ความคิดเห็นที่ 1 พระเขี้ยวแก้ว องค์จริง จากพระจุฬามณีเจดีย์สถาน ที่ท่านท้าวสักกะเทวราชได้นำมาถวาย หลังจากที่ท่านเจ้าอาวาสได้อธิษฐานจิตมากว่า10 ปี จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 17:54:59

ความคิดเห็นที่ 2 ในคราวครั้งแรก ท้าวสักกะเทวราช ได้เนรมิต "พระเขี้ยวแก้วจำลอง" โดยท้าวสักกะได้ขออนุญาตเทพผู้รักษาพระเขี้ยวแก้วองค์จริง จากทั้ง4แห่งแล้ว มาถวายให้พระเทพญาณมงคล และได้กำหนดให้สร้างภาชนะทองคำรองรับ และสร้างพระเจดีย์ใหญ่ เพื่อประดิษฐาน จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 17:55:27

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อมา "พระเขี้ยวแก้วจำลอง" ปรากฎพระเกศาธาตุม้วนพัน จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 17:58:32

ความคิดเห็นที่ 4 พระเขี้ยวแก้ว ได้บรรจุในภาชนะทองคำ ตามคำขอของท้าวสักกะเทวราช จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 17:58:58

ความคิดเห็นที่ 5 พระบรมสารีริกธาตุองค์สำคัญอื่นๆ ที่พรหมและเทวดา ได้อัญเชิญจากภพถูมิตน จากจุดต่างๆในจักรวาล มาประดิษฐานยังวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 17:59:48

ความคิดเห็นที่ 6 ครั้น การก่อสร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่ ได้ดำเนินมาระยะหนึ่ง เพื่อประดิษฐาน"พระเขี้ยวแก้วจำลอง" และ "พระเกศาธาตุ พระบรมสารีริกธาตุวรรณะอื่นๆองค์จริง" ท่านท้าวสักกะเทวราชได้มีเทวโองการ นำอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว องค์จริง จากพระจุฬามณีเจดีย์สถาน ณ ดาวดึงส์เทวโลก มาถวายพระเทพญาณมงคล เพื่อประดิษฐานยังพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เป็นการถาวร จนกว่าจะสิ้นอายุพระศาสนา จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:01:05

ความคิดเห็นที่ 7 ลักษณะจำลอง พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ขะลอจากปราสาทธรรม(ทำ)วิชชาขององต์ต้นธาตุ ในอายตนะนิพพานเป็น ตามญาณทัศนะของธรรมกาย จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:01:29

ความคิดเห็นที่ 8 พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:01:55

ความคิดเห็นที่ 9 พระราชพรหมเถร(วีระ คณฺณตโม)รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ พระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระวัดปากน้ำภาษีเจริญ ศิษย์ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกายฝ่ายพระ (ศึกษาธรรมกับหลวงพ่อสดและเข้าถึงธรรมกายใน18วัน) จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:02:22

ความคิดเห็นที่ 10 พระเดชพระคุณพระเทพญาณมงคล(เสริมชัย ชยมงคโล) เป็นศิษย์ของพระราชพรหมเถร(วีระ คณฺณตโม) ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:02:51

ความคิดเห็นที่ 11 ปราสาททำวิชชา(โรงงานทำวิชชา)ธรรมกายขั้นสูง ตลอดเวลา24ชั่วโมง จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:03:12

ความคิดเห็นที่ 12 ถ่ายภาพร่วมกับหลวงพี่เล็ก(พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:03:36

ความคิดเห็นที่ 13 พระเดชพระคุณ พระเทพญาณมงคล เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เมตตาแสดงธรรม เล่าที่มาของพระบรมสารีริกธาตุ ที่พรหมและเทวดา อัญเชิญมาจากพรหมโลกและเทวโลก โดย เฉพาะอย่างยิ่ง พระเขี้ยวแก้วที่ประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีมากกว่า2500ปี สิ่งศักสิทธิ์ของวัดหลวงพ่อสด - YouTube   http://www.youtube.com/watch?v=1WMa8gkUaug&feature=player_embedded   จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:05:35

