลยว่ารัฐธรรมนูญขียนไว้ว่าอะไร ที่ของใคร คนนั้นตั้งกฎ กฎจะขัดต่อกฎหมายก็ไม่เป็นไร? ย้ำมาหลายรอบ หลายคน ว่า หิญาบน่ะ เหมือนเสื้อผ้าที่พวกคุณใส่ จะถอดออกไม่ได้ มันเป็นกฎพื้นฐาน ที่ไม่ได้ขัดต่อกฎหมายของราชอาณาจักรไทย ตัวอย่างการเข้าเมืองตาหลิ่วของท่านที่ว่า ถ้ามันเป็นกฎหมายประเทศ เราจะเข้าไปนี่ก็ต้องตามกฎหมายบ้านเมืองเขาอยู่แล้ว อย่า งเช่นถ้าหากการตัดต้นไม้ในประเทศเราไม่ผิดกฎหมาย ครั้นเราย้ายไปประเทศอื่นที่มีกฎหมายห้ามตัดต้นไม้ เราเลยไม่ตัด แบบนี้ควรเรียกว่า เคารพกฎหมาย มากกว่าคำว่า เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนะคะ   ข้อสำคัญที่สุด ขอใช้ตรรกะเดียวกับคุณแล้วกันค่ะ ว่าทางมหาเถระสมาคมนี่ใช่คนไทยรึเปล่าคะ อยู่บนแผ่นดินไทยรึเปล่า ถ้าอยู่ ถ้าเป็น ทำไมไม่เคารพกฎหมายไทยล่ะคะ ทำไมทำตัวเป็นมาเฟีย ทำไมทำตัวเหมือนอยู่เหนือกฎหมาย คนอื่นเขาก็หลิ่วตากันหมด เพราะอยู่ในเมืองตาหลิ่ว ทำไมมหาเถระสมาคมกับผู้เกี่ยวข้องถึงไม่หลิ่วตาตามบ้าง ? หรือกฎหมายยกเว้นบุคคลเหล่านี้ไม่ต้องเคารพกฎหมาย ? ก็ตามที่ท่านบอกล่ะค่ะ กรณีหิญาบ น้องเขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร เขาก็ทำเท่าที่กฎหมายอนุญาต แต่ทำไมมีกลุ่มบุคคลมาไม่พอใจเขาได้ล่ะคะ ท่านบอกว่าอยู่เงียบๆไม่ทำผิดก็จะไม่เกิดปัญหา กลายเป็นว่า ปัญหามันเกิด แบบนี้ วิธีแก้ไขทีท่านกล่าวมา มันใข้ได้จริงๆน่ะหรือคะ จากคุณ : ก้อนหินแห่งศรัทธา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:23:37

ความคิดเห็นที่ 90 # คุณก้อนหินฯ ผมถึงได้เห็นด้วยกับคุณพี่จิมฯ อย่างไรล่ะครับ เพราะคุณพี่จิมฯ ท่านก็บอกว่า ทางศาสนาของท่านมีทางออกเสมอ ขอให้เกิดความ "ชัดเจน" เท่านั้นเองว่าต้องทำอย่างไร ปัญหาคือ ยังไม่มีความชัดเจนทางกฎหมายว่าจะต้องทำอย่างไร ตรงนี้ต่างหากล่ะครับ คือปัญหา จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:34:07

ความคิดเห็นที่ 91 ส่วนที่ถามผมมาว่า วิธีการแก้ปัญหาของผมแก้ได้จริงหรือ ........ถ้าเอาคำตอบส่วนตัวผม แก้ได้ครับ............. ๑. ก็ไปหาโรงเรียนใหม่ ที่ไม่มีปัญหาเรื่องการแต่งกายเสีย ๒. ไม่ก็ต่อสู้ต่อไป แต่ก็จะมีัปัญหากระทบกระทั่งกันทางจิตใจ เหมือนอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ท่านใดจะเลือกวิธีแบบไหน ตรงนี้ก็เป็นสิทธิของแต่ละท่าน ขึ้นอยู่กับมุมมองและปัจจัยหลาย ๆ ด้านที่จะนำมาตัดสินใจครับ ผลดีและผลเสียของแต่ละอย่างก็มีแตกต่างกันไป อย่างที่ได้นำเสนอให้ทราบไปในหลาย ๆ ความเห็นส่วนตัวของผมนั่นเองครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 16:47:58

