Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
*************** พระซน 14 ***************** ติดต่อทีมงาน

พระซน 14 ประสบการณ์ธรรม

2 พรรษาที่ผ่านมา หลังจากคร่ำเคร่งฝึกสมาธิ
ศึกษาด้วยการอ่าน /วิเคราะห์ /ปฏิบัติ ครบทั้ง 3 ปัญญาแล้วนะ
สูตตะ จินตะ และภาวนามัยยะ...แต่พูดตรงๆ ยังไม่พบทางที่มั่นใจได้เลยว่าจะพ้นทุกข์ได้ยังไง
พรรษาแรก มุ่งอย่างเดียวว่า ทำยังไงจะทำฌานได้...ไม่รู้อะไรมากกว่านั้น ขอให้จิตสงบก็แล้วกัน ดีแล้ว
(จริงๆ ก็คืออยากมีฤทธิ์น่ะแหละ อย่างน้อยขอไปเที่ยวนรก สวรรค์)
พรรษาที่ 2 พอเข้าใจเรื่อง สติปัฏฐาน แต่ก็ยังไม่มีครูบาอาจารย์ ปฏิบัติเองตามความเข้าใจ
แต่ก็ไม่ทิ้งสมถะนะครับ ยังนั่งสมาธิอยู่ และในชีวิตประจำวัน ก็พยายามมีสติ รู้กาย ทำอะไรก็ให้รู้
พยายามรู้ให้ชัด แต่พระซนไม่รู้ตัว ว่า สติที่ตนเข้าใจนั้น ไม่ใช่สติธรรมชาติ เป็นสติที่เกิดจากการเพ่ง
เพราะมีความเคยชินจากาารฝึกสมถะมาก่อน ...มันจะมีผลเสียที่จะเกิดขึ้นภายหลัง ...ติดเพ่ง

ตลอดเวลา 8 เดือน ที่อยุ่ที่สวนโมกข์ พระซนอ่านๆๆ แล้วก็อ่าน พยายามทำความเข้าใจว่าอะไรคือ "ทาง"
ด้วยศรัทธาหลวงพ่อพุทธทาส เพราะสิ่งที่ท่านกล่าว ช่างลึกซึ้ง และยิ่งพิจารณาแล้วยิ่งเห็นจริง
ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง แน่นอน ไม่มีอะไรเที่ยงเลย ทุกอย่างเป็นทุกข์ หลวงพ่อแปล "ทุกขัง" ว่า ดูน่าระอา
ซึ่งก็จริง...น่าระอาจริงๆ พระซนมาใช้ชีวิตลำบากตามป่าเขา  สิ่งที่ประจักษ์มั่นใจสุดๆ
"ชีวิตเป็นมทุกข์" มันทุกข์จับใจจริงๆ ...

ถ้าอยูทางโลก ไม่มีทางทราบความจริงนี้ได้ง่ายๆ เลย
มันเคลือบแฝงไปด้วยสิ่งบำรุงบำเรอความสุข ให้จิตเพลิดเพลินไป จนกลบบังความจริง
ความจริงที่พบว่าชีวิต ถ้าไม่มีอะไรบำรุงบำเรอมันแล้ว มันมีแต่ภาระ...
ตื่นมาก็ต้องแปรงฟัน ต้องอาบน้ำ ต้องกินข้าว ต้องหาอะไรทำ อยู่ว่างๆ ก็เหงาอีก
ทำไมๆ ทำไมต้องมีภาระกับชีวิตด้วย อยุ่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องทำอะไรๆ ให้ชีวิตคงอยู่ได้
คงอยู่แล้วยังไง สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี ...มันจะมีสาระอะไร