ความคิดเห็นที่ 14 บูชาสิ่งที่ควรบูชา - YouTube http://www.youtube.com/watch?v=d35lzqSKP14&feature=player_embedded จากคุณ : nujuli3 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:06:46

ความคิดเห็นที่ 15 มารับทราบ และ จะบอกว่า ไม่เชื่อ และ คิดว่าไม่จริง แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 55 18:20:54 จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:19:09

ความคิดเห็นที่ 16 ท่านสาธุชน ควรพิจารณาด้วยสติ นะครับ   .......โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการเชิญชวนเชื่อให้บริจาคเงินสร้าง  ......ก็ควรน่าจะไปห้องซื้อขายโดยเฉพาะ   .......วัตถุตามธรรมชาติ ....สามารถตรวจอายุได้ทางห้องแลบ...... จากคุณ : birdeyeview เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:32:55

ความคิดเห็นที่ 17 ได้อัญเชิญจากภพถูมิตน จากจุดต่างๆในจักรวาล......จริงหรือ จากคุณ : zakai เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 18:41:27

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อไปนี้ คือสารจาก พระเดชพระคุณ พระเทพญาณมงคล (เสริมชัย ชยมงฺคโล) เจ้าอาวาส วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ที่ท่านได้เมตตากล่าวถึงประวัติ และความเป็นมา ของ พระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญ ที่ได้เสด็จมาโดยอัศจรรย์ ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ------------------------------------------------------------------------------- ถวายความเคารพอย่างสูง แด่พระมหาเถระ ถวายความนับถืออย่างยิ่ง แด่พระเถรานุเถระทุกองค์ และเจริญสุขเจริญพร ญาติโยมสาธุชนทุกท่าน ข้าพเจ้าขอกราบเรียน - เรียน - เจริญพร พระเดชพระคุณ ท่านทั้งหลาย เพื่อทราบข่าวอันเป็นอุดมมงคลที่เกิดขึ้น ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี โดยย่อเพื่อทราบว่า นับตั้งแต่ข้าพเจ้าได้ลาออกจากราชการของรัฐบาลต่างประเทศ ที่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย (ขึ้นอยู่กับสถานเอกอัครราชทูตฯ ประจำประเทศไทย) ก่อนเกษียณ ๓ ปี เพื่อบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ พัทธสีมา วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เมื่ออายุ ๕๗ ปีเต็ม (ย่าง ๕๘ ปี) ได้เข้าศึกษาทั้งภาคพระปริยัติ และพระปฏิบัติพระสัทธรรม ในสำนักวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ได้ ๕ พรรษา ก็ได้ลา หลวงพ่อเจ้าอาวาส คือ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (สมณศักดิ์ในขณะนั้น คือ พระธรรมปัญญาบดี) ไปรับหน้าที่เจ้าอาวาส วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ ได้เปิดการเรียน การสอน และการอบรม ทั้ง ภาคพระปริยัติ (แผนกธรรม และบาลี) และทั้ง ภาคปฏิบัติพระสัทธรรม จนได้รับการคัดเลือกเป็น สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น และโดยส่วนรวมก็ได้รับการคัดเลือกเป็น วัดพัฒนาตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่น และทั้งยังเป็นที่ตั้ง หน่วยวิทยบริการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   ที่มีการเรียนการสอนภาควิชา การบริหารกิจการคณะสงฆ์ ตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี ถึงปริญญาโท ระหว่างที่ทำหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์และบริหารกิจการคณะสงฆ์ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ข้าพเจ้ายังได้ทำหน้าที่เป็น ประธานคณะกรรมการบริหาร ศูนย์ประสานงานสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งประเทศไทย (ศปท) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๑ - ปัจจุบัน และเป็น ประธานคณะทำงาน ศูนย์ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และความมั่นคง แห่งสถาบันชาติ พระพุทธศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ประจำวัดหลวงพ่อสดฯ (สำนักงานกลางตั้งอยู่ ณ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ) อีกโสดหนึ่ง จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:44:23