ความคิดเห็นที่ 92 เอาเป็นว่าดิฉันเข้าใจ ความคิดเห็นส่วนตัวของคุณค่ะ แต่เรื่องวิธีที่จะเลือกใช้ อาจไม่ใช่วิธีที่จะอ่อนข้อ ยอมน้อมตาม ในเมื่อมันเป็นสิทธิที่พึงมี ส่วนเรื่องกระทบกระทั่งทางจิตใจ ไม่มีเรื่องนี้ ก็มีเรื่องอื่นอยู่ดี หลายๆเรื่องก็ยังสร้างความแตกแยกจนทุกวัน นี้ เข้าใจว่ารอยแตกร้าว มันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้วเช่นกัน จากคุณ : ก้อนหินแห่งศรัทธา เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 17:11:53

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณท่านผ้าพับไว้ที่กรุณากล่าวถึง ใช่ครับต้องมีความ "ชัดเจน" แต่ตอนนี้ยัง  "ไม่ชัดเจน"ก็ต้องซัดกันไป จนกว่ามีใครบางคนมาทำให้ **ชัด**กันไปข้างนึงนะครับ ทะนี้จะได้เป็นบรรทัดฐานว่าโรงเรียนวิถี จะใช้กฎแบบไหน ****จบประเด้นนี้ไปได้ แต่จะมีประเด้นใหม่ตามขึ้นมา ***** อันนี้ต้องไปตามแก้ เหมือนลิงแก้แห กันต่อไป เพราะการสร้างบรรทัดฐานด้วย อัตตา มันก็เป็นอบ่างนี้ละครับ ผมถึงบอกน้องๆทุกคนเสมอมา ว่าอย่าแตะเรื่องศาสนา มันเป็นเรื่องละเเอียดอ่อน ครานี้ก็จะมีปัญหาตามมา โรงเรียนวิถีแต่ละศาสนา ถ้าอยากมั่ง คงลุกขึ้นมาเรียกร้องกันหมดสนุกไปเลยครับ  ความแตกต่างบนความไม่แตกต่างแล้วมันก็จะแตกต่างในที่สุด พอดีท่านผ้าพับไว้กรุณเล่าเรื่องกฎหมาย ตะวันออกกลาง ถูกต้องเปะเลย แต่ผมจะขอต่อยอดนอกจากเรื่องศาสนานั่นคือ ความปลอดภัย ของ หญิง ต่างศาสนิกเองละครับ ไม่ใช่เรื่องอื่น หญิงทั้งหมดของประเทศนี้คลุมศรีษะ ปกปิดทรงผม ปรากฎว่า หญิง ไม่กี่คนต่างแดนไป   ผู้ชายเห็นน้ำลายสอเชียวละ  ของไม่เคยเห็นและอยากเห็น แต่ไม่ให้เห็น มันเป็นแรงขับอย่างแรง มาเจอเปิดปุ้บ อะจึ๋ยเลยละ เคยได้ยินประโยคที่ว่า "เห็นควายก็สวย"  ไหมละครับ  ทหารอยู่ในป่านานๆ ออกมาทีเจอควาย  ควายเสร็จโก๋ ผมเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้  ปี 2530-32  ผมทำงานให้โครงการในอีสานเรื่องความมั่นคง  ในจังหวัดสุรินทร์ ผมได้พากลุ่มผู้นำชาวบ้านแถบชายแดนไทย กัมพูชา แถม อำเภอสังขละ อำเภอประโคนชัย อำเภอบ้านกรวด  สมัยก่อนอำเภอเหล่านี้กันดารมาก บ้านป่าเมืองเถือน ประมาณนั้น  มาเลี้ยงรับรอง ที่ อะโกโก้ สถานบันเทิง สุรินทร์ เวลาเราไปสถานบันเทิงเหล่านี้ เราก็นั่งตามบาร์น้ำดูห่างๆ  แต่ เพื่อนๆชาวบ้านเหล่านั้น ไปนั่งขอบเวที ล้อมรอบ  มองอ้าปากค้าง ปิดจังหวะน้ำลายยืด เป็นปลากระป่องปุ้มปุ้ย เชว มองแบบเอกเซเรย์ เอิ้กๆๆ  ถ้ากลืนน้องอะโกดก้ ตอนนั้นได้คงกลืนไปแล้วละ เค้าไม่เคยเห็น ผมนะ นำพวกเค้าเสียแก่ กันเป็นแถวๆๆนรก กินกบาลเลยละ ตัวเราเองพอดินห้างเจอสั้นๆยังอดหวั่นไหวไม่ได้  ใช่ไหมครับ ขนาดเห็นเป็นประจำ เพราะฉะนั้นด้วยเหตุผลความปลอดภัย ที่นอกเหนือจากกฎหมายประเทศนะครับ ขอบคุณครับที่มา เบรนด์สตอร์มกัน พี่จิม ปล  คติเตือนใจ" แผลที่มันตกสะเก็ด อย่าซนไปแคะมัน แผลจะแหกและติดเชื้อจากเล้บได้" เรื่องโรงเรียนมัธยมวัดหนองจอก คนไทยเราทุกศาสนา โดยเฉพาะ พี่พุทธ ของเรา อยู่กับน้องอิสลาม มาตั้งแต่สร้างประเทศไทย ช่วยกันรักษาแผลมาจนดีขึ้นตามลำดับ พอมาถึง เรื่องนี้เมือปีที่แล้ว ดันมีมือซนขอองพี่พุทธ บางคน มาแคะสะเก็ดสะงั้นแระ แผลมันเลยแหก ดีไม่ดีพาลติดเชื้อซวยเลย แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 17:35:11 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 17:30:33 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 55 17:23:29 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 17:18:08

