ศาสนาอิสลามสอนเรื่องการแต่งงานไว้ว่า หากมีบุคคลหนึ่งมาสู่ขอสตรีท่านหนึ่ง ศาสนาก็ระบุว่าให้ผู้ปกครองของนางสอบถามถึงความพอใจว่าจะตกลงที่รับการสู่ขอนั้นหรือไม่?
หากนางตกลงก็กำหนดการแต่งงานกันไป แต่ถ้านางไม่ตกลง ผู้ปกครองของนางก็ไม่มีสิทธิ์จะบังคับให้นางแต่งงานกับผู้ที่มาสู่ขอนางได้นั่นเอง
ดั่งหลักฐานจากท่านอิบนุอับบาส (ชื่อของเศาะหาบะฮฺ, อ่านว่า เซ๊าะ-ฮา-บ๊ะฮฺ) เล่าว่า แท้จริงท่านนบีมุหัมมัด กล่าวว่า
หญิงหม้าย (สตรีที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว) ตัวของนางมีสิทธิมากกว่าผู้ปกครอง (วะลีย์) ของนาง และสตรีที่ยังไม่เคยผ่านการแต่งงาน นางจะต้องถูกขออนุญาตเสียก่อน ซึ่งการอนุญาต (หมายถึง การตอบรับการแต่งงาน) ของนาง คือการนิ่งของนาง (บันทึกโดยมุสลิม ลำดับหะดีษที่ 2545)
จากหลักฐานข้างต้นเป็นข้อบ่งชี้ได้ว่า ศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้บังคับผู้หญิงแต่งงานโดยเด็ดขาด การแต่งงานต้องถามความสมัครใจของผู้หญิงด้วย มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการบีบบังคับ หรือเป็นการกดขี่ผู้หญิงอย่างไม่ต้องสงสัย อนึ่ง สมมติว่าสตรีมุสลิมท่านหนึ่งถูกผู้ปกครอง (วะลีย์) ของนางบังคับให้แต่งงาน ศาสนาก็ยังระบุว่านางมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกการแต่งงานในครั้งนั้นได้เช่นกัน
ดั่งหลักฐานที่ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า
แท้จริงมีหญิงสาวท่านหนึ่งมาท่านนบีมุหัมมัด พลางกล่าวว่า อันที่จริงพ่อของนางจัดการแต่งงานให้แก่นาง ในสภาพที่นางไม่พอใจ (ในตัวเจ้าบ่าว) ท่านนบีจึงใช้ให้นางเลือก (ว่าจะยกเลิกการแต่งงานครั้งนั้นให้เป็นโมฆะได้) (บันทึกโดยอบูดาวูด ลำดับหะดีษที่ 1794)