ความคิดเห็นที่ 19 ตั้งแต่เริ่มบวชเข้ามา เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ก็ได้อธิษฐานขอ พระเกศาธาตุ และ พระบรมสารีริกธาตุ ๗ ชิ้นใหญ่ ที่ไม่ไหม้ไฟ คือ พระเขี้ยวแก้ว ๔ องค์ พระอุณหิส ๑ องค์ และ พระรากขวัญ ๒ องค์ จาก ท่านท้าวสักกเทวราช ผู้ปกครองกามภพ ตั้งแต่ชั้นดาวดึงส์เทวโลก ชั้นจาตุมหาราชิกา และมนุษย์โลก ท่านก็ได้เมตตาเนรมิต (จำลอง - Replica) พระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญทั้ง ๗ องค์ มาให้ปรากฏแก่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม โดยที่ข้าพเจ้าได้อธิษฐานจิตรับปากกับท่านท้าวสักกเทวราชว่า จะสร้างพระมหาเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว และ จะทำพานทองคำเครื่องรองรับพระเขี้ยวแก้วเทพเนรมิตทั้ง ๔ องค์ด้วย ท่านท้าวสักกเทวราช จึงเนรมิตพระบรมสารีริกธาตุส่วนสำคัญดังกล่าว พร้อมทั้ง พระเมาลี (จอมผมหรือมุ่นพระเกศาของเจ้าชายสิทธัตถะ เมื่อเสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ และได้ตัดพระเมาลี อธิษฐานโยนขึ้นไปในอากาศด้วยอธิษฐานจิตว่า ถ้าจะได้บรรลุโมกขธรรม ก็ขอให้พระเมาลีปรากฏลอยอยู่ในอากาศ และท้าวสักกเทวราช ได้เสด็จมารับไปประดิษฐานไว้ในพระมหาเจดีย์จุฬามณี ในชั้นดาวดึงส์เทวโลก) ข้าพเจ้าจึงได้เริ่มสร้าง พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ตั้งแต่ ๓ ปีที่แล้วเป็นต้นมา ถึงบัดนี้ โครงสร้างเสร็จไปแล้วประมาณ ๖๕% สิ้นเงินก่อสร้างไปแล้วประมาณ ๑๒๐ ล้านบาท ครั้นถึงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (พ.ศ. ๒๕๕๔) ได้มีชาวศรีลังกา ผู้เป็นญาติสนิท (ผู้น้อง) ของพระมหาเถระ ที่ปรึกษาฝ่ายพระพุทธศาสนาของประธานาธิบดีศรีลังกา ได้มาช่วยประกอบพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ที่ข้าพเจ้าได้เคยปรารถนาจะได้ ชิ้นส่วน (องค์) จริง ๗ ชิ้นสำคัญที่ไม่ไหม้ไฟ และองค์อื่น ๆ เมื่อข้าพเจ้าประกอบพิธีบูชาพระรัตนตรัย แล้วอธิษฐานจิตขอพระบรมสารีริกธาตุจาก    ท่านท้าวอกนิฏฐพรหม ผู้เป็นใหญ่ในชั้นสุทธาวาสพรหมโลก    ท่านท้าวสักกเทวราช    ท่านท้าวเวสสุวรรณ    ท่านพญานาคราช    ท่านอวโลกิเตศวร (กวนอิม)    ท่านสุมนเทพ (ผู้ดูแลรอยพระบาทอยู่ที่เขาสุมนกูฏ) เป็นต้น ปรากฏว่า ท่านท้าวอกนิฏฐพรหม ท่านท้าวสักกเทวราช และทวยเทพผู้มเหสักข์ทั้งหลาย ได้เมตตาประทาน และช่วยนำมาถวายไว้ให้ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อประดิษฐานไว้ ณ พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ (ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง) ให้เหล่ามนุษย์ เทพยดา และพรหมทั้งหลาย สามารถมาสักการบูชาเป็นอุดมมงคล (ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ตามวันเวลาดังต่อไปนี้ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:44:43

