ความคิดเห็นที่ 1 ดีค่ะ แต่ถ้าจะเอาจริงๆก็รายละเอียดเยอะมาก จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 12:55:37

ความคิดเห็นที่ 2 ออกเสร็จแล้วค่อยมาปฎิบัติธรรมครับ หรือใช้เรื่องการหายใจช่วยแบบตอนรำมวยไทเก็ก รำตะบองป้าบุญมีก็ได้ ช่วยเรื่องหัวใจและปอด บางคนผมเห้นเค้าแกว่งแขนแล้วเดิน หายใจลึกๆ แก้ไขเมื่อ 03 ก.พ. 55 13:09:02 จากคุณ : ต้นสนริมน้ำ เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 13:00:36

ความคิดเห็นที่ 3 เดินจงกรม จากคุณ : nirota เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 13:09:31

ความคิดเห็นที่ 4 มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง จากคุณ : romporn เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 13:19:46

ความคิดเห็นที่ 5 ถูกต้อง กีฬาแห่งพุทธศาสนาคือ เดินจงกรม วิธีที่ดีที่สุด คือ เดินเท้าเปล่าบนสนามหญ้า ที่มีน้ำค้าง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ธาตุต่างๆในร่างกายจะปรับให้สมดุล แล้วมานั่งสมาธิต่อ ใน 3 เดือนโรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจจะหาย ผู้รู้บอกมา จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 14:12:54

ความคิดเห็นที่ 6 เดินจงกรม และกำหนดสติระหว่างทำงานทุกประเภท จากคุณ : จางปาง เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 14:41:20

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับเรากีฬาทกอย่างใช้ปฏิบัติได้หมด อยู่บ้าน อาศัยเดินสายพาน บางวันไปตีแบด ช่วงที่ตี ยังทำไม่ค่อยได้ แต่ช่วงพักเนี่ยเหมาะมาก นั่งดูลมหายใจ หายเหนื่อยเร็วขึ้นด้วยค่ะ สนุกด้วย ได้ภาวนาด้วย ระหว่างวันเดินไปมาก็ตั้งจิตไว้ว่ากำลังเดินจงกรม  ทำงานที่ไม่ใช้ความคิดก็ดูกาย ดูใจไปเรื่อยๆ เผลอบ้าง ดูบ้าง ทั้งวัน ส่วนเรื่องไทเก๊ก มีเพื่อนเล่นอยู่เห็นเขาว่าดีมาก  ร่างกายดีขึ้น (แต่เพื่อนเล่นแบบเอาจริง เอาจังมากนะคะ) จริงเท็จอย่างไรต้องลองเองค่ะ จากคุณ : pich_ta เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 15:24:02

ความคิดเห็นที่ 8 อิริยาบท วิ่ง วิ่ง จ๊อกกิ่ง  แล้ว "คาบเวลา" ของการหายใจออก เข้า  ให้ พอเหมาะกับ เท้าขวา ซ้าย สมุตว่าคาบหายใจ เข้า เนื่องกับ เท้า ขวา กระทบพื้น 4 ครั้ง ซ้ายครั้งที่ 4กระทบแล้ว   ก็มีสติ  จะหายใจออก พร้อมๆ กับ หายใจออก  เมื่อ เท้าขวา กระทบ ครั้งที่ ๕  (หวังว่า ไม่ งง นะครับ) ผม ลองมาแล้ว นานแล้ว ที่สวนลุม เหงื่ออกไม่มาก  ตา อย่า วอกแวก นะครับ ครั้งหนึ่ง หางตา ดัน เห็น อะไรแวบหนึ่ง (เนื่องกับ ความเคยชินบางอย่างด้วย ฯ) สัญญาว่า ขาผู้หญิง  เท่านั้นแหละ  "ผิดหมด เหงื่อออกมาก  ฯ  และ ฯ จับ เคล็ดนี้ได้ ตีเทนนิส เล่นโบล์ลิ่ง ฯ ก้ได้ ครับ  (ได้แค่ไหน  ตัวไม้สอนช่างไม้) ผล  ที่ได้ "ตามสมควรแก่การทำให้มากๆ บ่อยๆ  แบบ เล่นๆ (ไม่ใช่ อยากได้ ผลสูงๆ เร็วๆ) จะ เป็น ปัจจัย  ให้  มีสติ ใน อานาปานสติ แบบ ที่ตรัสใน อานาปานสติสูตร ฯ ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 15:26:33