ความคิดเห็นที่ 94 อยากฟังเรื่องพัฒนาการอิสลาม ในประเทศไทยไหมจะเล่าให้ฟัง ในส่วนที่รวบรวมได้จากตนเอง สัมผัสมา ทั่วไทย กับคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายจะเล่าให้ฟัง ว่าพัฒนาขึ้น  หรือ ลง จะได้เลิกระแวงกัน ถ้าอยากฟังจะเล่าให้ฟัง ผมเป็นครร่วมสมัย มีการผสมปนเปกัน ระหว่างพุทธ กับมุสลิม จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 17:51:33

ความคิดเห็นที่ 95 จริงๆ แล้ว เด็กมุสลิม เข้าไปเรียนในโรงเรียนที่เขียนว่า "วิถีพุทธ" น่าจะผิดหลักศาสนาตั้งแต่แรกนะ การเข้าไปในโรงเรียนวัดหนองจอก จริงๆ แล้วก็ไม่น่าถูกหลักศาสนาอิสลาม เพราะที่จริงก็คือเข้าไปในที่ของศาสนสถานอื่นๆ และซึ่งในที่นั้นมีรูปเคารพ และนักบวช ไม่ใช่หรือ? และวิชาที่เรียน คือที่มีข้อมูลเกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ วิชาสังคม วิชาประวัติศาสตร์ ก็น่าจะผิดหลักศาสนาไปทั้งหมด ดังนั้น ถ้าถูกต้องคือ เด็กควรต้องไปเรียนในที่ที่เหมาะสมกับตัวเอง ย้ายไปโรงเรียนศาสนา หรืออาจไปเรียนประเทศอื่นๆก็ได้ ซึ่งจะไม่สร้างปัญหาหนักใจให้รัฐบาล และคนท้องที่ แค่เด็กผู้หญิงไม่กี่คน คุณเสียสละช่วยเหลือแบบที่ให้จบปัญหาไม่ได้ มีแต่จะสร้างเรื่องให้เป็นปัญหาสังคมขึ้นมา บ้านเมืองเราตอนนี้ ปัญหาอื่นๆ ยังไม่มากพออย่างนั้นหรือ ผมจึงเห็นว่า กรณีนี้ ยิ่งมีมุสลิมประท้วง ฝ่ายมุสลิมเองจะยิ่งเสียเปรียบ เพราะไม่มีทางจะอ้างรัฐธรรมนูญหรือกฎกระทรวงศึกษาฯ ไปบีบบังคับในพื้นที่ธรณีสงฆ์ได้หรอก ต่อให้ขึ้นศาล เป็นคดีความ และถ้ามติสงฆ์จะยกเลิกสัญาเช่าที่ดินเสียก้มีสิทธิ์ทำได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมายเสียด้วย แล้วถ้าเกิดปัญหาเด็กไม่มีเรียนกันทั้งโรงเรียน ใครจะรับผิดชอบ แล้วถ้าปัญหาบานปลาย แล้วเกิดว่ามติสงฆ์ทั้งประเทศ จะออกกฏห้ามคลุมฮิญาบมาเรียน ในโรงเรียนที่เช่าพื้นที่ธรณีสงฆ์ทั้งประเทศ ใครจะรับผิดชอบหาที่เรียนของเด็กๆ และต่อจากนี้ เด็กๆ มุสลิมเอง จะเดือดร้อนเรื่องที่เรียนอีกมาก ปัญหาจะย้อนกลับเข้าหาเด็กๆ ทีหลัง  กลุ่มที่ออกมาประท้วงก็รับผิดชอบอะไรไม่ได้แน่นอน มีแต่เด็ก ที่จะได้รับรับกรรมที่ผู้ใหญ่ไม่กี่คนก่อปัญหาขึ้น