ความคิดเห็นที่ 20 ครั้งที่ ๑ ประกอบพิธีเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑) เวลา ๐๕.๔๕ น. ณ วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย (วิหารจัตุรมุขกลางน้ำ) พระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะคล้ายพระหทัย สีขาวนวล ขนาดประมาณเท่าเล็บนิ้วก้อย ๑ องค์ เสด็จลงบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกบัวตูม (จัดกลีบให้บานออก) คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะ อธิษฐานจิตขอประทานจากท่านทวยเทพ - เทวราช - มหาราชดังกล่าว ขณะนี้เก็บไว้บูชาในภาชนะที่สมควร รอดูว่าอาจมีการเปลี่ยนแปลงปรับสภาพได้อีก ในการประกอบพิธีครั้งนี้ ได้มีพระเถรานุเถระร่วมเจริญพระพุทธมนต์ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร ฯลฯ เป็นต้น และได้ช่วยดู - รู้ - เห็นด้วยประมาณ ๒๐ รูป ครั้งที่ ๒ ประกอบพิธีที่ วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๑) เวลา ๐๕.๑๕ น. พระทันตธาตุ ครึ่งท่อน สีขาวนวล ส่วนปลาย (ไม่มีรากฟัน) ๑ องค์ ได้เสด็จลงบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิ คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะ อธิษฐานจิตขอประทานมา ในการประกอบพิธีครั้งนี้ ได้มีพระเถรานุเถระอยู่ร่วมพิธี ได้ช่วยดู - รู้ - เห็นด้วย ประมาณ ๑๐ กว่ารูป จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:44:57

ความคิดเห็นที่ 21 ครั้งที่ ๓ ประกอบพิธีที่ วิหารพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย เมื่อวันพุธที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (แรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๑) เวลา ๐๕.๓๐ น. รู้สึกว่าพระบรมสารีริกธาตุ ได้เสด็จลงแล้วที่ภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิ ที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะ อธิษฐานจิตขอประทานมา แต่ยังเป็นของทิพย์ ยังไม่ทันได้ปรับสภาพให้เป็นวัตถุธาตุ ที่ให้รู้เห็นได้ด้วยมังสจักษุ เทพยดาจึงให้นำไปตั้งบูชาไว้ในกุฏิก่อน และได้กำหนดให้เปิดดู เมื่อเวลา ๒๒.๑๐ น. ของวันเดียวกันนั้น ครั้นถึงเวลาเปิดดู ปรากฏเป็น พระเขี้ยวแก้ว ครึ่งท่อนส่วนปลาย (ไม่มีรากฟัน) สีขาวนวล ๑ องค์ ขนาดประมาณเท่าเล็บนิ้วมือ องค์นี้เข้าใจว่า เทพยดานำเสด็จจาก รัฐคันธารราษฎร์ (เมืองคันดาฮาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน) ไปพักอยู่ที่ พระเจดีย์สุวรรณมาลิก อนุราธปุระ ที่ประเทศศรีลังกาก่อน แล้วจึงนำเสด็จมาที่พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามนี้ ในพิธีครั้งนี้ อนุญาตให้พระเถรานุเถระอยู่ร่วมพิธีได้ ช่วยดู - รู้ - เห็นด้วย ประมาณ ๔ - ๕ รูป (ไม่ต้องการให้เป็นที่เอิกเกริก) ครั้งที่ ๔ ประกอบพิธีอัญเชิญเสด็จที่ พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (แรม ๙ ค่ำ เดือน ๑๑) เวลา ๐๕.๓๐ น. รู้สึกว่าพระบรมสารีริกธาตุ ได้เสด็จลงแล้วบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิ ที่คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะ อธิษฐานจิตขอประทานมา จึงเปิดผ้าคลุมออกดู แทนที่จะได้เห็นปรากฏอยู่บนภาชนะเครื่องบูชา กลับเห็น พระเขี้ยวแก้ว ครึ่งท่อนส่วนปลาย (ไม่มีรากฟัน) สีขาวนวล ๑ องค์ วางอยู่บนปลายผ้าสังฆาฏิ (ชุดครอง) ของข้าพเจ้าที่พาดอยู่บนหน้าตัก พระเขี้ยวแก้วองค์นี้ เข้าใจว่า ท่านพญานาคราช นำมาจาก นาคพิภพ ไปพักอยู่ที่ พระเจดีย์สุวรรณมาลิก ก่อน แล้วจึงนำเสด็จมาถวายที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ครั้งนี้มีพระภิกษุเถรานุเถระ และโยมอุบาสกอยู่ร่วมพิธี และได้ช่วยดู - รู้ - เห็นด้วย ประมาณ ๕ - ๖ รูป/คน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:45:12

