Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
*************** พระซน 11 ***************** ติดต่อทีมงาน

พระซน 11 วัดสังฆทาน

พระซนเดินตกหลุมที่หมาขุดไว้ ช่วงพลบค่ำ....
ท่านหันมามองรอบๆ แสงสลัว และครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่สวนเก่า
จริงๆ พระซนเห็นตั้งแต่บ่ายแล้ว ...ไอ้ตูบมันขุดหลุมเล่น ขณะที่พระซนเดินจงกรมอยู่.... แต่ก็ไม่วายเดินตกหลุมจนได้
พระซน ก็เป็นพระซุ่ม(ซ่าม) เพราะซ่า เดินไปศาลา ไม่ฉายไฟฉาย

วัดสังฆทาน ...พระซนได้รับข้อมูลมาจากหลวงพี่ตู่ (เพราะสมัยนั้นไม่มี Google )
ว่าเป็นวัดที่มีระเบียบเดียวกับวัดป่า...ตื่นทำวัตรตี 4 /ฉันมื้อเดียว /ห้ามคลุกคีกัน /ปฏิบัติกันทั้งวัน
ศรัทธาของพระซน ขณะนี้ มั่นคงและแนบแน่นถึงจิตวิญญาณ
ลำบากแค่ไหน ก็จะไป ...เพื่อเสาะหาธรรมะของพระพุทธองค์
ลองมาอยู่ที่นี่ดูซิ ยากใช่ไม๊ เอ้า ตายเป็นตาย... (แต่จริงๆ ลึกๆ ยังกลัวตายอยู่มากนะครับ)

วันแรกที่พระซนมาถึงวัดสังฆทาน พร้อมกับข้าวของพะลุงพะลัง
หลังจากกราบขออนุญาตจากเจ้าอาวาส ...หลวงพ่อสนอง
ก็หิ้วข้าวของพะลุงพะลังนั้น เดินตามหลวงพี่(อาจารย์) ไปเข้าที่พัก
มือนึงถือพัดลม อีกมือก็ถือกระติกน้ำร้อนอันเขื่อง สะพายย่ามใส่จีวร บาตร และสัมภาระอื่นๆ อีก 2 ย่าม
พอจะนึกออกไม๊ครับ...พระที่เคยอยู่วัดบ้าน แล้วมาอยู่วัดป่า วัดที่ไม่มีอะไรอำนวยความสบายเลย
ตุเลงๆ ตามพระอาจารย์ที่นำทาง ท่านก็ถืออุเบกขามาก ไม่พูดอะไรซ้ากคำ ปล่อยให้ถือไปอย่างงั้น

พอถึงห้องพัก ชั้นสองของศาลาใหญ่ แบ่งเป็นห้องเล็กๆ เรียงกัน กว้างประมาณ 3x3 เมตร
ไม่มีปลั๊กไฟ !! ... จะพูดให้ถูก ไม่มีอะรเลย แค่หมอนกะผ้าห่ม และราวตากผ้า นอกนั้น...ว่าง
ป้าดดดด แล้วไมให้เราถือพัดลม กระติกน้ำร้อนมาเนี้ยะ ไมไม่บอกกันซ้ากคำ จะได้ไม่ต้องหิ้วมา
โยมแม่ที่มาส่ง ก็กลับไปแล้ว ...สรุป พระซนนอนดูพัดลม กระติกน้ำร้อน ไปสองอาทิตย์
กว่าโยมแม่จะมาเยี่ยมอีกที จึงได้หิ้วไปส่งกลับด้วยความอายในสายตาพระที่นั่น ขณะหิ้วผ่านวัด...

ที่นี่เป็นสวน ไม่ร้อนครับ ไม่มีพัดลมก็นอนได้ (20 ปีก่อนนะครับ...เดี๋ยวนี้ไม่ทราบแล้ว)
บรรยากาศดี๊ดี ลมเย็นทั้งวัน ต้นไม้พัดหวิวๆ มีร่องน้ำแบบสวน ระบายอากาศร้อน น่านอนเป็นอย่างยิ่ง..
แต่ไม่ได้ !! ต้องปฏิบัติ...ห้ามนอนกลางวัน พระซนตั้งปณิธาน

ที่นี่เคร่งวินัยมาก ไม่ให้พระมีเงินติดตัวครับ ไม่ให้จับสตางค์เลย พระทุกองค์ที่เข้ามาอยู่ต้อง "สละ"
พระซนก็สละตามระเบียบครับ..แต่ แอบเก็บไว้ 2 บาท (ความลับถูกเปิดเผย) ..เอาไว้โทรศัพท์น่ะครับ
หน้าวัดมีโทรสาธารณะ (อย่าลืม ว่าตอนนั้นไม่มีมือถือ) ด้วยยังกังวลว่าเผื่อฉุกเฉิน มีอะไรได้โทรกลับบ้านได้