ลองนึกถึงสายตาของผู้บริหารโรงเรียนทั่วไป(ที่ไม่ใช่โรงเรียนสอนศาสนา) อีกหน่อยจะหาโรงเรียนไหนที่อยากรับเด็กหญิงมุสลิมเข้าเรียนละ ลองนึกว่าวันนึง โรงเรียนจะต้องวุ่นวายถูกประท้วงหน้าโรงเรียนอีกไม่รู้เมื่อไหร่ ความปลอดภัยใครรับผิดชอบ? จะมีใครอยากเสี่ยงรับเด็กมุสลิมเข้ามาเรียนละ เป็นใครก็ไม่มีใครอยากเสี่ยงรับ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 21:38:37

ความคิดเห็นที่ 96 ^ อ่าน ความเห็นของคุณ ซามูไรหมูตอนแล้วค่อนข้างปลง T_T คุณไม่รู้หรือจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้ การเข้าไปในโรงเรียนวัดหนองจอก มันไม่ถูกหลักศาสนาอิสลามตรงใหนหรือค่ะ เฮ้อออ เด็กเค้าเข้าไปเรียนหนังสือ ไม่ได้เข้าไปไหว้พระพุทธรูป มุสลิมสามารถเข้าไปในศาสนสถานอื่นๆได้ค่ะ เข้าวัดได้ เข้าโบสถ์ได้ แต่กราบไหว้ต่อสิ่งใดๆ ในนั้น ไม่ได้เท่านั้นเองค่ะ เฮ้ออออ ครั้งที่สอง และอิสลามก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ศึกษา หาความรู้ในวิชาเรียน  ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับศาสนาอื่นๆ ด้วยค่ะ มีที่ใหน มุสลิม ห้ามไม่ให้ เรียนวิชาสังคม วิชาประวัติศาสตร์ มันผิดหลักศาสนาตรงใหน ไม่ทราบบบ  เฮ้อออ ครั้งสาม ดังนั้นเด็กนักเรียนไม่ต้องย้ายไปในที่ ที่เฉพาะ ทีเป็น รร. แบบอิสลามค่ะ รร.ที่ขึ้นชื่อนำหน้าด้วย คำว่า วัด มีเด้กมุสลิมเรียนเยอะแยะค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ มีที่ รร. มัธยมวัดหนองจอกนี่แหล่ะค่ะ ที่เป็นปัญหา ดิฉันก็มองค่ะว่า ตอนนี้ปัญหาของบ้านเมืองเรามันมีไม่พออีกหรือ แค่คุณใจกว้าง ไม่กีดกัน คนไทยด้วยกัน แต่แค่นับถือศาสนา ต่างกัน ได้เข้าไปเรียนด้วยการขอแค่ได้ใส่ ฮิญาบ มันจะไม่ได้เชียวหรือ ระเบียบการแต่งกายก็ถูกต้องตามกฏกระทรวง แต่แค่ไม่ถูกใจคนในวัด คุณจะเสียสละช่วยเหลือแบบที่ให้จบปัญหา โดยการให้เด็กตาดำๆ ซึ่งก็พี่น้องคนไทยด้วยกันนี่แหล่ะค่ะ ให้ได้เข้าเรียน ให้ได้จบการศึกษา ทำไมคุณมีแต่จะสร้างเรื่อง สร้างกฏให้เป็นปัญหาสังคมขึ้นมา ปัญหาอื่นๆ ยังไม่มากพออย่างนั้นหรือ เฮ้ออออ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 22:51:34

