Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
*************** พระซน 13 ***************** ติดต่อทีมงาน

พระซน 13 หลวงพ่อพุทธทาส

ใครเคยอาบน้ำสีแดงๆ บ้าง น้ำที่แห้งคอด จนสีแดงเพราะโคลนฝุ่นแดงที่พื้นดิน
อีสาน ...ดินแดนแห่งความกันดาร พระซนอยู่ในสมัยที่สายไฟ พึ่งจะมาถึงหมาดๆ
"สายไฟมาก่อน แล้วของเงินผ่อนจะต้ามมา" เสียงเพลงลอยลมมาจากหมู่บ้านข้างล่าง
จริงครับ หมู่บ้านนี้เริ่มเต็มไปด้วยของเงินผ่อน ทั้งทีวี วิทยุ ฯลฯ
พระซนอยู่บนเขา ไม่ได้ดูทีวีลเยนะครับ มีที่กุฏของพระอาจารย์เหมือนกัน แต่ไม่ไปดู
เคร่งครับ เคร่ง ดูแล้วผิดวินัยพระ ..เดี๋ยวสมาธิหลุดด้วย อุตส่าห์ "ปั้น" มาขนาดนี้
ฝึกสมาธิ ต้องพยายามอยู่ที่สงบๆ อย่าคุยมาก อย่าไปดูหนังดูละคร
จิตมันจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน รวมเป็นสมาธิง่าย

พระซน ก็ซนสมชื่อ ลองครับ ลองอดข้าวแบบหลวงปู่ใน
อด 1 วันก่อน อดไม่อดเปล่า อยู่แต่ในกุฏิ ไม่พูดกับใครเลย
นั่งสมาธิลูกเดียว...วันรุ่งขึ้นก็ออกมาฉันตามปกติ
แล้วค่อยๆ ขยายเป็น 2 วัน ฉันที 3 วันฉันที
เล่าให้ฟังนะครับ วันๆ นั่งสมาธิ สงบน้อยมาก ส่วนมากจะคิด
และที่สำคัญ จะมีภาพของข้าวไข่เจียวลอยมาเลยครับ
จ๊อก...เสียงท้องร้องทันที เมื่อมีภาพปรากฏ โอ้ย หิวๆๆ
ตั้งสมาธิครับ พุทโธๆๆๆ ข่มเข้า....ภาพหายไป ท้องก็ค่อยยังชั่ว

อ่อ...น้ำย่อยมันออกตอนที่คิดนะ ไม่คิดมันก็ไม่ออก ได้ความรู้ใหม่
แต่ห้ามมันไม่ได้ครับ... ข้าวไข่เจียวมันจะโผล่มาเป็นระยะ แถมด้วยกระหล่ำปลีด้วย
ไม่รู้ทำไมมีแต่ข้าวไข่เจียวกับกระหล่ำปลีนะครับ อาหารอย่างอื่นไม่โผล่มาเลย ทำไมก็ไม่รู้

เวลาที่ออกมาฉัน อดไปซัก 2 วันนี่ โอ้ย หิวๆๆ กินเข้าไปจนพุงกางเลย
ยิ่งตอนอด 3 วันนะ ออกมาฟาด (ไม่เรียกว่าฉันแล้ว) ข้าวเหนียว 1 กระติ๊บใหญ่ๆ มาม่า 4 ห่อ กับข้าวต่างๆ ฟาดเรียบไม่เหลือ
กินจนเดินไม่ได้ จุก ลุกไม่ขึ้นเลย นั่งพิงศาลา ไปไหนไม่ได้
เชื่อไม๊ครับ ปากยังอยากกินอยู่เลย ทั้งๆ ที่ท้องแน่นไปหมดแล้ว
โอ้ว...รู้เลย หิว กับ อยาก มันคนละอย่างกัน
นั่งจนเริ่มย่อย ปากยังไม่หายอยาก พระซนขึ้นเขาไปหาหลวงปู่...ไปทำไมรู้ไม๊ครับ
หาของกินต่อ ! ! ...ขอหลวงปู่ ได้มาม่ามาอีก 2 ห่อ  มาต้มกินเข้าไปอีก
ปรากฏว่าขาลงเขาต้องแวะอ้วกครับ มันล้นแล้ว ไม่ไหวแล้ว