ความคิดเห็นที่ 22 ครั้งที่ ๕ ประกอบพิธีที่ พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันพุธที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือนอ้าย) เวลา ๐๕.๓๐ น. (อยู่ระหว่างการอบรมพระกัมมัฏฐานประจำปี รุ่นที่ ๖๒ ซึ่งได้จัดโครงการปฏิบัติพระกัมมัฏฐานมาอย่างนี้มาร่วม ๓๑ ปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ฐานะเป็น สถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย ยังไม่ได้เป็นวัด ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน) ปรากฏได้เสด็จมา โดยมีเครื่องห่อหุ้มเป็นก้อนโต ขนาดประมาณเท่าผลหมากสุก หรือขนาดมะนาวไข่ วางอยู่บนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิและดอกบัว คลุมไว้ด้วยผ้าขาว ที่ข้าพเจ้าทูนไว้บนศีรษะ อธิษฐานจิตขอประทานมา เทพยดาผู้นำเสด็จมา บอกว่าให้คลุมด้วยผ้าขาวไว้ก่อน ครั้นถึงวันที่ ๒๓ ธันวาคม เวลา ๒๒.๐๒ น. จึงค่อยเปิดดู ครั้นถึงวันเวลาดังกล่าว จึงได้เปิดผ้าขาวออกดู ปรากฏเป็น พระอุณหิส (พระอัฐิธาตุส่วนกระบังหน้าผาก) ขนาดโตกว่าหัวแม่มือ เสด็จออกมาอยู่ภายนอกเครื่องหุ้มเอง ลักษณะหนากว่ากระดูกทั่วไปเล็กน้อย เป็นที่น่าอัศจรรย์ ได้ทราบว่า เพราะภายในพระอุณหิสนี้ มี พระเกศาธาตุ บรรจุมาด้วย จึงให้แยกใส่ภาชนะ ตั้งบูชาไว้ต่างหากต่อไปอีกระยะหนึ่ง พระเกศาธาตุ ก็จะเสด็จออกมาปรากฏอยู่รอบพระอุณหิสนั้นเอง และได้ทราบว่า พระอุณหิสนี้ ท่านท้าวอตัปปาพรหม ได้เมตตาบรรจุ ไว้ในวัตถุเครื่องห่อหุ้มเหมือนใยไหม หรือเส้นเกศา สีน้ำตาลแดง เพื่อป้องกันให้ปลอดภัยจากเทพบุตรมาร ที่คอยขัดขวางระหว่างทางนำเสด็จมาสู่โลกมนุษย์ ได้นำเสด็จมาจากสุทธาวาสพรหม ชั้นที่ ๒ ต่อมาอีก ๒ วัน เทพยดาได้แจ้งให้เปิดผ้าคลุมดูอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม เวลา ๒๒.๓๙ น. ปรากฏ พระอุณหิส ส่วนพระอุณาโลม (ระหว่างคิ้ว) อีกองค์หนึ่ง ขนาดย่อมลงมาจากองค์แรก คือขนาดเกือบเท่าหัวแม่มือ เสด็จออกมาจากเครื่องหุ้มเอง เป็นที่น่าอัศจรรย์ ได้ทราบว่าพระอุณหิสส่วนพระอุณาโลมนี้ ท่านท้าวสุทัสสาพรหม จากสุทธาวาสพรหม ชั้นที่ ๓ ได้เมตตานำมาร่วมบรรจุไว้ในเครื่องหุ้มเดียวกันกับพระอุณหิสองค์แรก แล้วร่วมกันนำมาประทานให้ไว้ ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:45:26