ความคิดเห็นที่ 97 มุมมองของคนไทยอีกด้านหนึ่ง ต่อกรณี ฮีญาบ ร.ร.มัธยมวัดหนองจอก ฟังนาทีที่ 5.30เป็นต้นไป ค่ะ จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 22:56:15

ความคิดเห็นที่ 98 ไม่ขอพูดถึงประเด็นอื่น แต่จะขอถามด้านกฎหมายหน่อยค่ะ ห้องเฉลิมไทยเขาก็มีปัญหาเรื่องโรงหนังขายป๊อบคอร์นแพงหูฉี่ และห้ามเอาอาหารจากข้างนอกเข้าไปเลย ยกเว้นที่เขาขายเอง ซึ่งนักดูหนังทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเป็นที่ของเขา เขาตั้งกฎอะไรก็ได้ ตามกฎหมาย ทีนี้ ถ้าสมมุติว่ามีเทคโนโลยีซ่อนกล้องไว้ใต้ผ้าคลุมผมเนี่ย แล้วเขาห้ามใส่ผ้าคลุมเข้าดูหนัง จะผิดกฎหมายไหมคะ หรือไม่ต้องมีเหตุผลอะไรก็ได้ อยู่ๆเขาห้ามขึ้นมาจะผิดกฎหมายหรือเปล่าคะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 23:14:58

ความคิดเห็นที่ 99 นึกเล่นๆว่า ถ้าตามกฎหมายโรงหนังไม่สามารถห้ามการใส่ผ้าคลุมเข้าดูเพื่อซ่อนกล้องได้ น่าให้แฟนหนังทั้งหลายที่เรียกร้องกันอยู่เนี่ย ตั้งศาสนาใหม่ ให้มีกฎให้สาวกต้องซื้อป๊อบคอร์นราคาไม่เกิน 30 บาทเข้าโรงหนังทุกครั้งไป นึกเล่นขำๆน่ะค่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 23:21:04

ความคิดเห็นที่ 100 การจะใจกว้าง ต้องเห็นแก่ประโยชน์เด็กคนอื่นๆ แทบทั้งโรงเรียน ที่จำเป็นจะต้องได้เรียนหนังสือ เพราะถ้าเรื่องนี้บานปลาย จะเดือดร้อนถึงเด็กกลุ่มใหญ่อีกมาก ที่ต้องวุ่นวายหาที่เรียน   ซึ่งนั่นคือก็เด็กมุสลิมเองนะครับ และเด็กที่เคร่งศาสนา ก็สมควรจะได้เรียนในที่ที่เหมาะกับเขา   เมืองไทยมีโรงเรียนที่เปิดโอกาสให้เด็กเคร่งศาสนาอยู่แล้ว ประเทศนี้ให้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ใครอยากจะปฏิบัิติเคร่งครัดศาสนาก็เป็นสิทธิส่วนตัว ส่วนใครอยากใช้ชีวิตสบายๆ ก็เป็นสิทธิส่วนตัวเช่นกัน แต่ต้องอยู่ในพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ไม่ใช่ไปดึงดันฝ่าฝืนในพื้นที่ที่เขามีกฎอื่นรองรับ ระเบียบของมติสงฆ์ในพื้นที่ธรณีสงฆ์ และกฎของโรงเรียน ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายเช่นกัน ซึ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ารัฐธรรมนูญ หรือกฎกระทรวงศึกษาฯ มีสุภาษิตโบราณสอนไว้ว่า บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎหมาย ดังนั้น กฎบางอย่างใช้เฉพาะบางสถานที่ ส่วนกฎหมายใช้ทั้งประเทศ แต่ก็อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน โรงเรียนจึงมีสิทธิออกกฎของโรงเรียน และมติสงฆ์จึงมีสิทธิในพื้นที่ธรณีสงฆ์ ดูๆแล้ว เรื่องนี้กลุ่มที่ประท้วงๆ แค่ใช้เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆเป็นเครื่องมือ-ตัวประกัน ถ้าจะทำเพื่อหาผลประโยชน์อะไรบางอย่างก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะเท่าที่ดูข่าวผ่านๆ เห็นมีรับบริจาคอยู่ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 23:54:57

