ความคิดเห็นที่ 2 เจาะข่าวเด่น ก็ให้ข่าวเด่นไป.... สาธุ ธรรมวินัย มีไว้ปฎิบัติ ไม่ใช่มีไว้บิดเบือน จากคุณ : note2you เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 03:13:53

ความคิดเห็นที่ 3 สรยุทธ ลงจริง อะไรจริง  ท้ามาถึงที่ ก็ลง ถึงที่เหมือนกัน จากคุณ : ramai เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 09:21:23

ความคิดเห็นที่ 4 สรยุทธงานนี้ก็ดูจะเกร็งๆ อยู่มาก  ไม่ค่อยกล้ายิงคำถามแรงๆ เหมือนก่อน จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 09:25:10

ความคิดเห็นที่ 5 พระอิคคิวซังเมืองไทย จากคุณ : นักฆ่าดาบเดียว เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 09:30:48

ความคิดเห็นที่ 6 ผิดหลักการในพระพุทธศาสนาครับ ธรรมะที่เกี่ยวข้องจาก อภัยราชกุมารสูตร (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓) ตถาคต... ย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง วาจาที่แท้ และประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ตถาคตไม่กล่าววาจานั้น อนึ่ง ตถาคตย่อมรู้วาจาที่จริง ที่แท้ และประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น ในข้อนั้น ตถาคตย่อมรู้กาลที่จะพยากรณ์วาจานั้น ผิดหลักการแต่แรกแล้วก็เลยไม่ฟังต่อ จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 09:36:58

ความคิดเห็นที่ 7 "เฉพาะเรื่องการรับเงิน" ผมเห็นด้วยว่าพระเกษมพูดถูก แต่ก็อีกแหละ......................ทำกันจน "ขาดเงินไม่ได้" ทำไมต้องมีเงิน..?  เพราะเอาไว้ซื้อตำแหน่ง เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค... มันคือเรื่องจริง เพราะอย่างนี้เวลาจะทำบุญสร้างอะไรๆ ราคามันถึงแพงเวอร์ไง เพราะต้องยักเงินส่วนหนึ่งเพื่อทำกิจการส่วนตัว      .... อย่างนี้เรียก ขโมยป่ะ... จากคุณ : ~หูว เสี่ยวผิง~ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 11:14:30

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ KOB ON KALA ขอรับ ดัชว่า พระพุทธเจ้าท่านตรัสหมายถึงตัวพระตถาคตเองครับหลวงพ่อเกษมไม่ใช่พระพุทธเจ้าครับอย่าเอาไปเทียบกันบารมีอนุสัยสะสมมาต่างกัน ครับ แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 55 11:20:06 จากคุณ : powerinvincible เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 11:14:56

ความคิดเห็นที่ 9 ท่านก็พูดถึงคนบางกลุ่ม ซึ่งก็มีอยู่จริง ที่ต่างจังหวัดมีเยอะ ออกมาเรี่ยไรว่าเป็นเรื่องปกติ รณรงค์ให้ความรู้กับชาวพุทธก็ดี จะได้ไม่เป็นแรงเสริม คนทำก็จะได้เกิดความละอาย ถ้าแยกออกไปเลย เช่น พระที่เดินถือซองออกมาแจก ประกาศให้ทราบทุกคนว่าผิด ญาติโยมที่เดินถือซองข้ามจังหวัด ข้ามตำบล ไม่มีใครรู้จัก บอกให้รู้ว่าเข้าใจผิด ไม่ใช่การบอกบุญ หากแต่เป็นขอทาน ใครจะให้ก็ให้ เมื่อก่อนรณรงค์ไม่ให้เงินขอทาน ตอนนี้ไม่มีคนไทยเป็นขอทาน มีพระ2รูปมายืนหน้าบ้าน บอกว่า "จะบอกบุญให้นะ ว่าจะไปกินข้าวเหนียวส้มตำ ที่ร้าน..."(เดินไป 15 กม.) ท่านก็นุ่งห่มเรียบร้อยดี ก็คิดว่าจะหาอะไรให้ท่านทานที่นี่แหละ แต่ท่านว่ารอไม่ได้จะไปต่อแล้ว จะไปกินข้าวเหนียวส้มตำ ก็เลยเออตามวาสนาละกัน ถวายน้ำ ไม่ได้ให้เงินท่านหรอก เพราะรู้ว่าผิดวินัย ท่านต้องไปปลงอาบัติ จากคุณ : nokbin เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 11:25:39