ความคิดเห็นที่ 23 ครั้งที่ ๖ ประกอบพิธีที่ พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันพุธที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (แรม ๔ ค่ำ เดือนอ้าย) เวลา ๐๕.๓๐ น. ปรากฏ พระเขี้ยวแก้ว เสด็จมาจากชั้นดาวดึงส์เทวโลก โดยพระเมตตาของ ท่านท้าวสักกเทวราช นำเสด็จมาประทานให้ ลงบนภาชนะเครื่องบูชาด้วยดอกมะลิและดอกบัว มีผ้าขาวคลุม เสด็จมาโดยมีเครื่องหุ้มเหมือนของพระอุณหิส แต่เล็กกว่า คือ ขนาดประมาณเท่าลูกมะปรางขนาดย่อม ๆ มีรูเล็ก ๆ เหมือนช่องปากถุง พอมองเห็นว่า มีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ภายใน ได้ทราบว่า ท่านท้าวสักกเทวราช พร้อมด้วยเทพยดา ได้นำเสด็จพระเขี้ยวแก้วนี้ ไปตั้งบูชาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พุทธคยา ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนแล้ว จึงได้นำเสด็จ พร้อมด้วยเครื่องราชเศวตฉัตร มาประทานให้ในครั้งนี้ เทพยดาจึงได้บอกให้นำพระเขี้ยวแก้ว ที่อยู่ในเครื่องหุ้ม วางอยู่บนภาชนะเครื่องบูชา มีผ้าขาวคลุมไว้นั้น ไปอธิษฐานบูชาพระพุทธเจ้าที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ (หน่อพันธุ์จากอนุราธปุระ) ที่ได้ปลูกไว้ด้านทิศใต้ของพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ ก่อน แล้วจึงให้นำไปบูชาไว้ที่กุฏิ เป็นเวลา ๗ วันก่อน แล้วจึงค่อยเปิดผ้าคลุมดู ในวันที่ ๒๑ ธันวาคม เวลา ๔ ทุ่ม กับ ๒ นาที ครั้นถึงคืนวันที่ ๒๑ ธันวาคม เวลา ๒๒.๐๒ น. ได้เปิดผ้าคลุมออกดู ก็ปรากฏ พระเขี้ยวแก้ว ท่อนปลาย (ไม่มีรากฟัน) สีขาวนวล สวยงาม ขนาดประมาณเท่าเล็บนิ้วมือ เสด็จออกมาจากเครื่องหุ้ม ประทับอยู่บนดอกมะลิที่บูชาไว้ในภาชนะนั้นได้เอง อย่างน่าอัศจรรย์ และในคืนนั้น เวลาหลังจากเปิดดูพระเขี้ยวแก้วปรากฏขึ้นแล้ว ได้ไปเปิดโถภาชนะที่ตั้งไว้มีผ้าขาวคลุม เห็นมี พระหทัยธาตุ เลด็จมาเองอีกต่างหาก ๒ องค์ สัณฐานกลม คล้ายไข่มุกขนาดเขื่อง สีเงินยวงอมชมพู มีรัศมีโดยรอบ (ถ่ายภาพไว้ จึงเห็นภาพรัศมีติดอยู่โดยรอบอย่างชัดเจน) ปรากฏอยู่ในโถเป็นที่น่าอัศจรรย์ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:45:48

