ความคิดเห็นที่ 1 ไปเกลียดเขาทำไมเล่าครับ พุทธศาสนามีหลายนิกายนะ หลายนิกายมีข้อบังคับที่ต่างกันออกไป. จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 14:13:03

ความคิดเห็นที่ 2 เกลียดทำไม จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 14:21:07

ความคิดเห็นที่ 3 เฉยๆ ครับ ไม่เกลียดแต่ก็ไม่ได้ชอบ ถ้ามั่นใจว่าเราเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบแล้ว ก็ทำให้ชาวโลกเขาได้เห็นซิ ว่านี่แหละของแท้ .... ทุกวันนี้เราทำแบบนั้นได้หรือยัง?? ถึงมีเวลาไปนั่งเกลียดนิกายอื่นน่ะ เอาเวลาที่ไปเกลียดผู้อื่น ที่ไปหาข้อโต้เถียงอีกฝ่ายให้แพ้ต่อฝ่ายตน เอาเวลาพวกนั้นมาพัฒนาตัวเองไม่ดีกว่าเรอะ?? มันจะดูเป็นประโยชน์กว่าไหม? จากคุณ : IT Boys เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 14:40:18

ความคิดเห็นที่ 4 หากหลวงพี่รู้ คงฝากบอกว่า "มาที่วัดเองเลยสิโยม" จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 15:06:58

ความคิดเห็นที่ 5 พระวัดเส้าหลินเป็นพระมหายาน ไม่ใช่เถรวาท... เขามีการปรับเปลี่ยนพระวินัยบางข้ออยู่แล้ว แต่พวกอาบัติร้ายแรงเช่นเสพเมถุน ฆ่ามนุษย์ ลักทรัพย์ อวดอ้างคุณวิเศษไม่มีในตน เป็นต้น  พระเส้าหลินหรือพระมหายานที่ไหนๆท่านก็รักษา (เว้นแต่บางนิกายหรือในบางประเทศ ที่ถือว่าไม่มีพระ เช่นญี่ปุ่น นักบวชก็มีครอบครัวได้) พระสงฆ์นานานิกายนานาประเทศ ถึงได้ยกย่องพระสงฆ์ไทย (ไม่นับพวกอลัชชีตามข่าวที่ออกมาเป็นบางช่วง) ว่าเป็นพระสงฆ์สายที่รักษาพระวินัยได้เรียบร้อยดีที่สุด อ้อ อีกอย่างที่บอกว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาโลกนั้น หมายความเพียงว่า เวลามีการจัดกิจกรรมอะไรต่างๆเกี่ยวกับการประชุมพระพุทธศาสนา ไทยเรามักได้รับเกียรติ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เราได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีพระพุทธศาสนามั่นคงที่สุด (แต่ตอนนี้ชักจะไม่แน่ใจ)  เท่านั้นครับ ไม่ได้หมายถึงเราไปสั่งให้ประเทศไหนทำอะไรก็ได้ ไม่ใช่อย่างนั้น แล้วพระเส้าหลินท่านก็ไม่ได้ไปท้าตีท้าต่อยใครที่ไหน ท่านแค่ฝึกร่างกาย ออกกำลังกายตามปกติของท่านเฉยๆ เพียงแต่เวลามีภัย ท่านก็ป้องกันตัวเอง  ในสายตาของพระพุทธศาสนาเถรวาทเราก็บอกว่านั่นไม่ถูกต้อง แต่พระมหายานท่านมีเหตุผลที่ต้องทำ (โดยเฉพาะจีนช่วงที่ถูกคอมมิวนิสต์ยึดครอง และดำเนินแผนปฏิวัติวัฒนธรรม วัดหลายวัด พุทธสถาน สถานที่โบราณเก็บรักษาพระธรรมคัมภีร์หรือของเก่าๆ ก็ถูกพวกลัทธิเหมา พวกเรดการ์ดบุกทำลายเละเทะ พระในวัดเส้าหลินก็ถูกฆ่า ถูกทำร้าย (แถมพวกลัทธิเหมายังบ้าคลั่งมาทำลายถึงธิเบต จนสมเด็จพระเทนซิน กยัตโซ รินโปเช ทะไลลามะองค์ที่ ๑๔ ต้องลี้ภัยมาอยู่อินเดีย) แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 55 15:36:11 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 55 15:35:03 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 55 15:31:12 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 15:29:11