ความคิดเห็นที่ 10 ได้ออกทีวีสมใจแล้วนะท่าน  ดัง  ให้ได้นะท่าน  ไม่อยากดังแล้วออกยูทูปออกทีวีทำไม แบกคำภีร์หนักมากก็หัดปล่อยวางบ้างนะ จากคุณ : กะป๋องทอง เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 12:06:00

ความคิดเห็นที่ 11 ธรรมวินัย มีไว้ปฎิบัติ ไม่ใช่มีไว้บิดเบือน จากคุณ : note2you เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 12:16:43

ความคิดเห็นที่ 13 ธรรมวินัย มีไว้ปฎิบัติ ไม่ใช่มีไว้บิดเบือน จากคุณ : note2you เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 12:17:51

ความคิดเห็นที่ 14 คห.ส่วนตัว ถ้าไม่เพ่งไปที่พฤติกรรมโผงผาง พูดเสียงดัง แต่ฟังที่เนื้อหาก็ถูกอยู่นะไม่ได้ผิดเพี้ยนสร้างลัทธิใหม่ แต่อาจตรงเกินไปสำหรับสมัยนี้ ยอมรับว่าตอนนี้เพลียกับวัตถุ รูปเคารพ ตึกก่อสร้าง ซองผ้าป่า จนหาวัดที่เรียบง่าย สงบๆไม่ค่อยได้ซะแล้ว จุดกระแสแรงๆให้ตื่นตัวกันบ้างก็ดี แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 55 12:54:45 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 55 12:53:49 จากคุณ : ตุ๊ดตู่ โอ้เย เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 12:49:50

ความคิดเห็นที่ 15 มีความเห็นว่าพระเกษมเป็นพระที่ไม่น่าเคารพสักการะไม่ สำรวม ไม่นับถือคนอื่น เชื่อความคิดตัวเองว่าถูกต้อง ไม่เคารพผู้อาวุโส ระวังจะต้องปราชิก เนื่องจากทำให้เกิด สังฆเภท ทำให้พระสงฆ์แตกกัน พระพุทธรูปมีการสร้าง มาแต่โบราณ เป็นสัญลักษณ์ให้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า นี่มาเหยียบย่ำทำร้ายจิตใจผู้พบเห็น อยู่ใกล้ๆจะว่า ให้เจ็บ อาศัยผ้าเหลืองหากิน จากคุณ : wiriya60 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 13:00:02