ความคิดเห็นที่ 101 ทั้งแมวทั้งหมูนี่แกล้งโง่กันป่ะ พูดกันหลายรอบแล้ว ถ้าโรงเรียนแห่งนี้เป็นเอกชน ไม่มีใครเค้าไปประท้วงหรอก ออกกฏได้ตามใจเลยเหมือนที่โรงหนังเค้าขายป๊อบคอร์นที่โรงแพงหรือห้ามเอาของไปกินได้เลย แต่นี่มันโรงเรียนรัฐ เข้าใจคำว่าโรงเรียนรัฐไหม เพราะฉนั้นในกรณีนี้จึงยกมาเปรียบเทียบไม่ได้ แล้วการที่เด็กมุสลิมเค้าคลุมผมเนี่ย  มันไม่ได้ทำให้ศาสนาของคุณต่ำลงสักนิด ผมก็จบโรงเรียนวัด อยู่ในรั้ววัดธรณีสงฆ์  ไม่เห็นจะมีปัญหาเห็นมีแต่ที่นี้แหละ   แล้วอย่ามาพูดน่ะว่าการคลุมผมคือการไม่ให้เกียรติ แยกแยะออกไหมว่า แต่งตัวแบบไหนให้เกียรติไม่ให้เกียรติ และการที่เรียน วิชาสังคม ศาสนา ประวัติศาสตร์ ไม่ได้ผิดหลักการศาสนาอิสลาม ผมก็ศึกษาเรื่องต่างศาสนาอยู่พอสมควร อิสลามสอนให้ศึกษาแสวงหาความรู้ตั้งแต่ อยู่ในเปลจนถึงหลุมฝังศพ เข้า  ใจ  ซะ  ใหม่ จากคุณ : SalaDin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 01:45:30

ความคิดเห็นที่ 102 คห บนกำลังบอกว่า ตกลงเถรสมาคมก็มีสิทธิ์บนแผ่นดินสงฆ์เต็มที่สินะ เค้าออกมติแบบนี้ก็ถูกต้องตามสิทธิ์แล้ว โอเคเข้าใจล่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 01:57:27