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่งดูอยู่เมื่อวาน เส้าหลินเป็นผู้นำชาวยุทธ์ บุกถล่มพรรคมารกันหนุกหนาน คนดูมันส์ แต่คนพุทธคงจะตะขิดตะขวงใจบ้าง เหมือนเรื่องนึงของกิมย้ง ที่มีการตามหาคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเผ่า (คงจะกุรอ่าน) แต่หารู้ไม่ว่า นอกจากคัมภีร์จะเป็นที่นิยมมอบให้กันไว้อ่านแล้ว เขายังท่องจำกันได้ทั้งเล่มด้วย ข้อมูลจากหนัง กับเรื่องจริงบางทีก็ไม่ได้ตรงกัน จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 15:52:57

ความคิดเห็นที่ 7 หนังสือพิมพ์ โอเรียลทอล มอร์นิง โพสต์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่วัดเส้าหลิน ปัดข่าวลือสะพัดทางอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวอันอื้อฉาวของเจ้าอาวาส ว่าเป็นความพยายามในการใส่ร้ายป้ายสี เนื่องจากเจ้าอาวาสปฏิเสธที่จะให้วัดเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นของจีน โดยนายเฮา เจี้ยนถง เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ของวัดเส้าหลิน ออกแถลงข่าวโต้ข้อกล่าวหาของเจ้าอาวาสฉี หย่งซิ่น  ซึ่งรวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่า แอบมีภรรยาและบุตรหนึ่งคน รวมถึงบัญชีเงินฝากในต่างประเทศ 3,000 ล้านดอลลาร์ว่า อาจเป็นแผนป้ายสี เพื่อสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถือหุ้น ที่ต้องการให้วัดเก่าแก่อายุ 1,500 ปีแห่งนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะเป็นบริษัทท่องเที่ยว         ทั้งนี้ เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2009 มีรายงานว่า วัดเส้าหลินอาจจะจดทะเบียนเข้าตลาดภายในปี 2011 ภายใต้แผนร่วมทุนมูลค่า 100 ล้านหยวน ซึ่งสร้างกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากทางวัดที่ปฏิเสธข่าวดังกล่าว       โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เริ่มมีกระแสข่าวลือแพร่สะพัดทางอินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเจ้าอาวาส  โดยระบุว่า เจ้าอาวาสฉีได้ส่งเสียเลี้ยงดูสตรีคนหนึ่งชื่อว่า ลี่ จิงเฉียง บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมีบุตรชายกับเธออีกคนหนึ่ง โดยปัจจุบัน ทั้งสองอาศัยอยู่ในเยอรมนี  รวมถึงการซื้อบ้านพักสุดหรูไว้ทั้งในสหรัฐฯและเยอรมนี ก่อนหน้านี้ ยังมีข่าวลืออีกว่า เจ้าอาวาสฉีถูกจับได้ว่าไปเที่ยวโสเภณีในมณฑลเหอหนาน ระหว่างที่ตำรวจบุกทลายซ่องโสเภณีแห่งหนึ่ง           เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว วัดเส้าหลิน ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่มีมูลความจริง และล้วนแต่ผ่านการใส่สีตีข่าวทั้งสิ้น พร้อมให้ผู้ที่มีข้อมูลของต้นข่าวลือ เข้ามาติดต่อกับวัดโดยตรง โดยวัดเตรียมมอบรางวัลให้ถึง 50,000 หยวน วัดเส้าหลินอ้างว่า รายได้จากบัตรผ่านประตูซึ่งอยู่ระหว่าง 100-200 ล้านหยวน วัดได้นำรายได้กว่าร้อยละ 70 มอบให้กับหน่วยงานท้องถิ่น       เจ้าอาวาสฉี เกิดเมื่อปี 1965 และขึ้นเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี 1999 เป็นที่รู้จักดีในฉายา"พระซีอีโอ" เนื่องจากท่านมีแนวทางการบริหารงานของวัดคล้ายกับการทำธุรกิจ http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1318939808&grpid=01&catid=01 http://www2.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?NewsID=9540000060237 จากคุณ : ปัญญาประดิษฐ์ เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 15:58:01