ความคิดเห็นที่ 24 ครั้งที่ ๗ ประกอบพิธีที่ พระมหาเจดีย์สมเด็จฯ เมื่อวันพุธที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่) เวลา ๐๕.๓๒ น. ก็ปรากฏ พระนลาฏ ส่วนโหนกพระเศียร ด้านขวา สีขาวนวล ขนาดประมาณเท่าหัวแม่มือ ได้เสด็จมาอีกหนึ่งองค์ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 19:47:47

ความคิดเห็นที่ 25 งานนี้จัดเต็ม จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 20:10:10

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเห็นพระไปร่อนแถวแม่น้ำสาละวินมาครับแล้วบอกโยมว่า พระธาตุ จากคุณ : palara เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 20:22:46

ความคิดเห็นที่ 27 หล่อด้วยเรซิน แล้วบอกว่า พระธาตุ ก็เคยเห็นนะ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 20:57:16

ความคิดเห็นที่ 28 คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์พระธาตุเสด็จ ก็คงสงสัยไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิต จนกว่าจะปฏิบัติบูชา จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 21:01:31

ความคิดเห็นที่ 29 รู้ ว่า ไม่จริง โดยปราศจากความสงสัย โปรดอย่าเข้าใจผิด จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 21:11:32

ความคิดเห็นที่ 30 ในแผ่นดินไทยนี้ มีผู้ปฏิบัติบูชา ด้วยกายวาจาใจ บริสุทธิ์อยู่มาก หลายท่าน ที่พบเจอพระธาตุเสด็จ มาเป็นพยานยืนยัน การมีอยู่จริงของธาตุธรรม เรื่องพวกนี้จึงจะเหมาะกับคนที่ปฏิบัติบูชาเป็นสำคัญ ที่จะเข้าใจตามได้ไม่ยากนัก การตั้งข้อสงสัย ก็ต้องแก้ด้วยการปฏิบัติบูชา หรือได้ญาณทัศนะที่แม่นยำ จึงจะตรวจสอบได้ชัดเจนอย่างยิ่ง หรือถามตนเองว่า รู้ จากอะไร หรือแค่เดา จากประสบการณ์ชีวิตสั้นๆ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 21:23:09

ความคิดเห็นที่ 31 ไหงกลายเป็น ว่า ผมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องพระธาตุ ซะงั้น ผมเกรงว่า ไม่ได้พูด ว่า ไม่เชื่อเรื่องพระธาตุ เชื่อครับ แต่ข้างบน เชื่อเหมือนกัน เชื่อว่า "ไม่ใช่ของจริง" จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 21:30:20

ความคิดเห็นที่ 32 การตั้งข้อสงสัย ก็ต้องแก้ด้วยการปฏิบัติบูชา หรือได้ญาณทัศนะที่แม่นยำ จึงจะตรวจสอบได้ชัดเจนอย่างยิ่ง ปุุถชนที่ยังมีกิเลส ไม่สามารถสรุปได้เลย จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 21:48:44

ความคิดเห็นที่ 33 แต่ดูเหมือนคุณมีคำตอบอยู่แล้วนี่ครับ รู้ได้ไง อ้างอิงจากคคห. ของคุณเลยนะ รู้ได้ไงว่าจริง แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 55 22:00:10 แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 55 21:55:46 จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 21:55:13

