Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เล่าเรื่องการปฏิบัติ ติดต่อทีมงาน

วันนี้ตอนเช้าได้ตื่นมาตอน 6 โมงครึ่ง หลังจากเมื่อคืนตรากตรำคิดงานอยู่เกือบตี1 และเมื่อวานไปพบครูบาน้อยที่บ้านเพื่อนแม่ ได้อยู่และคุยกับท่านและมีโอกาสถามเรื่องการฝึกกสิณ ท่านบอกว่าเราสามารถฝึกได้และท่านมีความรู้สึกว่าเราควรเริ่มที่กสิณดินก่อน เล่าเรื่องเมื่อวานตอนเช้าซักนิดหนึ่ง รู้สึกว่าการฝึกสมาธิเมื่อวานเช้าดีมากโดยสามารถคุมจิตให้ว่างจากอารมณ์ฟุ้งได้ดีกว่าทุกวัน โดยนั่งประมาณ 30 นาที ก็นอนจับลมหายใจและนับประคำต่อก็คุมจิตไว้ได้ดีกว่าทุกวัน โดยไม่ต้องบังคับจิต กลับมานั่งใหม่อีกราว 30 นาที พร้อมกับฟังธรรมะเกี่ยวกับ โพชฌงค์7 ในมหาสติปัฏฐานสูตร ทำให้เข้าใจหลักการปฏิบัติมากขึ้น ลองเช็คจากการเดินจงกรมและนับลูกประคำก็สามารถคุมจิตให้ราบเรียบได้ดี

กลับมาที่การนั่งสมาธิเมื่อเช้า รู้สึกว่าร่างกายโรยน้อยกว่าที่คาด แต่จิตมีอาการส่าย จากการนับลมและตามลมในระยะแรก เลยเริ่มบังคับจิต ปรากฏว่าสามารถคุมนิวรณ์ได้ดี ก็เริ่มคลายการเพ่ง รู้สึกว่าจิตเริ่มราบเรียบ ซัก 30 นาที เลยเปลี่ยนเป็นท่านอนนับลมหายใจท่าตะแคงก็ทำได้ดีพอใช้ จากนั้นก็ตรวจเช็คสติด้วยการเดินจงกรมนับลูกประคำ รู้สึกว่าสามารถคุมการนับค่อนข้างง่าย

มีเรื่องหนึ่งที่สงสัยอยู่ในใจคือหลายครั้งที่เหมือนร่างกายทำท่าจะป่วยแต่ไม่ป่วย แต่กลับมีอาการทางกายออกมาเช่น คราวหนึ่งเหมือนจะเป็นหวัดแต่พอจับลมคุมหายใจเมื่อรู้สึกกายเย็นสบายก็ไม่เกิดอาการป่วยแต่อย่างใด หรือบางคราวไปทานอะไรที่มีเหตุให้ท้องน่าจะปั่นป่วน แต่พอมานั่งสมาธิ จิตกลับอยากถ่ายออกมาแต่พอถ่ายออกมาแล้วจากนั้นก็ไม่เป็นอะไรอีกเหมือนปรกติ บางคราวดื่มน้ำชานมเย็นแก้วใหญ่ที่ไปซื้อที่มินิมาร์ทก่อนนอน พอไปนั่งสมาธิกลับมีเหงื่อไหลออกมาตลอดเวลา ทั้งๆที่จิตก็ยังมีสมาธิพอควร (ปรกติร่างกายจะเย็นสบายและไม่มีเหงื่อ) ล่าสุดทำงานดึก คิดงานตึงเครียดเหมือนจะเป็นโรคกระเพาะ แต่พอระหว่างจิตที่คุมลมหายใจอยู่ ร่างกายมันอยากเรอลมออกตลอด และจำนวนมากเวลานาน จนพอลมในท้องออกหมดก็ไม่มีอาการโรคกระเพาะอีกเลย

เช้าวันนี้เลยโทรไปคุยกับอาจารย์ที่นับถือเรื่องแนวทางการปฏิบัติ ท่านบอกว่าเมื่อทำสมาธิถูกวิธีและก้าวหน้าขึ้น ตัวสมาธิสามารถคุมกายให้ปรับธาตุโดยอัตโนมัติ ตัวท่านก็เป็นบ่อย เมื่อจิตที่ฝึกสมาธิได้ดีในระดับหนึ่ง จิตจะรับรู้สิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายและทำการขับออกโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง แตกต่างจากคนที่ไม่ฝึกสมาธิจะรับสิ่งแปลกปลอมและสะสมไว้ในร่างกาย ทำให้คนที่ฝึกสมาธิจะไม่ป่วยง่ายและไม่แก่เร็ว หน้าตาจะสดชื่น เพราะนอนหลับสนิท และถ้าฝึกจิตถึงขั้นสูงขึ้นจะสามารถคุมจิตให้รู้ว่าอะไรสามารถกินแล้วทำให้ธาตุในร่างกายมีความสมดุลอยู่เสมอ ท่านบอกว่าการฝึกที่ทำอยู่ถูกทางแล้วและควรรักษาฐานสมาธิไว้เรื่อย จิตจะเรียนรู้และพัฒนาต่อไป องค์ฌานก็จะเกิดได้เอง

อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวการฝึกกสิณ ท่านก็บอกว่าการฝึกกสิณความจริงแล้วสามารถทำได้ทุกคน โดยสามารถฝึกกสิณดินไปก่อนเพราะง่ายสุดเหมือนตามที่ครูบาน้อยบอก แต่มีเทคนิคคือการเพ่งอะไรก็ตามให้ใจเราเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในธาตุนั้น อย่างเช่นเมื่อเพ่งดิน ก็อธิษฐานขอให้เราเป็นส่วนหนึ่งของดินหรือพระแม่ธรณี หรือขอบารมีจากพระแม่ธรณี จนให้เรารู้สึกว่าตัวเรามีความหนักแน่น แข็งเหมือนดิน หรือเพ่งไฟให้เรารู้สึกว่าตัวเราเหมือนเป็นไฟ มีความร้อนจากร่างกายเราเอง และเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งในองค์ธาตุนั้นๆแล้ว และเกิดอุคหนิมิตขึ้นเราจะสามารถบังคับให้ก้อนดินใหญ่หรือเล็กได้ จนในที่สุดเกิดปฏิภาคนิมิตนั่นเอง

การฝึกสมาธิหากฝึกผิดวิธีความก้าวหน้าจะช้ามากหรือไม่มีเลย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเพียร ความเข้าใจ โดยให้ยึดถือหลักอิทธิบาท4 จรณะ15 และ บารมี10 เพื่อให้จิตมีการพัฒนา ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยานว่าไว้ และที่สำคัญให้เตรียมพร้อมไว้กับบททดสอบที่จะมีมาเรื่อยๆตามการพัฒนาของกำลังจิต ซึ่งหากผ่านไม่ได้ในบททดสอบใดบททดสอบหนึ่งๆ ก็จะทำให้หยุดการพัฒนาหรือล้มกระดานเลิกฝึกกันไปเลย

แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 55 15:29:08

จากคุณ : คนรักน้ำมัน
เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 55 15:05:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com