ความคิดเห็นที่ 8 ในมุมหนึ่งของผู้สืบทอดสิ่งเหล่านี้เช่น ความรู้ ยุทธ อื่นๆ หลังจากที่จีนผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านการเมือง ตั้งแต่จิ๋นซีจนถึงยุคเติ้งทำลายวัฒนธรรม เท่าที่ทราบตอนนั้น พระ นักบวช ในจีนถูกจับสึกจนหมด เลยที่เป็นพระเพียงแค่ไม่กี่รูป วัดเส้าหลินก็เป็นหนึ่งในนั้น     การที่วัฒนธรรม ถูกทำลายจนเกือบสูญพันธ์ เหี้ยนไปจากแผ่นดิน จีนไม่เพียงทำร้ายทำลายวัฒนธรรมตนเอง ยังทำลายของทิเบตอีกด้วย คนที่ทรงความรู้เหล่านั้น ได้ผ่านช่วงเวลาอันลำบาก และจดจำเอาไว้ว่า การเมืองนั้นโหดร้าย และหลายคนหลบหนี้ ที่ยังอยู่ในแผ่นดินก็พยายามรักษาแก่นสาร สาระถ่ายทอดเอาไว้    เมื่อมีการฟื้นฟูวัฒนธรรม จีนพยายามจะฟื้นฟูสิ่งเหล่านี้ เอามาควบคุม ใส่ความเป็นการเมืองลงในวัฒนธรรม มีการสร้างและบัญญัติอะไรใหม่ๆหลายอย่าง เหล่าผู้รักษามวยและความรู้หลายอย่าง ไม่ได้คายความรู้เหล่านี้ให้คนของรัฐ แต่ถ่ายทอดกันตามธรรมเนียม บางสายกระตุ้นให้ออกมานอกประเทศ พยายามกระจายความรู้ให้ลูกหลานจีนนอกประเทศจีน เพราะพวกเขาผ่านประสบการณ์กลัววิชาสูญหาย   เส้าหลินเป็นผลพ่วงของการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมที่พยายามดิ้นรนเอาตัวรอด ขณะที่อื่นๆก็ดิ้นรนเอาตัวรอดเพื่อให้แก่นวิชาได้สืบลงในสายเลือดจีนแม้จะเป็นจีนโพ้นทะเลก็ตาม เส้าหลินก็กระจายวิชาไปทั่วโลกเช่นกัน  อะไรๆในโลกนี้ล้วนไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงไปตลอดจากอดีตจนึงปัจจุบัน ^^ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 16:10:08

ความคิดเห็นที่ 9 อย่าวิจารย์ทั้งที่เราไม่รู้หลักธรรมคำสอนในฝ่ายมหายาน ภาพยนต์คือภาพยนต์ มีแต่งมีเติม เพื่อเพิ่มความสนุก อะไรที่เราไม่รู้ไม่ชอบอย่ารีบวิจารย์ เพราะอาจไม่เหมือนที่เราคิด อย่ามองแต่คนอื่นเขาโหดเหี่ยม เราชาวเถรวาทเองก็มีมุมมืดเหมือนกัน ลองอ่านประวัติศาสตร์ศาสนาในยุกต์เก่า ๆ ดูบ้างจะรู้  อย่าคิดอย่านึกไปเอง ว่าเราดีกว่าเขา เราถูกเสมอ    เอาแค่ศาสนาคริตย์ที่พึ่งจะเผยแพร่เข้าสู่ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคอีสานโบราณ มีีปัญหามีอะไร มันก็ไม่ต่างจากลัทธิหรือศาสนาอื่น สักเท่าไร    ศึกษาให้ถ่องแท้ให้เข้าใจจึงวิจารย์ จากคุณ : เด็กวัด (boss11589) เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 16:12:28

ความคิดเห็นที่ 10 ผมมิอาจให้ความเห้นเรื่องศาสนาเพราะถือว่าผิดมารยาท  แต่จากการดูวีดีโอ ผมสนใจศาสตร์ในการกำหนดลมปราน เคลื่อนย้านลมปราน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้ในส่วนที่ต้องกระทบกระแทก น่าสนใจมากครับ ในจีน นอกจากพระสงฆ์ในวัดแล้ว เท่าที่ศึกษามา ตระกูลหม่า ที่เป้นชาวมุสลิม ก็เป้นต้นของวิชากังฟูเช่นกันครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 16:16:41

ความคิดเห็นที่ 11 ตามใดที่ยังถืออริยสัจ4 มรรคมีองค์ 8 ตราบนั้นย่อมมีอรหันต์ครับ หากว่าวัดเส้าหลินผิด แล้ววัดไทยในอดีตที่เป็นแหล่งรวมวิชาฆ่าคน ทั้ง ดาบมวย ไสยเวทย์นานา ที่เคยสั่งสอนคนปกป้องชาติจากศัตรูมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 16:51:52