เดือนนั้น อดๆ กินๆ นับแล้ว พระซนฉันข้าวไปทั้งหมด 12 มื้อ (ที่นี่ฉัน 2 มื้อ / เดือนนึง= 60 มื้อ)
น้ำหนักหายไป 10 กิโลครับ พระซนยังยืนหยัดจะอดต่อ เป้าหมายคือ อดให้ได้ 7 วัน
ตอนหลังๆ ร่างกายเริ่มปรับตัวครับ เริ่มฉันน้อยลง เวลาออกมาฉัน ก็ฉันปกติ (ค่อยเหมาะกับคำว่าฉันหน่อย)
เดินๆ ไป ลมพัดวูบมาแรงๆ ปลิวตามลมเลยครับ ทั้งผอม ทั้งไม่มีแรง
ตอนนั้น รู้เลย ว่าคนใกล้ตาย รู้สึกยังไง มันอ่อนแรงไปหมด แต่จิตใจกลับนิ่งอย่าประหลาด
ถึงจะยังคิดฟุ้งซ่านอยู่ไม่น้อย แต่มันสงบ ...แต่สงบแบบทื่อๆ นะ ถึงจะทื่อ แต่ก็มีความสุขนะ
นั่งตากแดดก็ไม่ร้อน ไม่อยากพูดอยากคุย อยากนั่งอยู่เฉยๆ

เผอิญว่า พระซนมีแผลที่ถูกแมวข่วนที่หลังมือ ชอบเล่นกะแมวน่ะ
ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ถลอกนิดหน่อย เลือดซิปๆ แต่ไม่นาน...
มันมีตุ่มขึ้นรอบๆ แผล ตุ่มน้ำใสๆ มันขยายตัวออกไปเรื่อยๆ
ลามไปที่แขน แบบห่างๆ แล้วก็ไปขึ้นที่เท้าด้วย...นานไปๆ มันเริ่มแตก มีน้ำเหลืองไหลซิปๆ
พระซนก็กินยาแก้แพ้ ไม่หาย มันยังลามอยู่ น้ำเหลืองเริ่มเยิ้ม ...เหตุเกิดในขณะที่อดข้าวน่ะแหละ
วันหนึ่งสวดมนต์อยู่ เอ้...ได้กลิ่นเน่าๆ มาจากไหนหว่า...เอ้ย...จากมือเราเอง
โอ้ย น้ำเหลืองเริ่มเน่า ไม่ไหวแล้ว....
พระซนเลยต้องเลิกอดข้าวไปโดยปริยาย ไปหาหมอที่โรงพยาบาลในตัวเมือง
หมอก็ให้ยาแก้แพ้มาอีกน่ะแหละ แล้วก็ให้ยาฆ่าเชื้อมาทา
มันก็ยังไม่หายครับ...

โอ้ย มันเป็นพยาธิ กินยาแก้พยาธิ  หาย รับรอง ผ้าขาว(หมายถึงผู้ชายโกนหัวห่มขาว)บอก
พระซนไม่ค่อยเชื่อครับ ทั้งๆ ที่ผ้าขาวแกก็บอกว่าเป็นทหารเสนารักษ์ (ผู้ช่วยแพทย์เก่า)
แผลแบบนี้จะเกิดจากพยาธิได้ไง....
แต่หนักๆ เข้า เป็นเดือนแล้วยังไม่หาย ก็เลยไปซื้อยาแก้พยาธิมากิน
3 วัน เท่านั้น ยุบเลย ...หาย ...อ้าว ตกลงเล็บแมวมันมีพยาธินี่นา สรุป พระซนโดนยาธิโจมตี
“เห็นไม๊ บอกแล้วไม่เชื่อ” พอจะทราบใช่ไม๊ครับว่าใครพูด

