ไม่หมดความทุกข์ ไม่ได้รับความสุข เพราะยังทำสิ่งที่ไม่ควรทำ
|
|
ขุททกนิกาย เถรคาถา ๒. ปาราสริยเถรคาถา คาถาสุภาษิตของพระปาราสริยเถระ
[๓๘๖] ความคิดได้มีแล้วแก่ภิกษุผู้ชื่อว่าปาราสริยะ ผู้เป็นสมณะนั่งอยู่แล้วแต่ผู้เดียว มีจิตสงบสงัด เพ่งฌาน
"บุรุษควรทำอะไรโดยลำดับ ควรประพฤติวัตรอย่างไร ประพฤติมารยาทอย่างไร จึงชื่อว่าเป็นผู้ทำกิจของตน และชื่อว่าไม่เบียดเบียนใครๆ ?"
อินทรีย์ทั้งหลายย่อมมีเพื่อประโยชน์และไม่ใช่ประโยชน์ แก่มนุษย์ทั้งหลาย อินทรีย์ที่ไม่รักษา ย่อมไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ อินทรีย์ที่รักษา ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์
บุรุษผู้รักษาและคุ้มครองอินทรีย์นั่นแล จึงชื่อว่าเป็นผู้กระทำกิจของตน และชื่อว่าไม่เบียดเบียนใครๆ
ถ้าผู้ใดไม่ห้ามจักขุนทรีย์ อันไปอยู่ในรูปทั้งหลายไม่เห็นโทษผู้นั้นย่อมไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย อนึ่ง ผู้ใดไม่ห้ามโสตินทรีย์อันเป็นไปอยู่ในเสียงทั้งหลาย ไม่เห็นโทษ ผู้นั้นย่อมไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย ถ้าผู้ใดไม่เห็นอุบายเครื่องสลัดออก ซ่องเสพในกลิ่น ผู้นั้นเป็นผู้หมกมุ่นอยู่ในกลิ่นย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ ผู้ใดมัวแต่คำนึงถึงรสเปรี้ยวรสหวานและรสขมเป็นผู้กำหนัดยินดีด้วยตัณหาในรส ไม่รู้สึกถึงความติดในใจอันเกิดขึ้นในขณะบรรพชาว่า จะทำที่สุดทุกข์ ผู้นั้นย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ ผู้ใดมัวนึกถึงโผฏฐัพพะอันสวยงาม ไม่ปฏิกูล ยินดีแล้วผู้นั้นย่อมได้ประสบทุกข์มีประการต่างๆ อันมีราคะเป็นเหตุ ผู้ใดไม่สามารถจะรักษาใจจากธรรมเหล่านี้ ทุกข์อันเกิดจากกระแสอารมณ์ทั้ง ๕ นั้นย่อมติดตามผู้นั้นไป เพราะการไม่รักษาใจนั้น
ร่างกายนี้เต็มไปด้วยหนองเลือดและซากศพเป็นอันมาก เป็นของอันนายช่างผู้ฉลาดทำไว้ เป็นของเกลี้ยงเกลาวิจิตรงดงามแต่ภายนอก ภายในเต็มไปด้วยของไม่สะอาด มีคูถเป็นต้น ดังสมุคฉะนั้น
คนพาลย่อมไม่รู้สึกว่า ร่างกายนี้เป็นของเผ็ดร้อน หลับรู้สึกว่ามีรสหวานเป็นที่ยินดี เกี่ยวพันด้วยความรัก เป็นทุกข์ เป็นของฉาบไล้ไว้ด้วยสิ่งที่น่าชื่นใจ เหมือนมีดโกนอันทาแล้วด้วยน้ำผึ้งฉะนั้น
บุคคลผู้กำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะของหญิง ย่อมต้องประสบทุกข์มีประการต่างๆ
กระแสตัณหาในหญิงทั้งปวงย่อมไหลไปในทวารทั้ง ๕ ของบุรุษ
ผู้ใดมีความเพียร สามารถทำการป้องกันกระแสตัณหาเหล่านั้นได้ ผู้นั้นตั้งอยู่ในอรรถ ตั้งอยู่ในธรรมเป็นผู้ขยันมีปัญญาเครื่องพิจารณา
บุคคลควรเป็นผู้ยินดีทำกิจอันประกอบด้วยอรรถและธรรม การประกอบด้วยกามารมณ์ย่อมทำให้จมอยู่ในโลก
บุคคลควรเว้นกิจอันไร้ประโยชน์เสีย เมื่อรู้ว่า สิ่งนั้นไม่ควรทำแล้วพึงเป็นผู้ไม่ประมาท มีปัญญาสอดส่องในสิ่งนั้น
บุคคลควรยึดเอาแต่การกระทำที่มีประโยชน์ และความยินดีอันประกอบด้วยธรรม แล้วประพฤติอยู่ เพราะว่าความยินดีในธรรมนั้นแล เป็นความยินดีสูงสุด
ผู้ใดปรารถนาจะชิงเอาสิ่งของของผู้อื่นด้วยอุบายใหญ่น้อย ฆ่าผู้อื่น เบียดเบียนผู้อื่น ทำคนอื่นให้เศร้าโศก ฉกชิงเอาสิ่งของของคนอื่นด้วยความทารุณร้ายกาจ การกระทำของผู้นั้น เป็นการกระทำอาศัยความยินดีในการประกอบด้วยความฉิิbหาย
คนที่มีกำลัง เมื่อผ่าไม้ ย่อมตอกลิ่มด้วยลิ่ม ฉันใด ภิกษุผู้ฉลาดย่อมกำจัดอินทรีย์ ด้วยอินทรีย์ฉันนั้น
ผู้อบรมศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ และปัญญา กำจัดอินทรีย์ ๕ ด้วยอินทรีย์ ๕ แล้ว เป็นพราหมณ์ผู้ไม่มีทุกข์ไป บุคคลนั้นเป็นผู้ตั้งอยู่ในอรรถตั้งอยู่ในธรรม ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งปวง โดยประการทั้งปวง ย่อมได้รับความสุข.
******************** ปาราสริยเถรคาถา http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=26&A=7417&Z=7460&pagebreak=0 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=386
จากคุณ |
:
Serene_Angelic
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ม.ค. 55 13:01:07
|
|
|
|