 |
ไม่ใช่แค่สมาธิจากการนั่งเท่านั้น ซึ่งสมาธิจากการนั่งเป็นแค่ส่วนน้อย
ไม่ถึงเศษเสี้ยวของสัมมาสมาธิอันมีเหตุ มีองค์ประกอบด้วยมรรคอีก ๗องค์
โดยมีสัมมาทิฏฐิ เป็นประทาน ทำความเห็นให้ถูกตรงก่อน รู้ดี-ชั่ว สัมมา - มิจฉา
ทำได้โดย ๑. ปรโตโฆสะ (ความได้สดับฟังสัจจะอื่น จากผู้รู้อื่นๆหรือบัณฑิตอื่น) ๒. โยนิโสมนสิการ (ปรับใจ ปฏิบัติกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ถ่องแท้ ให้หยั่งลงไปถึงแดนเกิดคือ..ใจ) (พระไตรปิฎกเล่ม ๑๒ ข้อ ๔๙๗) แล้วตามด้วย มรรคอีก สี่องค์ คือ ...ทุกเรื่องราวที่เราคิด(ให้เป็นสัมมาสังกัปปะ) สัมมาสังกัปปะ ๓ (ที่ยังเป็นสาสวะ อันเป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ) ๑. ความดำริออกจากกาม (เนกขัมมสังกัปโป) ๒. ดำริในความไม่พยาบาท (อพยาปาทสังกัปโป) ๓. ดำริในความไม่เบียดเบียน (อวิหิงสาสังกัปโป)(พระไตรปิฎกเล่ม๑๔ ข้อ๒๖๒)
...ทุกกิจที่เราทำ(ให้เป็นสัมมากัมมันตะ) สัมมากัมมันตะ ๓ (ที่ยังเป็นสาสวะ อันเป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ) ๑. งดเว้นจากปาณาติบาต (ปาณาติปาตา เวรมณี) ๒. งดเว้นจากอทินนาทาน (อทินนาทานา เวรมณี) ๓. งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร (กาเมสุมิจฉาจาราเวรมณี) (พระไตรปิฎกเล่ม ๑๔ ข้อ ๒๗๒)
...ทุกคำที่เรากล่าว(ให้เป็นสัมมาวาจา) สัมมาวาจา๔ (ที่ยังเป็นสาสวะ อันเป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ) ๑. งดเว้นจากการ พูดเท็จ (มุสาวาทา เวรมณี) ๒. งดเว้นจากการ พูดส่อเสียด (ปิสุณาย วาจาย เวรมณี) ๓. งดเว้นจากการ พูดคำหยาบ (ผรุสาย วาจาย เวรมณี) ๔. งดเว้นจากการ เจรจาเพ้อเจ้อ (สัมผัปปลาปา เวรมณี) (พระไตรปิฎกเล่ม ๑๔ ข้อ ๒๖๗)
...ทำงานอาชีพ(ให้เป็นสัมมาอาชีวะ) สัมมาอาชีวะ ๕(ที่ยังเป็นสาสวะ อันเป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ) ๑. งดเว้นจาก การโกง (กุหะนา) รวมถึงอาชีพบาปที่เป็นกายกรรมเช่นฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ๒. งดเว้นจาก การล่อลวง (ลปะนา) รวมอาชีพบาปที่ใช้วาจา ๓. งดเว้นจาก การตลบตะแลง (เนมิตตกะตา) พยายามทำดีได้แล้วแต่ยังไม่มั่นคงบางทีก็ยังเผลอทำ ผิดอีก ๔. งดเว้นจาก การยอมมอบตนในทางผิด (นิปเปสิกะตา) ตัวเองทำดีได้แล้ว แต่ยังอยู่ในบริษัทที่ยังผิดอยู่ ๕. งดเว้นจาก การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนะตา) ทำงานฟรีไม่มีค่าแรงตอบแทน (พระไตรปิฎก เล่ม ๑๔ ข้อ ๒๗๕)
ทำมรรคทั้ง ๔ ข้อที่กล่าวมาแล้วนั้น โดย ... มีจิตรับรู้ (สติสัมโพชฌงค์, สัมมาสติ) รู้ความคิด คำพูด การกระทำ และอาชีพ ของเรา ... ดูว่าควรหรือไม่ (ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์) ความเฟ็นธรรม เลือกว่าอะไร ถูกควร สัมมา หรือมิจฉา ... เพียรทำแต่สิ่งที่ดีๆ (วิริยะสัมโพชฌงค์, สัมมาวายามะ) สังวรปธาน ปหานปธาน ภาวนาปธาน อนุรักขนาปธาน ทำด้วยอิธิบาท ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
แล้วจะเกิด ผลเป็น ...ความอิ่มใจ(ปิติ) ความสงบ(ปัสสัทธิ) ความตั้งมั่น(สมาธิ) เห็นตามความเป็นจริง(อุเบกขา)
อย่างนี้ถึงจะเป็นสัมมาสมาธิ ตาม มหาจัตตารีสกสูตร ที่พระพุทธองค์ สอนให้ทำ
จากคุณ |
:
P2wichai
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ม.ค. 55 11:08:49
|
|
|
|
 |