เป้ง เป้ง เป้ง ...เสียงระฆัง ตีสามครึ่ง พระทุกองค์ มารวมกันสวดมนต์ นั่งสมาธิที่โบสถไม้
พระซน มีปัญหากับความง่วงมาตั้งแต่ยังไม่ได้บวช ต้องใช้กำลังใจฮึดมาก กว่าจะลุกขึ้นมาได้
มารู้ทีหลังว่า มีปัญหาทางฮอร์โมนในสมอง แต่ไม่รู้ตัวนะครับ มีผลทำให้ต้องนอนมากกว่าคนธรรมดา
ตอนหลังมากลายเป็นโรคซึมเศร้าครับ...เรื่องนี้ค่อยเล่าทีหลัง...

ที่โบส์ถไม้ (ปัจจุบันเป็นโบสถแก้ว) ประดิษฐาน หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางสมาธิองค์ใหญ่ที่ร้างอยู่ในสวน
หลวงพ่อสนองธุดงค์มาพบ และบูรณะสร้างเป็นวัด (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
โบส์ถตอนนั้น เป็นศาลาใหญ่โล่งๆ มีฝานิดหน่อย ลมพัดเย็นตลอด เช้าค่อนข้างเย็น ตามบรรยากาศสวน
สิ่งที่ตามมาก็คือ..ยุง..หึ่งเลย ในสวนมีร่องน้ำอยู่แล้ว ยุง ไม่ต้องพูดถึง
สวดมนต์ไป กระดุ๊กกระดิ๊กไล่ยุงเกาะไป ยังไม่เท่าไหร่ พอนั่งสมาธินี่ซิ ต้องนั่งนิ่งๆ
..ก็เป็นเป้านิ่งของยุงเลย
สมาธิไม่ต้องพูดถึงครับ...ไม่มีแน่ๆ แต่ได้เรื่องความอดทน
นั่งๆ ...จี๊ด...โอย ทน....จี๊ด ...ทน
ไม่ไหวเข้าก็ปัดทีนึง ไม่ตบครับ รักษาศีล ...ทนเข้าไป มันก็กัดเข้าไป ทนๆๆ
ตึ๊ง... เสียงเคาะระฆังเล็กเบาๆ เป็นสัญญาณการสิ้นสุดการนั่งสมาธิในช่วงเช้า เตรียมบิณบาตร
พระซนตื่นจากภวังค์ (หลับน่ะแหละ ไม่ใช่เข้าสมาธิหรอก) ก็ไปบิณฑบาตรตามสายที่วัดแบ่งไว้

เรื่องดินลูกรัง พระซนมีประสบการณ์ถึงเท้าแตก เลือดซิบ มาแล้วตั้งแต่ลพบุรี จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่ในสวน เวลาฝนตกใหม่ๆ ความที่มันเป็นดินเหนียว มันจะลื่นสุดๆ ครับ
เอาอีกแล้ว พระซนต้องมีเทคนิคบิณฑบาตรเพิ่มเติมอีกแล้ว โห มันลื่นจริงๆ...พระซนเรียกบิณฯ สายนี้ว่า สายสเก็ต
ไม่ได้เดินครับ ลื่นปรื้ดไปเกาะต้นไม้ จากต้นหนึ่งลื่นไปอีกต้น ลื่นกันเป็นแถวเลย ไม่ใช่พระซนรูปเดียว
ชาวบ้านแถวนั้นคงชินกับภาพพระลื่นไปรับบาตรกัน ปรื๊ด ซิกแซกไปเกาะต้นไม้ที่เรียงรายในสวน
แล้วก็ปรื้ดไปรับบาตร ปรี้ดออกจากสวน....