ความคิดเห็นที่ 103 ผมขอยกตัวอย่างนะครับ มีมูลนิธิแห่งนึง เป็นมูลนิธินี้ช่วยเด็กกำพร้า สมาชิกในกลุ่มมีทั้งพุทธ  คริสต์ อิสลาม แต่ส่วนใหญ่สมาชิกจะเป้นมุสลิม เดินสายทั่วประเทศช่วยเด็กกำพร้าด้อยโอกาส ไม่แบ่งศาสนาใด เวลาเดินสายบางครากินนอน อาศัยละหมาดในวัดก็มี ตอนเรียนหนังสือ ก็ไปกับเพื่อนๆออกค่ายอาสา ไปรถฉิงฉับกัน ถึงเวลาละหมาดเวลานอน อาศัยวัดนอน อาศัยวัดละหมาด โดยมีองค์พระประธานเบื้องหน้า เสียด้วยซ้ำ ผมเคยถามผู้รู้ว่าได้ไหม เพราะผมละหมาดจิตของผมนั่นมุ่งตรงต่อพระเจ้า และการปูผ้าละหมาดของผมนั้น มี หมวกบ้าง กระเป๋าบ้างมาวางข้างหน้าเพื่อบ่งบอกอนาเขตพื้นที่ละหมาดของผม ผู้รู้บอกว่าได้ไม่ผิด  แต่ที่จะผิดคือไม่ละหมาดต่างหาก ผมเกิดมาท่านมกลาง สังคม และบรรพบุรุษที่ผสมกันอีรุงตุงนัง พุทธ กับมุสลิม ผมถามปู่ย่าตายาย ว่าคนสมัยนั้น สมัยก่อนเค้าไม่มีโรงเรียนเค้าเรียนกันที่ไหน อาจารย์ก็ไม่มี แล้วจะเรียนได้อย่างไร ก็เรียนในวัดสิ อาจารย์ก็พระนี่แหละ ผมถามต่อมาว่า เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยสมัยก่อน ไม่มีหมอ โรงพยาบาล ก็ไม่มี แล้วไปที่ไหน   ตอบมาว่า ก็ไปวัดสิ พระท่านมีสมุนไพรดีๆเยอะ ตอนปี 2537  ผมมีโอกาสได้ไปปลูกบ้านย่านบางบัวทอง ส่วนที่ลึกที่สุดว่างั้นเถอะ ติดกับปทุมธานี ถนนสายสุพรรณ แค่ไปเลนมาเลน บ้านผมมีรถปิคอัพเพียงบ้านเดียวในย่านนั้น มีชาวนามุสลิม ถูกงูเห่ากัด ผมถามว่าไปส่งไหนดีละ กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลตั้งไกล จะไปทันไหม ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าไปวัดศรีเขตฯเลย คนแถวนี้โบร่าโบราน เค้าก็ไปที่วัดนี้นั้นแหละ ผมพาไปวัดทันที พระท่านลงมา เคี้ยวยาสมุนไพรอะไรก็ไม่รู้ แล้วเอาแปะไว้ สักพัก อาการผู้ป่วยดีขึ้น จนหายดีในเวลาต่อมา เห็นไหมละครับ การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน เค้าไม่จำเป้นต้องเลือกสถานที่ เลือกศาสนา มุสลิม แถวนั้นก็เดินคลุม อิญาบ ใส่หมวกกะปิเยาะกัน เดินเข้าวัดกันมาเป้นร้อยปี ไม่มีปัญหาอะไร พระท่านเวลา ออกบิณฯ ตอนเช้าเดินผ่านที่ดินมุสลิมเพื่อข้ามไปชุมชนพุทธ ก็เดินไปไม่มีใครออกมาห้ามอะไร บางคราพระรูปไหนที่คุ้นเคยกันดีกับมุสลิมย่านนั้นก็กล่าวทักทาย สวัสดีครับท่าน สวัสดีครับหลวงพี่ ไปดูวัดน้ำวน ที่ปทุมธานีริมน้ำก็ได้ รักษากระดูกหัก ไปดูสิมีมุสลิมไปรักษาไหม รัเกียจเดียดฉันท์ที่จะรักษามุสลิมหรือเปล่า ไม่มีเลย ผมเองก็กระดุกหักที่ข้อมือ ได้ พระอาจารย์ที่นี่แหละกรุณารักษาให้ ตอนเด้กทุกปิดเทอม ไปเรียนศาสนาอิสลามที่โรงเรียนท่าอิฐศึกษา หรือปอเนาะท่าอิฐ ที่พักอาศัย ไปโรงเรียน ต้องเดินผ่าน วัดท่าอิฐ เด็กอิสลามก็เดินใส่หมวก เด็กหญิง ใส่กระโปรงยาวสีแดง เสื้อขาวอิญาบขาว เดินผ่านที่ดินวัด เพื่อไปโรงเรียนปอเนาะ ก็ไม่เห็นเป็นอะไร เพราะฉะนั้นประเด้นนี้ มันไม่ใช่ประเด้นอะไร นอกจากคนจะจงใจหยิบยกให้มันมาเป้นประเด้นทางสังคมเพื่อมุ่งหวังอะไรผมก็ไม่ทราบได้ แต่ที่รู้แน่ๆ พี่น้องพุทธ และมุสลิม กลายเป็นตัวประกันของคนกลุ่มนี้ทันทีครับ พี่จิม แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 09:32:15 แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 09:27:07 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 09:19:47