ความคิดเห็นที่ 16 ที่ดิน 3000 ไร่  ไม่เคยมีใครถวาย ไม่เคยแจ้งทางการ  ถึงจะดูแลก็ส่วนดูแล แต่พระไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาอะไร  ไปเป็นของตัว  ถ้าไม่มีคนถวาย แม้แต่น้ำและอาหารยังต้องประเคน  เพื่อหลีกเลี่ยงปราชิก แล้วจะต้องให้เขาเรียกร้องจนถึงที่สุดจะคืนให้  ก็เขาจะเอา ก็ต้องให้เขาไป  ไม่ใช่ของเรา  อุตส่าห์ไม่ยึดติดเงินทอง (แบบสุดโต่ง) แต่มายึดที่ดิน  ถ้าเขาชนะท่านก็ปราชิกนะซิ ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าที่ดินมากขนาดนี้  เป็นของท่านโดยถูกต้อง ในขณะที่ไม่มีการซื้อขายใดๆ  ไม่มีใครยกถวายให้ท่าน อทินนาทานนั้น  มีองค์  ๕  คือ           ๑.   ปรปริคฺคหิตํ  ของที่เจ้าของหวงแหน  / รัฐบาลทวงคืน           ๒.   ปรปริคฺคหิตสญฺญิตา    รู้อยู่ว่า  เป็นของที่เจ้าของหวงแหน / รู้ว่าตนเอง                                              ไม่เคยขอจากทางการ พูดด้วยตนเอง           ๓.   เถยฺยจิตฺตํ  จิตคิดลัก / จะคืนให้เมื่อถึงที่สุดถึงจะคืน                                               ต้องรอให้เขาฟ้องถึงที่สุด           ๔.   อุปกฺกโม  พยายามลัก / มีความพยายาปลูกสิ่งก่อสร้างในที่ดินที่มีปัญหา           ๕.   เตน  หรณํ  ลักมาได้ด้วยความพยายามนั้น / ได้ที่ดินมาและบอกว่าอยู่                                                                             อย่างสบาย จุ้ย ท้าเถรสมาคม ภิกษุปราชิก   มี๔ อย่าง คือ เสพเมถุน ลักของเขา ฆ่ามนุษย์ อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตน รู้สึกว่ามีจิตคิดจะได้  เต็มอัตรา  แค่ทำของให้เคลื่อนจากฐาน  โยกย้าย เพราะอยากจะได้  ก็ปราชิกแล้ว  นี่ต้องให้เขาแจกแจงตามกฏหมายไปถึงไหน ไม่ใช่ของท่าน  ท่านจะเถียงเอาถูกหรือ ในทันทีที่ท่านสู้คดี  ถ้าศาลตัดสินว่า ที่ดินนั้นเป็นของรัฐบาลและท่านบุกรุก  ถึงท่านจะจำใจ จำยอมอย่างเสียมิได้คืนให้ แต่ตัวท่านนี้  ต้องอาบัติปราชิกไปด้วยองค์แห่งการลักทรัพย์เรียบร้อย ความจริงแล้วต่อให้ไม่มีศาล  แต่มีความจริงท่านก็ปราชิกตั้งแต่ท่านทำอยู่แล้ว เพียงแต่ศาลช่วยยืนยันทางโลกว่าท่านโขมยไปจริงจริ๊งงงงงงง  เท่านั้น ถ้าเช่นนั้น  ชาวบ้านใครก็ได้ไปปลูกป่าแล้วยึดเป็นของตนซะ  อยู่อย่างสบาย ก็ถือว่าไม่ผิดด้วยเช่นกัน  ศีลข้อ 2 หมองเศร้าเหลือเกิน ก่อนท่านจะไม่จับเงิน หวังว่าท่านจะรักษาปราชิกของตนให้ได้เสียก่อน  ก่อนที่จะสอนผู้อื่น จงสอนตนเองให้ได้เสียก่อน  มิเช่นนั้น  ท่านเป็นเป็นแค่บุรุษเพศชาย มหาโจรในพระพุทธศาสนา  อย่างน่าละอาย  อย่าหวังมรรค ผล นิพพาน อย่างหวังพระวินัย 227 จงรักษาศีล 5 ให้ได้เสียก่อน  นั้นจึงเรียกว่าผู้มีศีล เจริญในธรรม  สำหรับท่านผู้อยู่ในธรรม  ซึ่งไม่มีในบุคลลต้นเรื่องในกระทู้นี้ จากคุณ : goodsthailand เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 13:17:07

ความคิดเห็นที่ 17 สวดยอดอ่ะ พระคนนี้ จากคุณ : มหาบุรุษแห่งกรุงสยาม เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 15:01:59

ความคิดเห็นที่ 18 ดูแล้วมีทั้งถูกและผิดประปนกัน แนวคิดโอเค การกระทำก็โลดโผนหน่อย แต่เรื่องไหว้พระนี่จริงๆนะชอบมีคนบังคับให้คนอื่นไหว้พระพุทธรูป ทั้งๆที่คนบังคับงมงายอยู่แต่เรื่องศรัทธาและบูชา และขอสิ่งต่างๆ หาได้นำ คำสอนที่แท้จริงไปปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเลย และเรื่องเครื่องลางของขลัง พระเครื่อง ราคาเป็นล้าน เป็นแสน เป็นหมื่น ก็พยายามหามาสะสมไว้ เห็นแล้วสมเพช จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 15:12:28

ความคิดเห็นที่ 19 พระจับเงิน ก็อาบัติข้อจับเงิน ปลงอาบัติแล้ว ดำรงความเป็นพระต่อไป เหมือนพระเกษม แสดงอาบัติคะนองมือคะนองเท้า แล้วผ่อนปรนให้ตัวเองว่า เพื่อความไม่อยากดัง แล้วก็เป็นพระต่อไป การที่พระเกษมไปตัดสินพระทั่วประเทศว่า จับเงิน แล้วไม่ใช่พระนั้น นับเป็นการทำสังฆเภทอย่างหนึ่ง เพราะพระที่จับเงิน ปลงอาบัติก่อน แล้วเลิกจับเงิน ก็พ้นจากอาบัติ ยังไปสวรรค์ และนิพพานได้อยู่ จากคุณ : AkALiKo23 เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 15:32:10

