 |
ตอบได้หลายกรณี
-----------------------------------------------------------------
๑
ถ้าเจริญกุศลธรรมจนบรรลุอรหัตตมรรค และเข้าถึงนิพพานได้ในภพชาตินั้น อปราปริยเวทนียกรรม ที่จะให้ผลในภพที่ ๓ เป็นต้นไป ก็ย่อมหมดโอกาสส่งผล และถือเป็นอโหสิกรรมไป
-----------------------------------------------------------------
๒
เมื่อยังไม่ใช่พระอรหันต์
โดยทั่วไป อปราปริยเวทนียกรรมนี้เมื่อมีโอกาสส่งผลแล้ว ย่อมส่งผลได้เรื่อยๆไป ไม่มีการเป็นอโหสิกรรมจนกว่าผู้นั้นจะเข้าสู่พระนิพพานจึงจะเป็นอโหสิกรรม สมดังที่ท่านอรรถกถาจารย์แสดงไว้ในอังคุตตรอรรถกถา และมัชฌิมปัณณาสกอรรถกถาว่า
อุภินฺนํ อนฺตเร ปญฺจชวนเจตนา อปราปริยาย เวทนียกมฺมํ นาม ตํ อนาคเต ยทา โอกาสํ ลภติ, ตทา วิปากํ เทติ, สติ สํสารปวตฺติยา อโหสิกมฺมํ นาม น โหติ
ชวนเจตนา ดวงที่ตั้งอยู่ในท่ามกลางชวนะดวงที่ ๑ และดวงที่ ๗ ชื่อว่าอปราปริยาเวทนียกรรม กรรมชนิดนี้เมื่อ เวลาใดในอนาคตกาลได้มีโอกาสแล้ว เวลานั้นย่อมส่งผล เมื่อ ภวจักรของผู้นั้นยังวนเวียนอยู่ กรรมนี้จะได้ชื่อว่าอโหสิกรรมนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
----------------------------------------------------------------------
๓
เมื่อยังไม่ใช่พระอรหันต์
การที่จะทำให้ อกุศลอปราปริยเวทนียกรรม เป็นอโหสิกรรมไปได้นั้น
ก็ยังอาจจะมีวิธีอยู่บ้าง ใน มหาอภิธัมมัตถสังคหฎีกา แสดงไว้ว่า
อกุศลอปราปริยเวทนียกรรมที่จะเป็นอโหสิกรรมไปได้นั้น ก็ต้องเกี่ยวกับบุคคลผู้เป็นเจ้าของการกระทำนั้น ต้องถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ ๕ อย่าง ทุกๆชาตินับตั้งแต่ชาติที่ ๑ เป็นต้นไป กล่าวคือผู้นั้นต้องมี
ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา - การเป็นผู้สร้างสมกุศลไว้แต่ปางก่อนอย่างหนึ่ง สปฺปุริสูปนิสฺสย - การได้คบหาสมาคมกับพวกสัปบุรุษอย่างหนึ่ง สทฺธมฺมสวน - การได้ฟังพระสัทธรรมอย่างหนึ่ง อตฺตสมฺมาปณิธิ - การตั้งตนไว้ในทางที่ถูกอย่างหนึ่ง
ถ้าเป็นไปได้ดังกล่าวมานี้แล้ว ก็สามารถทำให้อกุศลปราปริยเวทนียกรรมกลายเป็นอโหสิกรรมไปได้
ในการที่จะทำตนให้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ ๕ อย่างทุกๆชาติ ได้นั้น มีความสำคัญอยู่ที่การกระทำในภพนี้ กล่าวคือ
จะต้องประพฤติตนให้เป็นผู้ที่อยู่ในศีลธรรม มีการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา อยู่เสมอ แล้วตั้งความปรารถนาไว้ว่า "ขอให้การบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้านี้ จงเป็นอุปนิสัยปัจจัยไปทุกๆชาติด้วย" ประการหนึ่ง
มีความพอใจอยู่ในสถานที่ที่ประกอบด้วยศีลธรรม และตั้งความปรารถนาว่า "ขอให้ได้เกิดอยู่ในสถานที่ที่ประกอบด้วยศีลธรรมทุกๆ ชาติไป" ประการหนึ่ง
ในการสมาคมต้องไม่เกลือกกลั้วกับคนพาล พยายามคบหาสมาคมกับผู้มีความรู้ และมีศีลธรรม และตั้งความปรารถนาว่า "ขอให้ได้พบกับพวกสัปบุรุษทุกๆชาติไป" ประการหนึ่ง
ต้องสนใจฟังและศึกษาในธรรมะที่มีประโยชน์และถูกต้อง กับทั้งตั้งความปรารถนาว่า "ด้วยอำนาจแห่งการฟังการศึกษาธรรมะของข้าพเจ้านี้ ขอจงเป็นพลวปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้โอกาสฟัง และเรียนธรรมะได้ถูกต้องทุกๆชาติไป" ประการหนึ่ง
มีการรักษากาย วาจา ใจ ของตนให้เป็นไปในทางสุจริตอยู่เสมอ และตั้งความปรารถนาว่า "ด้วยอำนาจแห่งการที่ข้าพเจ้าได้ประพฤติกาย วาจา ใจ ในทางสุจริตนี้ ขอจงเป็นอุปนิสัยปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม และได้ประพฤติอยู่แต่ในทางสุจริตทุกๆชาติไป" ประการหนึ่ง
การปฏิบัติที่ทำให้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ ๕ อย่างดังกล่าวมานี้ เมื่อผู้ใดประพฤติเป็นไปได้ครบถ้วยโดยอาศัยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา อย่างแก่กล้าแล้ว ก็อาจสามารถทำให้ผู้นั้นได้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติ ๕ อย่าง ในภพต่อๆไปได้ทุกๆชาติ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน
และเมื่อเป็นเช่นนี้อกุศลอปราปริยเวทนียกรรมนั้นก็ไม่มีโอกาสที่จะส่งผลได้ กลายเป็นอโหสิกรรมไป
แต่แนวทางที่กล่าวมานี้ไม่ใช่จะเป็นไปได้โดยแน่นอน และบุคคลที่จะประพฤติปฏิบัติให้เป็นไปได้โดยสมบูรณ์ดังกล่าวนั้น ก็หาได้ยากนอกจากจะเป็นบุคคลที่มีบารมีแก่กล้าเท่านั้น จึงจะกระทำให้สำเร็จลงไปได้
จากคุณ |
:
ชาวมหาวิหาร
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ม.ค. 55 15:55:12
|
|
|
|
 |