|
ปัญหา อยู่ที่ คำแปล คำว่า อาหาร --- ในภาษาไทย ที่ แปลว่า "เครื่องหล่อเลี้ยง" เช่น อาหารคือ คำข้าว (ดู อาหาร ๔ ที่ตรัสไว้ ด้วยฯ) แต่ ผม สอบทาน พบว่า พระพุทธภาษิต "คำว่า อาหาโร" (ที่แปลว่า อาหารนั้น) -- โดยท่านผู้รู้บาลี แปลว่า "เหตุ" ครับ (ดูในอภิธานศัพท์ ฯ จากความจำ ก้ได้) -ผมระลึกถึงที่ทรงตรัสสอนกาลามสูตร vs ท่านผู้รู้ที่แปลไว้นั้น vs ปัจจุบันธรรม คือ จินตมยปัญญาแห่งนายอิ่ม
ดู ที่ตรัส อาหาร ๔ ผัสสาหาร แปลว่า ผัสสะ คือ อาหารอันเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ? มโนสัญเจตนาหาร แปลว่า สังขารคือ เจตนา หรือมโนสัญเจตนา คือ อาหารอันเป้นเครื่องหล่อเลี้ยง ? วิญญาณาหาร แปลว่า วิญญาณ(หก / กำหนดที่ อายตนะในหก ก่อนทำหน้าที่ ตามที่ตรัสว่า วิญญาณ เป้น ปฏิจจสมุปันนธรรม) คืออาหารอันเป้นเครื่องหล่อเลี้ยง ?
เสนอประเด็นนี้ครับ -อาหาร = เครื่องหล่อเลี้ยงจากที่ตรัสสอน "อาหาร ๔" -อาหาร = เหตุ โดยท่านผู้รู้บาลี
ตกลงคำว่า "อาหาร" ที่เรากำลังวิจัย / พิจารณาธรรมอยู่นี้ ที่ตรัสสอนทรงหมายถึงอะไร ? -------------------------------- และอาศัยตามหลักฐานที่ท่านเซนฯ อ้างที่ทรงตรัสสอนในอวิชชาสูตร
[๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อนแต่นี้อวิชชาไม่มี
-พิจารณาธรรมที่ตรัสสอนตรงนี้ ทรงแสดงถึง เงื่อนต้นของอวิชชาไม่มีปรากฏ (ไม่มีจุดกำเนิดอันคือปัจจัย ใน "สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี" เพราะเป็นวัฏฏะ ?)
ตรัสต่อว่า... แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็ เมื่อเป็นเช่นนั้น "อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ"
-เพราะอวิชชามีข้อที่ ไม่มีจุดกำเนิดเป็นปัจจัย = ข้อนี้คือปัจจัยแห่งอวิชชา (คือไม่มีจุดกำเนิด ไม่สามารถแสดงปัจจัยเริ่มต้น อันเนื่องกับ สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี แห่งอวิชชาได้) ?
ตรัสต่อว่า.. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว อวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหาร มิได้ทรงตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าว อวิชชาว่ามีปัจจัย มิได้กล่าวว่าไม่มีปัจจัย (ในลักษณะที่ตรัสสอนตามปฏิจจสมุปบาท)
ดังนั้นที่ผมเสนอว่า "อาหาร คือสิ่งที่เลี้ยงสิ่งหนึ่งที่มีอยู่แล้วให้เจริญขึ้น" จึงไม่ขัดกับที่ตรัสสอนใน มหาตัณหาสังขยสูตร ตามที่แสดงคำอธิบายข้างบนนี้ครับ ?
-น่าจะไม่ใช่ ปล่อยไก่หมดเล้า ตามที่ท่านเซนฯ แซว กระมังครับ ? (ผมมีอุปกิเลสที่จรมาแจม จนขำเลยครับ(หาว่าผมปล่อยไก่)
***************************************
"ตกลงสาวกอย่างพี่ อธิบายปฏิจสมุปบาทได้เหมือนพระพุทธองค์หรือยังครับ" ข้อความนั้น เกิดเองไม่ได้ ใช่ไหม ตกลง ทั้งข้อความและ ผู้สร้างข้อความนั้น "เป็น อาหาร (nutrition) หรือ เป็น เหตุ (อาหาโร) ให้ ผม ได้เสนอ ปฏิจจฯ นอกตำรา ครับ คุณนายอิ่ม"
-เป็นอาหารให้อวิชชาที่ไม่มีเงื่อนต้น (ซึ่งมีอยู่แล้ว) ด้วยตัว "อุทธัจจะฯ" ? -จึงเป็นเหตุคืออวิชชาเจริญขึ้น(ในอิทัปปัจจยตาปฏิจจสมุปาโท) ทำให้มีสังขาร คือ วจีสังขาร ครับ ?
**************************************
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่อุบัติขึ้นก็ตาม ธาตุนั้น คือ ความตั้งอยู่ตามธรรมดา ความเป็นไปตามธรรมดา ก็คงตั้งอยู่อย่างนั้นเอง ตถาคตตรัสรู้ บรรลุธาตุนั้นว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ครั้นแล้วจึง บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้เข้าใจง่ายว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ฯ
อุปฺปาทา วา ภิกฺขเว ตถาคตานํ, อนุปฺปาทา วา ตถาคตานํ. - ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุที่ตถาคตทั้งหลายจะเกิดขึ้นก็ตาม พระตถาคตทั้งหลายจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม ฐิตา ว สา ธาตุ - ธรรมธาตุนั้น ตั้งอยู่แล้วนั่นเทียว ธมฺมฏฐิตตา - ตั้งอยู่ในฐานะเป็นธรรมดาแห่งธรรม ธมฺมนิยามตา - เป็นกฏตายตัวแห่งธรรม อิทปฺปจฺจยตา - ความที่เมื่อมีสิ่งนี้ๆ เป็นปัจจัย สิ่งนี้ๆ ย่อมเกิดขึ้น อวิชฺชา ปจฺจยา สงฺขารา ติ. - ว่า เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย สังขารทั้งหลายจึงเกิดขึ้น
จากคุณ |
:
นายอิ่ม
|
เขียนเมื่อ |
:
4 ก.พ. 55 22:26:47
|
|
|
|
|