ความเป็นปุถุชน รวมทั้งนักบวช พระ ที่อวดตน ว่ารู้นั่น รู้นี่
อวดตนว่ารู้ดีกว่าธรรมที่มีอยู่ในพระไตรปิฏก
แล้วก็ถ่ายทอดบอกสอนตามแนวของตนไปเรือยๆ
การถ่ายทอดนั้นอิงอรรถอิงธรรมบ้าง
ไม่อิงอรรถไม่อิงธรรมบ้าง
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ ทำให้พระธรรมคำสอนผิดเพี้ยนไป
ผมมองประเด็นว่า ท่านฮิมาฯ
เป็นห่วงเรื่องการเผยแพร่พระธรรมที่คลาดเคลื่อนไป
หรืออาจถึงมีความหมายที่ผิดไป จากคำสอนของพระพุทธเจ้า
และก็ได้รับการบันทึกข้อมูลไว้ ใครที่ศึกษามาน้อย ก็อาจเข้าใจผิดไปได้
ถ้าเราเชื่อในพระพุทธเจ้า และศึกษาให้มาก
คงพอจะทราบได้ว่า การแสดงธรรมผิดเพี้ยนไปนั้น มีวิบากเช่นไร ?
(หาอ่านเพิ่มเติมได้จากพระไตรปิฏก)
...............
ผม ต้องออกตัวไว้ก่อนเลยว่า มิใช่ผู้ที่มีความรู้มากมาย
มิใช่ผู้ที่เข้าใจธรรมอย่างชนิดที่เรียกว่า แตกฉาน หรือเรียกว่าผู้ พหูสูตร
เพียงแต่เป็นผู้หนึ่ง ที่สนใจในการศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง
จึงขอมีส่วนร่วมในการแสดงความห่วงใยต่อพระพุทธศาสนา
อยากจะบอกว่า ในการเขียนนำเสนอข้อมูล
ก็ควรแยกส่วนของข้อมูลและความเห็นออกจากกัน
บางท่านอาจอ่านพบในหลายกระทู้ ก็จะขอนำมาเขียนอีกครั้ง
เพื่อสื่อถึง ท่าน เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) และท่านอื่นๆด้วย ดังนี้
ส่วนข้อมูล
ในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นหลักธรรม
ควรแสดงที่มาทีอ้างอิงของหลักธรรมนั้นๆ
ว่า ได้มาจากที่ไหน จากพระไตรปิฏกเล่มไหน ฉบับไหน
หรือจากงานนิพนธ์ของใคร ของพระที่มีนามว่าอะไร
ชื่อหนังสืออะไร อยู่ที่หน้าที่เท่าไร
ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาศึกษาธรรมนั้น
ได้มีโอกาสเข้าไปตรวจสอบความถูกต้องจากต้นฉบับ
นี้เป็นหลักทั่วไปในการนำเสนอข้อมูลทางวิชาการ
เป็นหลักการที่สร้างความน่าเชื่อถือที่สุด
ทำไมต้องอ้างอิงที่มา
กล่าวไว้แล้วว่าเพื่อจะได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ที่เข้ามาศึกษา
และแม้แต่มีการอ้างอิงที่มา การนำเนื้อความ การนำคำพูด
นำบทความนั้นมาแสดง ก็ควรนำมาให้ครบ
ไม่ตัดแต่งบิดเบือนเพื่อให้ความหมายเพี้ยนไป
เพราะบางคนก็จะตัดแต่งข้อความเพื่อให้ความหมายผิดเพี้ยนไป
เพื่อให้เข้าทาง หรือตอบสนอง เกื้อหนุน ความหเห็นของตน
ส่วนต่อมา คือส่วนที่ท่านมีประสงค์จะแสดงความคิดเห็น
หลังจากลงเนื้อความนั้นๆแล้ว มีแหล่งที่มาแล้ว
หากท่านประสงค์จะแสดงความเห็นว่าอย่างไร ท่านก็เขียนลงไป
เรื่องความเห็นนี้ ก็แล้วแต่ใครจะมีภูมิความรู้เดิมเช่นไร ระดับไหน
ถ้ามีประสงค์จะเขียน ก็เขียนลงไป ว่า เช่น
ข้าฯ มีความเห็นนี้ๆ
คือ ควรแยกออกเป็นสัดส่วนจากข้อมูล
.........................
และก็ควรระมัดระวังในการแสดงความเห็น(รวมผมเองด้วย)
คนส่วนหนึ่งมักชอบแสดงความเห็นไปตามอารมณ์ ตามตัณหาตน
เอาความเห็นประเภท มัน สะใจ ตอบโต้กันแบบดุเด็ดเผ็ดมัน
โดยไม่แสวงหา ศึกษาข้อมูล อย่างแท้จริง
และแม้บางครั้ง ทั้งที่รู้ว่าสิ่งที่ตนแสดงความเห็นไว้นั้น มันผิด
หรือมีคนนำข้อมูลที่น่าเชื่อถือกว่า ถูกต้องกว่า มาอ้างอิง มาลงเพิ่มเติมให้
ก็ยังไม่ออกมายอมรับผิด เพราะกลัวว่าจะเสียหน้า
..............
เรา ผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชน พึงตระหนักว่า
พระธรรมวินัย เป็นศาสดา ของพวกเรา
หาใช่ พระอาจารย์รูปใดรูปหนึ่งไม่
หากพระรูปนั้นๆ ไม่เคารพยำเกรงพระธรรมวินัย หาใช่สมณะไม่
ไม่ต่างจากปุถุชน เพียงแต่อิงอาศัยพระธรรมวินัย เพื่อหาเลี้ยงชีพตน
..........
หากการเขียนนี้ กระทบกระเทือนจิตใจใคร
ก็ต้องขออภัยด้วยครับ