อยู่ทางโลก มันมีอะไรเป็นเหยื่อล่อ ล่อให้เราไปทำอะไรๆ โดยไม่รุ้สึกว่าเป็นภาระ
มันก็คือความสุข ความสุขที่เกิดจากการเพลิดเพลินในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
แต่งตัวสวยๆ มีหนังดู มีเพลงฟัง มีสถานบันเทิงให้ไปเสพ....ภาระต่างๆ เช่นแปรงฟัน ฯลฯ
มันก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระ มีแรงทำงานหาเงิน เพื่อมาแลกความสุข ความเพลิดเพลินไปวันๆ
แม้แต่สิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น เช่น ชื่อเสียง เกียรติยศ มันก็คือรูปแบบของความสุขอย่างหนึ่ง
ความสุขเป็นเหยื่อล่อ ให้เราวนเวียนทำสิ่งต่างๆ อย่างไมรู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือระอา แต่อย่างใด
ซึ่งสุดท้าย...มันก็เสื่อมสลายไปตามกฏอนิจจัง...ไม่มีอะไรคงอยู่ได้
พูดง่ายๆ ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลย เหมือนเมฆหมอกที่ก่อตัวขึ้น แล้วก็เปลี่ยนแปลงสูญสลายไป

ถ้าไม่ได้มาใช้ชีวิตที่ปราศจากเหยื่อล่อแบบนี้ มาอยู่ตามป่าตามเขาที่ไม่มีอะไรจรรโลงใจเลย
ยากที่จะเห็น ยากที่จะเข้าใจแบบนี้ได้จริงๆ...มันต้องผ่านประสบการณ์ตรง ไม่ใช่แค่การอ่าน หรือคิดๆ นึกๆ
แบบนี้ ชีวิตมันน่าระอาจริงๆ....ใครเคยผ่านชีวิตพระป่า คงจะรับรู้ความรู้สึกนี้ได้

พระซนเคยอ่านเรื่องผู้ปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน ด้วยอ่านมามาก
ตอนนี้ พระซนรับรุ้ถึงความทุกข์ในชีวิตมากๆ...วันหนึ่งถึงกับอธิษฐานกับพระประธานในโบสถ
"หากข้าพเจ้าเคยอธิษฐานปรารถนาพุทธภุมิไว้ ปรารถนาที่จะผ่านภพชาติอันยาวนานเพื่อช่วยเหลือเวไนยสัตว์
ข้าพเจ้าขอถอนอธิษฐานนั้น" ......
ไม่ไหวแล้ว ทุกข์มันจับใจเหลือเกิน ไม่สามารถทนเดินทางอันยาวไกล ผ่านภพผ่านชาติแล้ว
แค่ชาตินี้ก้ทุกข์มากจนเหลือจะกล่าว ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรในชีวิตเลย ตอนนั้น
แต่จิตมันสัมผัสได้ว่าชีวิตเป็นทุกข์จริงๆ

พระซนรู้จักทุกข์แล้ว แต่ยังไม่พบทางพ้นทุกข์
ทางพ้นทุกข์ ที่พระซน รู้ขณะนี้ คือรู้ว่า ความปรุงแต่งเป็นทุกข์ โดยเฉพาะปรุงแต่งเป็น "ตัวกู ของกู"
รู้แต่ทฤษฏี แต่ปฏิบัติยังไงล่ะ พยายามหาคำตอบตรงนี้ มุ่งหน้าอ่านๆๆๆ ผลงานของท่าน
ไม่รู้เป็นไง อยู่สวนโมกข์ ไม่กล้าถามหลวงพ่อพุทธทาส มันกลัวๆ เกรงๆ ยังไงก็ไม่ทราบครับ
เห็นท่านทุกวันเลย ท่านจะมานั่งหน้ากุฏิของท่าน ช่วงเช้า ท่านจะนั่งเฉยๆ  มองนู่น มองนี่
เคยทราบว่ามีพระไปถามท่านเรื่องการปฏิบัติ ท่านก็บอกชื่อหนังสือของท่านให้ไปอ่าน
เลยคิดว่าจะอ่านๆๆ จนกว่าจะเข้าใจท่าน ว่าท่านสอนอะไร อ่านไปเยอะ จนหมดสงสัยในทฤษฏี
คงเหลือแต่ภาคปฏิบัติ การเจริญสติ อย่างไง...จึงจะไม่มี ตัวกู ของกู...

