|
เนื่องด้วย คห.๘๔, คห.๘๕ และ คห.๙๒
๐. ถือตัวถือตนว่าเป็นพุทธศาสนิกชนผู้มีบุญญาบารมีสูงส่ง...แต่กลับปฏิเสธและไม่เห็นความสำคัญของพระไตรปิฎก เชื่อมั่นถือมั่นในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน...เชื่อมั่นถือมั่นในสิ่งที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ผมว่า ข้อ ๑. ใน คห.๙๒ ของล็อกอิน venture มันก็พรูฟอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่าล็อกอิน venture ก็เป็นแค่ลิ่วล้อสาวกของนายไชยบูลย์ธรรมด๊าธรรมดา ไม่ได้วางตัวเป็นกลางอย่างที่ออกตัวเอาไว้แต่แรก (ถึงขั้นเชื่อมั่นถือมั่น "ฝันในฝันกลางวันเพ้อเจ้อของนายไชยูลย์" มากกว่า "พระไตรปิฎก" ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องให้แก้ตัวกันแล้วนะครับ)
๑. ต้องให้เน้นว่า...นายไชยบูลย์เคยฝันในฝันกลางวันเพ้อเจ้อถึงขั้น "ที่สุดแห่งธรรม...กำราบมารดำ...รื้อถอนวัฏฏะ...ยุติการเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสิ่ง...ฯลฯ" อย่างนั้นเหรอครับ...? ผมว่าล็อกอิน venture ก็น่าจะเคยได้สดับรับฟังฝันในฝันกลางวันเพ้อเจ้อประมาณนี้มาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ จะหมกเม็ดความวิปริตของนายไชยบูลย์ไปทำไมล่ะครับ...? หรือจะเพราะว่ามันขัดกับพุทธวจนะอย่างชัดเจนมากเกินไปซะจนไม่รู้ว่าจะไถลเถลือกไปทางไหนได้อีก ก็แน่ล่ะนะครับ...ว่าทั้งที่มีพุทธวจนะ "สังสารวัฏนี้หาเบื้องต้นเบื้องหลายไม่ได้" อยู่แล้ว...แต่ว่านายไชยบูลย์ก็ยังจะเพ้อเจ้อว่า "รื้อถอนวัฏฏะ...กำราบมารกำ...ยุติการเวียนว่ายตายเกิด...ฯลฯ" ซึ่งขัดกับพุทธวจนะอย่างชัดเจน (เบื้องต้นสามารถพิสูจน์ได้ตามลิงค์อ้างอิง)
อ้างอิง: วารสาร(ติดแหง็ก)อยู่ในบุญ อ้างอิง(แค็ปภาพ): [IMG]http://i589.photobucket.com/albums/ss332/nitisama/dmc_001.png[/IMG] อ้างอิง(ต้นทาง): http://www.kalyanamitra.org/u-ni-boon/main/index.php?option=com_content&task=view&id=64&Itemid=4
๒. "พระพุทธเจ้าภาคโปรดภาคปราบภาคดำภาคขาว" อย่ามั่วนิ่มสิครับ...ล็อกอิน venture นายไชยบูลย์เค้าไม่ได้เพ้อเจ้อเอาไว้แค่นะครับ...นายไชยบูลย์เค้าเพ้อเจ้อเอาไว้อย่างหน้าไม่อายกว่านั้นเยอะแยะ ว่าพระพุทธเจ้าที่เป็นตัวเป็นตนเป็นองค์พระใสบ้างหละขุ่นบ้างหละ...มีหลายภาคบ้างหละ...ไม่ถูกกันบ้างหละ...แบ่งก๊กแบ่งเหล่าบ้างหละ...แบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายบ้างหละ (เบื้องต้นสามารถพิสูจน์ได้ตามลิงค์อ้างอิง) ล็อกอิน venture จะหมกเม็ดฝันในฝันกลางวันเพ้อเจ้อเหล่านี้ไปทำไมเหรอครับ...? เข้าใจตีความได้ไถลเถลือกดีนะครับ...นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงการปรามาสพระพุทธเจ้าว่าเป็น "พันธุ์หนีวัฏฏะ" แล้วมายกหูชูหางตัวเองว่าเป็น "พันธุ์รื้อวัฏฏะ" นะครับ...ล็อกอิน venture เวลาจะกล่าวอะไรก็ตาม...เอาให้มันครอบมันคลุมหน่อยสิครับ ไม่ใช่ว่าแค่เขี่ยๆนิดหน่อยแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
อ้างอิง: เจ็บกระดองใจ (หัวข้อบ้าบออะไรก็ไม่รู้...?) อ้างอิง(แค็ปภาพ): [IMG]http://i589.photobucket.com/albums/ss332/nitisama/dmc_002.png[/IMG] อ้างอิง(ต้นทาง): http://www.dmc.tv/page_print.php?p=casestudy/2549-05-29.html * ผู้หญิงคนที่เขียนบทความในลิงค์อ้างอิง...มันชัดเจนนะครับว่าเค้ามีความคิดเอนเอียงไปในทางที่ว่า "พันธุ์รื้อวัฏฏะ" สูงส่งกว่า "พันธุ์หนีวัฏฏะ" ซึ่งมันก็เป็นไปตาม "เจตนาซ่อนเร้น" ของนายไชยบูลย์นั้นแหละครับ