ความคิดเห็นที่ 12 น่าจะต้องนิยามคำว่า พระ ของแต่ละสถานที่กันก่อนนะ พระญี่ปุ่นยังแต่งงานมีลูกได้ ผมว่าเราอย่าเอามุมมองของเราไปตัดสินการใช้ชีวิตของประเทศอื่นเลย พระพม่าออกมาประท้วงรัฐบาล เผาตัวเอง สุดท้าย อะไรต่างๆ นาๆ มันก็มาจากมนุษย์ประดิษฐ์ทั้งนั้นล่ะครับ เราเชื่อเราศรัทธาของเราก็พอ จากคุณ : ศิลปินเปิดหมวก เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 19:05:40

ความคิดเห็นที่ 13 ศาสนาพุทธมีตั้งหลายนิกาย นี่ถ้าไปเจอพระธิเบต เป่าเเตร ตีกลอง ก็คงจะ งง อีกอ่ะดิ ไม่เคยเกลียดวัดเส้าหลินเลย ยิ่งดูตอนนายพลบ้าอะไรในเรื่องเส้าหลิน2ใหญ่ บุกทำลายวัดเส้าหลิน แทบอยากจะกระโดถีบยอดหน้ามัน แมร่งเอี้ยได้ใจ ทำได้ไงวะ เเสร่ดดด.... จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 19:31:54

ความคิดเห็นที่ 14 ความเกลียดชัง  มีแต่จะเผาจิตของเราเอง แม้พระพุทธเจ้าเอง  ท่านก็ยังไม่ทรงตำหนิ ว่ากล่าวศาสนาอื่นที่มีแนวคิดการปฏิบัติที่ต่างจากท่านเลย ดังนั้น  เราผู้ซึ่งยังมีกิเลส ก็สมควรที่จะพิจารณา เกลียด  ความโลภ ความโกรธ ความหลง ของตนเอง เสียก่อนจึงจะทำให้ตนเอง ได้วิวัฒน์จิต จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 19:58:02

ความคิดเห็นที่ 16 จขกท พิจารณา นิดนึงครับ นั่นเป็นนิกายมหายาน ไม่ใช่เถรวาท มหายานไม่มีข้อวินัยที่เถรวาทถือ เคลียร์ นะ ครับ แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 55 21:25:37 จากคุณ : สายลมเหงาแห่งขุนเขา เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 21:24:41

ความคิดเห็นที่ 17 พระมหายานแท้ๆ ที่มุ่งขนส่งสัตว์ข้ามพ้นสังสารวัฏนั้นเขารักษาศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดข้อเหมือนพระเถรวาทครับ  และยังสมาทานศีลของพระโพธิสัตว์อีกสี่สิบกว่าข้อเพิ่มเติม  จุดมุ่งหมายของมหายานคือการสั่งสมบารมีเพื่อสัมโพธิญาณ  ตรัสรู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต  ดังนั้นจึงยอมสละตนเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น  ในบางกรณีหากดูเพียงผิวเผินอาจจะเข้าใจผิดได้ เช่น  สมมุติว่า  พระมหายานที่เป็นโพธิสัตว์พบเห็นว่าชายคนหนึ่งกำลังจะลงมือสังหารบุพการีของตน  หากไม่มีทางเลือกอื่นแล้วพระฯนั้นจะชิงฆ่าชายนั้นเสียก่อนที่ชายนั้นจะได้ทันสังหารบุพการีของตน   การสังหารชายคนนั้นของพระฯไม่ได้ฆ่าเพราะโทสะ แต่ฆ่าด้วยเมตตา เพราะหากชายนั้นสังหารบุพการีของตนจะต้องเสวยกรรมหนัก   ส่วนการสังหารชายนั้นของพระฯ ท่านย่อมทราบดีว่าถึงแม้กระทำไปด้วยความหวังดีแต่ก็เป็นกรรมที่ครบองค์  พระฯนั้นก็ต้องเสวยผลกรรมจากการฆ่าชายนั้นด้วย  ได้ทั้งบุญและบาป ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มีการบอกเล่าถึงพระโพธิสัตว์ที่ต้องลงนรก หรือเกิดมาเสวยชาติเป็นสัตว์เดรัจฉานมากมาย จากคุณ : ไข่เจียวว เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 55 23:13:47

ความคิดเห็นที่ 18 เวลาดู นางพญางูขาว ก็ขัดใจเหมือยกันครับ หลวงจีนฝ่าไห่  ทำไมต้องไปยุ่งเรื่องของคนอื่น  ^ ^ จากคุณ : กันดั้มตัวนี้สีชมพู เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 55 01:09:14