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดของท่านหลายๆ เรื่องก็ดีอยู่ แต่บางเรื่องก็ดูจะแปลกๆ เช่นบอกว่า เชื้อโรคมีวิญญาณ ฆ่าเชื้อโรคตาย ต้องแผ่เมตตาให้เชื้อโรค แบบนี้พระก็อาบัติปาจิตตีย์หมด เวลาอาบน้ำชำระร่างกาย หรือทำความสะอาดเสนาสนะ เพราะทำเชื้อโรคตาย คนธรรมดา ก็ไม่มีทางรักษาศีล 5 ได้เลย ข้อฆ่าสัตว์นี่ผิดหมด แล้วที่แปลกจนเกินยอมรับได้ก็มีหลายเรื่อง เช่น เรื่องให้ทำลายพระพุทธรูปทิ้ง หรือที่บอกว่า ทำบุญผ้าป่าทองคำช่วยชาติกับหลวงตามหาบัว ไม่ได้บุญแต่ได้บาป เป็นต้น จากคุณ : McLeod เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 16:11:19

ความคิดเห็นที่ 21 คห. 8 ครับ สิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสเพื่อให้เป็นอนุสติ ตัวอย่างให้กระทำ    "เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก" สามัญชนทั่วไปก็สามารถทำได้เพียงรักษา กาย วาจา ใจ ของตนเองให้สงบ ระงับ ดุจคำว่า สมณะ เท่านั้น จากคุณ : KOB ON KALA เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 16:16:38

ความคิดเห็นที่ 22 สงสัยเรื่องนอมินี่ถือเงิน อย่างเดียว   อย่างอื่นเห็นด้วยกับพระ จากคุณ : แปดเทพอสูร เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 17:23:39

ความคิดเห็นที่ 23 ฝากบรรดาญาติโยม อ่านกระทู้นี้ประกอบด้วย http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11627530/Y11627530.html จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 17:28:27

ความคิดเห็นที่ 24 พระท่านน่านับถือ คล้ายๆการตั้งกระทู้พลีชีพนั่นแหละ ยอมให้ตัวเองถูกโจมตี เพื่อให้ความจริงปรากฏ จะติงได้ก็เพียงท่านน่าจะละโทสะและทิฏฐิไป แต่ก็อีกนั่นแหละ ถือว่าท่านเสียสละมาก เสียสละความสงบสุขส่วนตนไป จากคุณ : transformation (TRANSFORMATION) เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 19:43:38

ความคิดเห็นที่ 25 ขอเตือนผู้ที่ปรามาสท่านโดยที่ไม่ศึกษาข้อมูลในพระไตรปิฏก หรือเคยเห็นแต่กริยาที่ออกข่าว ท่านจงตรองให้หนักก่อนนะครับ อย่าเพิ่งตัดสินจากผิวนอกที่ท่านเห็น หรือใจท่านคิด พระรูปนี้ไม่ธรรมดาแน่นอนทั้งภายนอกภายใน จากคุณ : Vees เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 21:11:11

ความคิดเห็นที่ 26 ผมไม่เคยบวช ไม่เคยศึกษาพระธรรม เข้าวัดนานๆ ที แต่เชื่อใน กฏแห่งกรรม ทั้งดีและชั่ว แต่ยังเป็นปุถุชน มีกิเลส มีห่วง ยังไม่สามารถละแล้วซึ่งกิเลส.. ปุถุชน ที่ควรจะได้รับการ บวช จริงๆ แล้วควรมีเหตุผลหรือความจำเป็นในการบวชมากไปกว่า การศึกษา..หนีรัก..อาชีพ.. การบวชตามประเพณีของไทยเรา..บวชให้ผู้มีพระคุณ..บวชหน้าไฟ..ระยะเวลาสั้น.. แต่การบวชในปัจจุบัน แตกต่างออกไปจากสมัยก่อน ตามประวัติของพระพุทธเจ้า..อรหันต์แต่ละองค์ ทรงได้พบผ่านเรื่องราวที่ก่อให้เกิด สิ่งที่อากจะเรียนรู้ศานาโดยแท้จริง..หาซึ่งเพื่อการดำเนินชีวิตต่อไป.. ตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...นิพพาน.. เราๆ ท่านๆ ก็เห็นกันอยู่ ในเหล่าพระทั้งหลายในปัจจุบัน จาก 1000 องค์ จะมีสักกี่องค์..ที่ละแล้วซึ่งกิเลส บวชด้วยความเลื่อมใสในศาสนา..แล้วเอามาเผยแพร่.. อย่างที่หลายๆคน บอกไว้ ศาสนาไม่เคยเสื่อม...มีแต่คนที่ใช้ศาสนาเท่านั้นที่เสื่อม.. จากคุณ : bakiman เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 21:14:51

