ผู้ที่มีความสนใจศึกษา พุทธศาสนา พระไตรปิฏก
หรือแม้แต่บางสำนักจะเน้นที่ตนเองตั้งว่าจะเลือกเฉพาะ พุทธวจน
ก็อย่าลืม ที่จะเตือนตนเอง ในการใช้หลัก มหาปเทส ๔
และอีกประการหนึ่ง ไม่ว่า สำนักใด
จะแปลสำนวนบาลี ออกมาเป็นเช่นไรก็ตาม
ควรกลับไปใช้หลักเดิม คือ บาลี
...........
ในกรณี ที่มีสำนัก มุ่งเน้นเฉพาะ คำว่า พุทธวจน ตามที่ตนเข้าใจนั้น
เนื่องจากไปแปลความหมายคำว่า พาหิรกา สวกภาสิตา ผิดเพี้ยนไป
ดังตัวอย่าง ที่ได้นำมาให้เห็น แล้ว ในความเห็นที่ 26 และ 27
คำว่า ธมฺโม ......สาวกภาสิโต
กับคำว่า พาหิรกา สาวกภาสิตา
นี้ก็นำมาพิจารณาได้ว่า สำนักที่แปลความหมายคำนั้น
แล้วยึดถือตามนั้น
เข้าหลักมหาปเทส๔ ข้อที่ ๔
...พระเถระชื่อ......แปล/จำมาผิดแล้ว พึงละคำนั้นเสีย
(แต่หลักเดิม คือบาลี ยังมีอยู่ เราก็ควรเข้าไปศึกษาที่บาลีเพิ่มเติม)
เพราะเหตุแห่งการอาจจะมีการแปลผิดเพี้ยนไป
ตามภาษาของแต่ละประเทศนี้
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสไว้ว่า
ให้ใช้ภาษาบาลีในการเรียน การสอนธรรม
ดังนี้...
................
[๑๘๐] สมัยนั้น ภิกษุสองรูปเป็นพี่น้องกัน ชื่อเมฏฐะและโกกุฏฐะ
เป็นชาติพราหมณ์ พูดจาอ่อนหวาน เสียงไพเราะ
เธอสองรูปนั้นเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคม
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกราบทูลว่า
พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายต่างชื่อ ต่างโคตร
ต่างชาติ ต่างสกุลกันเข้ามาบวช
พวกเธอจะทำพระพุทธวจนะให้ผิดเพี้ยนจากภาษาเดิม
ผิฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะขอยก
พระพุทธวจนะขึ้นโดยภาษาสันสกฤต
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า
ดูกรโมฆะบุรุษทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้กล่าวอย่างนี้ว่า
ผิฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะขอยกพระพุทธวจนะขึ้น
โดยภาษาสันสกฤตดังนี้เล่า
ดูกรโมฆะบุรุษทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่น
ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงยกพุทธวจนะขึ้นโดยภาษา
สันสกฤต รูปใดยกขึ้น ต้องอาบัติทุกกฏ
เราอนุญาตให้เล่าเรียนพุทธวจนะตามภาษาเดิม ฯ
(ภาษาเดิมคือ บาลี)
.................
อย่างไรก็ตาม ชาวพุทธผู้มีปัญญา ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบยิ่งๆขึ้น