๓. ตกลงว่าอะไรเป็นฐานของอะไร...อะไรเป็นสับเซตของอะไร เอาให้แน่ซักทางสิครับ...? หรือถ้าจะให้ดีก็ช่วยเอาให้แน่ด้วยว่าการธรรมพระอรหัตต์ละเอียดนั้นojt...จริงๆแล้วกว้าง/ยาวเท่าไหร่กันcoj นะครับ...กล่าวอ้างลอยลอยว่าสูญหาย อย่างนั้นเหรอครับ...? ถามจริงจริงนะครับ...? ว่าถ้าหากว่าวิ(ช)ชาธรรมกายเป็นวิ(ช)ชาที่สำคัญและเป็นวิ(ช)ชาที่ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้จริงจริง ถามจริงจริงอีกทีนะครับ...ว่า "มันพ้นหูพ้นตาพ้นสมองส่วนซิริบรัมของคณะสงฆ์ที่เป็นผู้สังคายนามาได้อย่างไร...?" จริงมั้ย...? ด้วยคอมม่อนเซนส์นะครับ...ว่า "จากการที่วิ(ช)ชาธรรมกายไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก...นั้นก็เพราะว่าวิ(ช)ชาธรรมกายไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้วตั้งแต่แรก อีกทั้งก็ยังไม่ใช่วิ(ช)ชาที่ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้อย่างที่กล่าวอ้าง" ( * สำหรับวิ(ช)ชาที่ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสรู้...ผมคลับคล้ายคลับตลานะว่าให้ลองไปศึกษา "อานาปานสติสูตร" ดู๊ดู)
โดยสรุป: ด้วยเหตุด้วยผลแล้ว...สำนักพระธรรมกายวิปริตออกไปจากพระพุทธศาสนาเนื้อแท้อย่างหาที่สุดมิได้เลยล่ะครับ ถามจริงจริงอีกครานะครับ...ว่า อริยสัจ ๔, อานาปานสติสมาธิ, อิทัปปัจยตา, ปฏิจสมุปบาท, โสดาปัตติมรรค, ฯลฯ สำนักพระธรรมกายให้ความสำคัญกับ "แก่นพระพุทธศาสนา" เหล่านี้แค่ไหนอย่างไร...?
สุดท้าย...ขอชี้แจงนะครับ: - อานิสงส์ของการทำทาน...มีอยู่ในพระพุทธศาสนา แต่...พระพุทธศาสนาก็ยังเน้นย้ำลงไปให้ลึกกว่านั้นว่า "อย่ายึดติดและหลงใหลในอานิสงส์แห่งทาน" แต่...จงให้ทานนั้นๆเป็นเครื่องมือในการลดความยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเราว่าของเราให้ลดลง (ซึ่งสำนักพระธรรมกายกลับสอนไปในทางที่ตรงข้ามกันอย่างชัดเจน คือ บุญของฉัน...บารมีของฉัน สวรรค์ของฉัน...ดุสิตบุรีของฉัน ฯลฯ ของฉัน) - การกลับมาเกิดอีก...ณ ปัจจุบันนี้ ก็มีอยู่ในพระพุทธศาสนาจริงๆ (เน้นย้ำว่า "ณ ปัจจุบันนี้") "แต่" ผมเดาว่าล็อกอิน venture น่าจะยังบอบบางกับ "ปฏิจมุปบาท" นะครับ...ถึงได้เข้าใจคำว่า "ชาติ" และ "ภพ" ได้ "ผิดเพี้ยน" ออกไปจากความหมายดั้งเดิมของมัน (ลองไปศึกษา "ปฏิจมุปบาท" ดู๊ดูนะครับ...แล้วล็อกอิน venture จะได้รู้ว่า "การเกิด" ในทางพระพุทธศาสนานั้นน่ะ จริงๆแล้วมันวิจิตรกว่าฝันในฝันกลางวันเพ้อเจ้อของนายไชยบูลย์อยู่หลายชั้นบรรยากาศเลยล่ะครับ) - แล้วก็สุดท้าย...สำหรับใครต่อใครที่ยังคิดว่าตัวเอง "อ่อน" เกินกว่าที่จะสำเร็จมรรคผลนิพพานในชาตินี้...ก็เลยต้องไปเดินทางแนวทางของนายไชยบูลย์ต้อยต้อย ด้วยว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี๊ดี...กลั๊วกลัวสังสารวัฏจังเลย ผมก็ขอปรามาสใครต่อใครทั้งหลายเหล่านั้นเอาไว้เลยนะครับ...ว่า "โง่" นะครับ...ว่า "โง่" ที่ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงตระเตรียมยาดีเอาไว้ให้กับใครต่อใครประเภทนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้วมาตั้ง ๒,๕๐๐ กว่าปี นั้นก็คือ "โสดาปัตติมรรค" ไงครับ...ที่มี System Require หลักๆก็แค่ ๑. ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ และ ๒. ได้ยลพระพุทธศาสนา(ของจริง) ก็พอ...นะครับ สำหรับใครต่อใครที่คิดว่าตัวเองยัง "อ่อน" อยู่...ก็ลองไปศึกษาเพิ่มเติมดู๊ดู เพราะว่ามันเป็นเส้นทางที่แน่นอนของพระพุทธเจ้า...ที่มีอยู่แล้ว ที่ปลอดภัย...ที่ไร้กังวล แล้วไหนเลยจะต้องไปหลงใหลได้ปลื้มกับฝันในฝันกลางวันเพ้อเจ้อของใครที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ได้มีหลักประกันอะไรเลยแม้แต่น้อย...เลื่อนลอย ไร้...สาระ
จากคุณ |
:
นักศึกษาธรรมมะฝึกหัด (Arltenis)
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ม.ค. 55 22:20:11
|
|
|
|
|