ความคิดเห็นที่ 27 ทำไมท่านไม่เจริญพร P http://www.youtube.com/watch?v=oKIQ-uglSIk&feature=related แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 55 22:25:45 จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 26 ม.ค. 55 22:24:36

ความคิดเห็นที่ 28 ท่านบอกว่าคุยกับเปรตได้ ถอดกายทิพย์ได้ จัดพิสูจน์ไปเลยไหมว่าจริงหรือไม่ เห็นท่านมั่นใจมาก ตั้งห้องๆหนึ่งเป็นห้องแบบปิด เอาสิ่งของไปวางในนั้นสามสิ่ง ท่านลองถอดกายทิพย์เข้าไปดูได้ไหมว่ามันคืออะไร หรือลองถามกับเปรตที่ท่านคุยด้วยได้ไหมว่าช่วยไปดูให้หน่อยว่าคืออะไร ถ้าท่านทำได้จะได้ไม่มีคนว่าท่านว่าบ้าอีก จากคุณ : AARTo_072 เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 03:00:39

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่รู้สิครับ .. แต่อย่าเรียก "มัน" ว่า "พระ" เลยครัีบ .. ตั้งแต่แสดงอากัปกิริยา ผมก็มองว่า "นักเลงในคราบผ้าเหลือง" ตนนี้ ไม่ใช่ "พระภิกษุ" แล้วละครับ ป.ล. ใครยังนับถืออยู่ ก็ "ขออภัย" ณ ที่นี้นะครับ เพราะว่า ผมก็ ment ในมุมมองผม ก็เหมือนกับที่ คุณเกษม ตบหน้าพระพุทธรูป ในสำนักสงฆ์ของตัวเองนัี่นแหละครับ ป.ล. ลูกศิษย์ลูกหา ของนายเกษม ก็ไม่ต้องมาวุ่นวายกับผมนะครับ ไปเกรียนไกล ๆ ในเมื่อเขากล้าเล่นกับความเชื่อคนอื่น ผมก็กล้าที่จะเล่นกับความเืชื่อปัญญาอ่อนของ "มัน" ครับ ^^ จากคุณ : tothza_one เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 09:43:31

ความคิดเห็นที่ 30 เราต้องมีพระ ที่กล้าพูดจริง อย่างนี้ครับ  ไม่ใช่เออออห่อหมกตามชาวบ้าน คำสอนต้องตรง   อยากถือเงิน ก็ไปเป็นพวกวัชชีบุตร ที่ต่อมาแยกนิกายไปก็ได้ ถ้าเถรวาท จะมาบอกว่ายุคเปลี่ยนไม่ได้  ...   พระพุทธรูป ก็ คือการดูหมิ่น พระพุทธเจ้า  ... เป็นการล้อเลียน ปั้น ละเมิด รูปลักษณ์ ที่พระพุทธองค์ ไม่ให้เราไปยึดติด   พระสังกัจจายนะ ผู้มีรูปใกล้เคียง พระองค์ ยังไม่ยอม ทำตัวให้เสมอ พระพุทธเจ้า  ต้องแปลงร่างให้อ้วนพลุ้ย เพื่อไม่ให้ คนเทพ มาบูชาผิดฝาผิดตัว ...   คนไหว้หิน ก็แปลก ว่าเป็นบุญ ทั้งที่ สมัยแรกแท้ ไม่มีพุทธคนไหนกล้า ทำรูปพระองค์ ไปอยู่บนหิน เหล็ก ไม่งั้นก็ไม่ต่างกับพวกจอมปลวก  พวกหินแกะเพราะกรีกมาสร้างเล่น ๆ ไว้ เป็นพุทธ ก็ต้องศึกษา แท้จริง  ไม่ใช่ไปอ้างว่า เขาถือกันมานาน แล้วทำไม พุทธแรกเริ่ม ไม่เคยมีใครถือกล้าสร้าง พระพุทธรูป เพราะมันคือ สิ่งที่เป็นการละเมิดพระพุทธเจ้า   ลองไปดูประวัติจริง ๆ สิครับ  พระอานนท์ เคยขอแล้วพระพุทธเจ้า  ให้สิ่งใดเป็นตัวแทน   อย่าบอกว่า พระองค์ให้ เอาหิน โลหะ อะไรมาแทนพระองค์ มั่ว กันไปมาก จากคุณ : นบนอบ เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 16:24:45