ภาคผนวก
นอกจากธรรมะที่ได้ พระซนได้เห็นธรรมชาติจริงๆ ตามที่ได้ไปอยู่ตามป่าเขา....
ความที่เป็นคนซนๆ ชอบหาดูนู่นนี่
บ่างบิน ที่โผ ด้วยการกางแขนที่มีผังผืด แล้วร่อนตัวเองจากต้นหนึ่งไปอีกตนหนึ่ง
มันจะโผจากยอดไม้หนึ่ง ไปที่โคนไม้หนึ่ง แล้วไต่ขึ้นไปบนยอดอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโผไปต่อ
งูเหลือมที่เชื่องช้า กลับจับบ่างอันแสนรวดเร็วนี่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยการม้วนตัวดักรออยู่ที่โคนไม้
เมื่อบ่างมาเกาะ และไต่ผ่านงู ด้วยไม่เห็น งูเหลือมอันเชื่องช้า กลับดีดตัวราวกับมีสปริง รัดบ่างเคราะห์ร้ายนั้นอย่างรวดเร็ว
ใครจะรู้บ้างไม๊ว่างูเหลือม เวลารัดตัวมันเร็วขนาดบ่างหนีไม่ทัน

บางทีพระซนเดินจงกรมอยู่ ก็มีเม็ดอะไรเล็ก มาตกใกล้ๆ ทางเดิน
เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นกระรอกกะลังทำปากมุบมิบๆ อยู่ กินอะไรก็ไม่รู้ แล้วทิ้งเม็ดลงมา
เดินตอไป ก็ทิ้งตุ๊บๆ ลงมาอีก เอ๊ะ ...ทำไมมันใกล้เราเข้าไปทุกที
เงยหน้าไปดูอีกที ก็เห็นเหมือนเดิม มุบมิบๆ
เดินต่อ เม็ดก็ตกลงมาใกล้ทุกที เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ในที่สุดก็ตกตุ๊บมาโดนหัวพระซน
พอโดนแล้ว มันก็เลิกทิ้ง.....หนอยๆๆ พระซนชี้นิ้วหยอยๆ เจ้ากระจอกมันแกล้งคนนี่
มันตั้งใจนะ ไม่ใช่บังเอิญ

พระซนสงสัยหลายทีแล้ว ว่าทำไมเดินชนใยแมงมุมบ่อย ตามทางเดินในป่า
คือต้นไม้มันห่างกันมาก มันจะชักใยข้ามไปได้อย่างไร
ลองคิดดูซิครับ ทางเดินกว้างเมตรนึง แมงมุมมันขึงใยขวางได้ยังไง...สำคัญที่เส้นแรก มันจะขึงยังไง
ถ้าขึงเส้นแรกได้ เส้นต่อๆไปก็ไม่มีปัญหา ...เอ หรือมันวิ่งไปตามพื้น แล้วไปขึ้นต้นไม้อีกต้น แล้วดึงใยให้ตึง....
วันนั้นพระซนเห็นกะตา แทบไม่เชื่อตาตัวเอง...มันขี่ใบไม้ครับ
มันขี่ใบไม้ลอยข้ามไปอีกต้นหนึ่ง...งงไม๊...เหมือนคนเล่นวินเซริฟ แต่มันไม่ได้เล่นในน้ำ มันเล่นกลางอากาศ
คือมันจะรอตอนมีลม แล้วก็ขี่ใบไม้ลอยตามลมไปอีต้นหนึ่งอย่างช้าๆ
โอ้ว....ถ้าสมัยนั้นมีมือถือ คงถ่ายมาให้ดู แมงมุมเล่นวินเซริฟใบไม้...

พูดถึงแมงมุม พระซนเคยจะช่วยแมลงที่ไปติดใยแมงมุม...แต่ก็ฉุกคิดขึ้นว่า
เอ..เราช่วยแมลง แต่เท่ากับไปแย่งอาหารแมงมุมนี่ ตกลงเราจะได้บุญหรือได้บาปหว่า...
สุดทายไม่ได้ทำอะไร...เก็บความสงสัยไปถามพระอาจารย์รูปหนึ่ง...
"มันก็เป็นไปตามกฏของธรรมชาติ ....เช่นนั้นเอง"

จากคุณ : ทางนี้
เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 55 22:43:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com