ความคิดเห็นที่ 104 คห. 103  แต่ก่อนเป็นอย่างนั้นน่ะใช่ คนรุ่นปู่ย่าตาทวด เป็นคนโอบอ้อมอารีแบบนั้น ยุคนั้นไม่มีพวกสุดโต่งทางศาสนามาคอยปลุกระดมให้่วุ่นวายอย่างทุกวันนี้ โดยพื้นฐานชาวพุทธเองโอบอ้อมอารีกับทุกๆ ศาสนา ประเทศไทยเอง ก็นับว่าเสรีมากในระดัีบหนึ่ง ซึ่งในระดับชาวบ้าน ก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่เกิดปัญหา ครั้งหนึ่ง มีผู้นำประเทศเป็นมุสลิม ที่ไม่ยอมอนุมัติแก้ไขข้อความในรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยศาสนาประจำชาติ ปัญหาจึงได้สุมอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ แต่กรณีนี้ เท่าที่เห็น เป็นการพยายามกดดันกระทรวงศึกษาฯ กดดันโรงเรียน   มีการด่ากันเสียๆ หายๆ ว่า อคติ ใจแคบ และอีกมากมาย ที่ออกข่าวสาธารณะน่ะไม่เท่าไหร่ ลองไปดูในเฟสบุ๊คสิ จะเห็นได้ชัดเลย รุ่นปู่ย่าตาทวดนั้น เขาพึ่งพากันดีๆ มีอะไรก็ถนอมน้ำใจกัน ถึงอยู่กันมาได้อย่างสงบสุข เอื้ออาศัยกัน แต่ต้องมาดูพวกที่ประท้วงยุคหลังนี่ละ มีความประพฤติอย่างไรบ้าง?   พวกนี้เรียนมาจากที่ไหน? เลียนแบบพฤติกรรมมาจากที่ใด? กลุ่มแกนนำพวกนี้มีประวัติเคยทำอะไรดีๆ ให้กับประเทศไทยบ้าง? พวกนี้ ได้รับบริจาคจากชาวบ้านมุสลิมไปเท่าไหร่? จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:02:24

ความคิดเห็นที่ 105 โรงเรียนเป็นของรัฐ จริงอยู่ แต่หน่วยงานของรัฐ เพียงเช่าที่ ธรณีสงฆ์   พื้นที่ จึงยังเป็นธรณีสงฆ์ ธรณีสงฆ์ ต้องถูกดูแลโดย มติสงฆ์เป็นหลัก โรงเรียน ถูกดูแลโดย ผู้บริหาร ผู้บริหาร จัดการศึกษาตาม มาตราฐานกระทรวงศึกษาฯ ดังนั้น ระดับการจัดการคือ เจ้าของพื้นที่ ต้องเป็นหลัก มติสงฆ์สามารถเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาเช่าได้ เปลี่ยนแปลงผู้เช่าได้ มีสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้น การจัดการพื้นที่ จึงต้องเรียงตามลำดับความสำคัญ คือ 1. มติสงฆ์ 2. ระเบียบบริหารโรงเรียน 3. มาตราฐานกระทรวงศึกษาธิการ   ถ้าว่ากันด้วยกฎหมาย ก็ต้องอธิบายแบบนี้ จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:25:17

ความคิดเห็นที่ 106 คคห.97 ยัยหน้าเป็นยักษ์ กับ ตุ๊ดจิตกร ด่าทุกอย่างหน้า ASTV ทุกวัน ทุกเช้า ไม่ใช่หรือครับ คงจะน่าเชื่อถือ ยัยนี่ร้ายมาก พอกับตุ๊ด จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:52:57

ความคิดเห็นที่ 107 โรงเรียนวัดทุก ๆ แห่ง จะต้องมีพระสงฆ์เป็น ผอ.เป็นครูใหญ่ จึงจะถูกต้องครับ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 11:56:18