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าจะแค่ "เดินจงกรม" หรือมีสติในชีวิตประจำวันแล้วเอามาใช้ในการออกกำลังกายปกติก็เพียงพอ   แต่ถ้าจะเจาะลึกลงในมวยจีนภายใน จะต้องมีความรู้ด้านอื่นมากกว่านี้ ที่สำคัญจะต้องเจอคนที่เข้าใจจริงๆอธิบาย ถ้าฝึกถูกต้องอย่างน้อย ราว 90% ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีในการปูพื้นฐาน แต่ส่วนใหญ่ก็หัดเอาเพื่อสุขภาพสบาย คนที่จะทำได้ตามที่บอกส่วนใหญ่จะเป็นครูมวยที่เก่งมาก แต่การเป็นครูมวยที่เก่ง ไม่ได้บอกว่าจะเก่งทางธรรม จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 16:15:27

ความคิดเห็นที่ 10 กิฬาที่เป็นจังหวะคงที่  เช่น การว่ายน้ำ  การวิ่ง   เราก็ภาวนาไปด้วย ... เช่น ตอนผมว่ายน้ำ  ผมก็ท่อง พุทโธๆๆ ไปด้วย  ทุกๆสะโตรก   ทำให้ว่ายได้ครั้งนานๆติดต่อเป็น ๒-๓  ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น ได้สบาย จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 22:14:56

ความคิดเห็นที่ 11 โหแหะ...เป็นการประยุกต์เอาธรรมะเข้ามาใช้กับชีวิตประจำวันสุดๆ ชื่นชมนะครับ ที่ตั้งใจจะทำขนาดนั้น ... ขอให้ทำได้อย่างหวังนะครับ จากคุณ : IT Boys เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 23:48:08

ความคิดเห็นที่ 12 ให้คิดเสมอว่า ออกกำลังกายก็ต้องตาย ร่างกายขันธ์5 บำรุงบำเรอให้มันดีไม่ลำบากมากนัก กินให้มันบรรเทาหิว ออกกำลังให้มันบรรเทาโรค แต่ยังไงก็ต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ดี คนออกกำลังกายตายทุกคน จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 06:58:15

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับผมก็ฝึกคิดเรื่องความตายด้วยครับ ผมออกกำลังกายแทบทุกวัน กินวิตามินรวม   เทียบกับคนทั่วไปแล้ว ดูแลกายค่อนข้างดีเลย แต่ก็หนีไม่พ้นต้องเจ็บป่วย ต้องแก่  ต้องตายอยู่ดี จากคุณ : แงซายจอมจักรา เขียนเมื่อ : 4 ก.พ. 55 17:19:55

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นกระทู้นี้เลยไปถามพระเพื่อนมาครับ และท่านlinkบทความธรรมะของหลวงพ่อชา สุภัทโทให้ดังนี้ ผู้ใดมีสติ ผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา(หลวงพ่อชา สุภัทโท)     "เรื่องของศาสนานี้ก็คือเรื่องให้ปล่อยวางตัวออกจากกรงนั่นเองที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อแก้ปัญหา     หัวใจพระพุทธศาสนาสอนว่าไม่ให้ทำความผิด แล้วก็ทำจิตให้เป็นกุศล แล้วก็จะเกิดปัญญา แต่ทุกวันนี้ทำบุญกันมาก แต่การละบาปนั้นไม่มีใครทำ ความจริงต้องละบาปก่อนจึงจะบำเพ็ญบุญ ถ้าบาปไม่ละจะเอาบุญไปไว้ที่ไหน ไม่มีที่จะอยู่หรอกบุญนั้น     ทุกวันนี้พวกเราขาดการภาวนา ขาดการพิจารณาจึงไม่ได้ข้อประพฤติปฏิบัติ เมื่อไม่ได้ปฏิบัติมันจึงแก้ปัญหาไม่ได้ ที่พระพุทธศาสนาจะมีอำนาจช่วยได้ นั่นก็เพราะเราเอาธรรมะนั้นมาปฏิบัติให้ถูกต้อง     ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลาผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ หูได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ จมูกได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ ลิ้นได้รส ก็เป็นธรรมะ ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น     ฉะนั้น ผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา เพราะอะไร ? เพราะเรามีความรู้อยู่" และพระเพื่อนท่านยังให้ข้อคิดไว้อีกว่า     "ใบไม้กำลังหล่นจากต้น คนหนึ่งเดินผ่านไม่คิดอะไร คนหนึ่งมองเห็นพิจารณา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การออกกำลังกายก็เช่นเดียวกัน คนหนึ่งเต้นเฉยๆ คนหนึ่งมีสติสมาธิในการนับจังหวะ     ฉะนั้น การออกกำลังกายทุกประเภทมันสอดคล้องกับธรรมะได้ทั้ังหมดแหละ ขึ้นอยู่กับระดับสติปัญญาของผู้พิจารณา" แก้ไขเมื่อ 05 ก.พ. 55 13:44:40 จากคุณ : Jayskung เขียนเมื่อ : 5 ก.พ. 55 13:43:40