ถึงเวลา "ฉันสำรวม" หมายความว่า ทุกอย่างถูกรวมลงในบาตร โดยเดินตักอาหารแบบบุฟเฟ่
ข้าว, กับข้าว, ขนม ทุกอย่างคลุกเคล้าลงในบาตร แล้วก็ไปนั่งเรียงกัน ฟังเทศน์ก่อน สวดมนต์ แล้วค่อยฉัน
เรื่องฉันรวมๆ กัน พระซน ไม่เท่าไหร่ เพราะเป็นคนกินง่ายแต่ไหนแต่ไร
แต่ตอนที่นั่งรอนี่ กลืนน้ำลายเอือกๆ ไปหลายอึก นานเลยกว่าจะเทศน์เสร็จ แล้วจะได้ฉัน

ก็มื้อเดียวครับ วันแรกๆ พระซนตักจนพุงกาง 10 กว่าทัพพีง่ะ กลัวหิวตอนเย็น
คือแต่ก่อนอยู่วัดบ้าน เย็นก็ กาแฟ โอวัลติน แป้ปซี่ เต็มที่ ร้านค้าก็อยู่ข้างวัด ...ไม่มีปัญหา
ที่นี่ หิวครับ เย็นๆ หิว..ที่วัดก็มี สมอ มะขามป้อม ซึ่งมีพุทธานุญาตให้ฉันหลังเพลได้ เพราะเป็นยา
ท่านจะใช้คำว่า "พิจารณา" (ปัจจเวก) ถึงเวลา ให้ภิกษุ พิจารณาโอสถ...จัดไว้ให้ที่ศาลาเล็กริมน้ำ ตอนเย็นๆ
พระซนใช้คำว่า "ซัด" ครับ ...ก็มันหิวนี่ ซัดจนอิ่มแหละครับ

สุดท้ายพระซนพบสัจธรรม เมื่อร่างกายเริ่มปรับตัวได้
ยิ่งกินมาก ยิ่งหิว กินให้พอดีๆ จะไม่ค่อยหิว หรือไม่หิวเลย
กินน้อย ร่างกายจะปรับตัว กระเพาะจะหดตัวลง ความหิวจะลดลง
อาหารค่อยๆ ลดลง เหลือประมาณ 6-7 ทัพพี และตอนเย็น บางวันก็ไม่ได้ฉันนะครับ
พอรู้ได้ว่า พระป่าท่านใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร
สำคัญที่สุดคือ ใจครับ ใจต้องได้...กายจะทำได้ตาม

ชีวิตวันๆ หนึ่งของพระซน ผ่านไปด้วยการนั่งสมาธิ เดินจงกรม พระอาจารย์ท่านจะเทศน์สอน เช้า-เย็น
บ่ายมีกวาดวัด ขัดศาลา กวาดเยอะนะครับ เหงื่อท่วมเลยทีเดียว
นี่ก็คือ การออกกำลังกายของพระ...นอกจากการเดินจงกรมแล้ว
เป็นพระนี่สุขภาพจะดีนะครับ ตื่นแต่เช้า สองสามทุ่มก็นอนแล้ว ตื่นแต่มืด
อากาศในบรรยากาศธรรมชาติก็ดีมากๆ สบาย เรียกว่า สัปปายะ
กินอาหารแต่พอดี ร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก ในการย่อย ไม่มีอาหารเน่าค้างลำไส้
มีโอสถธรรมชาติ เช่น สมอ มะขามป้อม ขิง ข่า (จิ้มพริกกะเกลือนะ) เป็นยาป้องกันโรค
จิตใจก็ดี ไม่มีเรื่องให้กังวล (แต่แอบเครียดหน่อยๆ ที่ฝึกสมาธิไม่ได้ซักที)
อึดอัดบ้าง เพราะที่นี่ ไม่ค่อยให้จับกลุ่มคุยกัน ...ปกติชอบคุยไง

ฝึกๆๆ ทนยุงๆๆ หลับๆๆ ตอนเช้า กลางวันเดินๆๆ นั่งๆๆ กวาดๆๆ เย็น สวดมนต์ นั่งๆๆๆ แล้วก็นอน
วันหนึ่ง พระซนก็ได้พบกับหลวงพี่ที่มาใหม่อีกองค์หนึ่ง ขาว ตัวเล็ก และยังหนุ่ม (ประมาณ 30)
ท่านมาใหม่และมานั่งต่อแถวสวดมนต์ต่อจากพระซน
พระซนก็ไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ที่นี่มีพระเช้าออกบ่อยๆ ท่านเองก็ดูจ๋องๆ...รู้จักไม๊ครับ คนจ๋องๆ น่ะ
ก็ยิ้มๆ คุยๆ กับท่านไปตามปกตินะ
แต่วันนั้น บ่ายวันธรรมดาวันหนึ่ง พระซนเดินจงกรม (ด้วยจิตฟุ้งซ่านตามปกติ) อยู่
ท่านเดินฉับๆๆๆ มาข้างทางจงกรม และ.....

ติดตามต่อนะครับ

จากคุณ : ทางนี้
เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 05:35:55




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com