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องอย่างนี้คนพุทธไม่กล้าวิจารณ์ หรือไม่ก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอกครับว่าที่พระเกษมพูดมานั้นผิด เพราะถือว่าการบูชาพระพุทธรูปนั้นชาวพุทธสืบทอดกันมาแต่โบราณกาลนานแล้ว (แต่ไม่รู้ว่าผู้ริเริ่มบูชาพระพุทธรูปเป็นใครและมีมาตั้งแต่เมื่อไหร่) อย่างเรื่องพระพุทธรูป 3 พี่น้อง หรือบ้างก็ว่า 5 พี่น้องที่ลอยน้ำมานั้น ก็ไม่มีใครเคยถาม หรืออาจสงสัยแต่ก็ไม่กล้่าถาม(เพราะกลัวจะเป็นบาป)ว่าพระพุทธเจ้าทรงมีพี่น้องอื่นๆ อีกด้วยหรือ เพราะเคยอ่านเจอแต่ว่าเป็นบุตรชายพระองค์เดียว ไม่มีพี่น้องอื่นใดอีกแล้ว (หรืออาจจะเป็นลูกพี่ลูกน้อง?) งั้นสรุปว่าที่บอกว่าเป็นพระ 3 พี่น้อง ก็คือตัวรูปปั้นของพระพุทธเอง แต่ไม่ได้หมายถึงพระพุทธองค์ใช่หรือไม่ งั้นรูปปั้นนี้เป็นตัวแทนของพระอริยเจ้าพระองค์ไหน ที่เป็นพี่เป็นน้องกัน? สำหรับผม จากที่เคยบวชเรียนที่วัดชลประทานฯ มา ทางพระอาจารย์ท่านก็ไม่เคยกล่าวถึงเรื่องการบูชารูปเคารพของพระพุทธองค์เช่นกัน และไม่สนับสนุนเรื่องการงมงายในวัตถุมงคล หรือเครื่องรางของขลังเช่นกันครับ จากคุณ : เทพกระบี่ไร้นาม เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 17:18:47

ความคิดเห็นที่ 32 คลิปเต็มๆที่มีคนมาขอเฮียยุทธแล้วไม่ให้ แต่เป็นของทางลูกศิษย์วัดนะ (เดาเอา) จากคุณ : note2you เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 18:31:39

ความคิดเห็นที่ 33 แจงเรื่องหมายจับ จริงๆมันคือหมายเรียก จากคุณ : note2you เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 18:32:25

ความคิดเห็นที่ 34 หากเราเข้าไปอยู่ในหมู่โจร  และเราบอกว่า การลักทรัพย์มันไม่ถูกต้องนะ คุณคิดว่าโจรจะเห็นด้วยกับเรามั๊ย หากเราเข้าไปอยู่ในหมู่นักการเมือง แล้วเราบอกว่า การโกหก มันไม่ดี คุณคิดว่านักการเมืองจะชื่นชมเรามั๊ย หากเราเข้าไปอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ แล้วเราบอกว่า การฆ่าสัตว์นั้นมันบาป คุณคิดว่าคนเชือดหมู เค้าจะอวยเรามั๊ย จากคุณ : trialuck เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 55 12:39:25

ความคิดเห็นที่ 35 ชอบกระทู้นี้จังได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : F:A:B:R:E เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 21:17:35