การอดข้าว 1 เดือน พระซนได้เรียนรู้ว่า การทรมานตัวเองที่เรียกว่า อัตตกิลมฐานุโยค มันเป็นอย่างนี้
อดมากเข้า มันรู้สึกว่าจะตาย จิตสงบได้ครับ กิเลสหายเลย เบา...ทั้งกาย ทั้งใจ
แต่มันออกแนวเซื่องครับ สงบแบบไม่รับรู้อะไร ตากแดดก็ไม่ร้อน ใครจะบ่นอะไรให้ฟังก็ไม่เครียด
นิ่ง เซื่อง ไประยะหนึ่ง พอกลับมาใช้ชีวิตปกติ ก็เหมือนเดิม...กิเลสกลับมาอย่างเก่า
มันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ถ้าจะให้ไม่มีทุกข์ ต้องอดๆ แบบนี้ไปตลอดชีวิต
ซึ่งมันก็ผิดธรรมชาติ...ไม่ใช่แน่
แต่ทางพ้นทุกข์จริงๆ คืออะไรล่ะ นี่ฝึกสมาธิมาปีกว่าแล้ว
นั่งนิ่งได้เป็น ชม. แถมวันนั้นปวดหัวจะระเบิด นั่งสมาธิแล้วหายเฉย
แต่ก็ยังไม่พบทางพ้นทุกข์จริงๆ

ในกุฎิพระซนมีหนังสือแค่ 2 เล่มครับ
คู่มือมนุษย์ และ ปฏิจจสมุปบาท ของหลวงพ่อพุทธทาส
โดยเฉพาะปฏิจสมุปบาท อ่านนานมากกว่าจะเข้าใจ ...อ่านเป็นเดือนๆ
อ่านได้วันละไม่กี่หน้า ก็ต้องปิดหนังสือ มาค่อยๆ ทำความเข้าใจ (สมัยนี้เรียกว่า ค่อยๆ ย่อย)
เมื่อเข้าใจแล้วก็อ่านต่อ ทีละนิดๆ....
จบเล่มแล้ว พระซนรู้แล้ว สติปัญญาเกิด...
แม้จะเป็นแค่ จินตามัยปัญญา คือปัญญาเกิดจากการคิดพิจารณา...
แต่นับว่าเป็นปัญญาสำคัญที่ให้ความกระจ่างในเส้นทางค้นสัจธรรมของพระซน

สติ...เราต้องเจริญสติ รู้จัก กาย เวทนา จิต ธรรม ที่รียกว่า สติปัฏฐาน 4
จะรู้ได้ยังไง ปฏิบัติยังไง ต้องไปถึงต้นตอ...สวนโมกข์ ตอนนั้นหลวงพ่อพุทธทาสท่านก็ยังอยู่
1 ปี กับหลวงปู่ใน ที่เขาสามยอด ลำบากกับความกันดาร สุดหนาวเหน็บในฤดูหนาว
ใกล้หน้าหนาวอีกที พระซนขอลี้ไปสวนโมกข์ดีกว่า...หลบหนาวด้วย เพราะว่าเป็นภูมิแพ้
ภาคใต้ ไม่มีฤดูหนาว มีแต่ฝนกับร้อน
ที่สำคัญ สัจธรรมรอให้ค้นหาอยู่...

หลวงปู่ครับ ผมขอลาก่อน ยังไงจะกลับมาเยี่ยมนะครับ
“เอ้อๆ ไปเถอะ ขอให้เจริญนธรรมเด้อ” ...หลวงปู่ยังน่ารักไม่เสื่อมคลาย

จากคุณ : ทางนี้
เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 06:10:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com