ความคิดเห็นที่ 34 การตั้งข้อสงสัย ก็ต้องแก้ด้วยการปฏิบัติบูชา หรือได้ญาณทัศนะที่แม่นยำ จึงจะตรวจสอบได้ชัดเจนอย่างยิ่ง ถ้าผมบอกว่า รู้จักท่าน ท้าวสักกเทวราช ส่งเทวดา 4 คนมาพบ โดยเห็นด้วยญาณทัศนะ คุณจะเชื่อผมไหมครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 22:05:04

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าเป็นจริงอย่างที่คุณ ว่า ผมคงไม่เสวนากับคุณต่อ เพราะ ผมคิดว่าคุณ เสียสติ ไปแล้ว แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 55 22:14:29 จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 22:12:31

ความคิดเห็นที่ 36 เลอะเทอะ   เสียสติไปมากมายจริงๆ... พวกธรรมกาย   ไม่มีอะไรจะหลอกลวงคนแล้วหรือ  จึงไปเอาเรื่องนี้มาหลอกกันตาใสๆ ? จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 22:26:14

ความคิดเห็นที่ 37 เพิ่งรู้ว่าเขาไปกันไกลถึงเพียงนี้  และยังไม่ใช่ทิศทางที่เราจะไปอีกด้วย ด้วยความเมตตาสงสาร ขอให้มีสติรู้ตัวไวๆนะครับ จากคุณ : P2wichai เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 23:49:52

ความคิดเห็นที่ 38 35 36 37 คุณกำลังจะบอกว่า เรื่องราวในพระไตรปิฏก เป็นเีพียงนิทานหลอกเด็กเหรอเปล่าครับ ญาณทัศนะ ก็แค่ทางผ่านของสมาธิ ไม่ใช่เรื่องบรรลุธรรมอะไรครับ พวกคลั่งตำรา มักจะปฏิเสธในสิ่งที่ตนพิสุจน์ไม่ได้เสมอๆ เขาพิสูจน์เรื่องราวในพระไตรปิฏกได้ ด้วยญาณทัศนะจากการปฏิบัติ รับกันไม่ได้เชียวหรือครับ ปรากฏการณ์เหล่านี้ก็ยืนยันได้ว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นเรื่องจริง นรกมี สวรรค์มี ภพภูมิมีจริง เทวดา พรหมมีจริง แต่ใช่ว่าทุกคนจะพิสูจน์ตามได้ง่ายๆ พอมีคนพิสูจน์ได้แล้ว กลับพยายามผลักไสให้เรื่องราวในพระไตรปิฏกเป็นเพียง นิทานหรือบุคคลาธิษฐานเหรอ เปล่าครับ อาจจะมีคนแย้งว่าปฏิบัติธรรม มุ่งตรงสู่นิพพานอย่างเดียวก็ได้ แต่เมื่อได้ผลการปฏิบัติตรงตามพุทธพจน์ ก็น่าจะยินดีนะครับ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 00:24:37 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 23:55:43

ความคิดเห็นที่ 39 เป็นหน้าม้า รับจ๊อบ ไปเรียนแต่งหน้า นั่งสมาธิ ดำน้ำ ปลูกปะการัง ทำอาหาร นวดสปา ปลูกป่า ดำนา ดูดิสนีย์ออนไอซ์ แรลลี่ ตีกอล์ฟ ล่องเรือ ส่องสัตว์ ช็อปปิ้ง ดูงิ้ว ดูละครเวที ดูคอนเสิร์ต ดินเนอร์ ทำขนม จัดดอกไม้ เที่ยวตลาดน้ำ เรียนถ่ายรูป ดูกายกรรม ชมเมืองเก่า เข้าสัมมนา ทัวร์ธรรมะ เรียนเต้น แล้วก็ร้องเพลง เยอะจิงๆๆ จากคุณ : วิสุทธิธรรม เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 00:23:47

ความคิดเห็นที่ 40 ใช่หรือไม่ ผู้รู้และผู้ปฎิบัติ ทราบ ผู้มีในครอบครอง ย่อมทราบแน่แก่ใจ ว่า แท้จริงเพียงใด คะ พุทธะ  พิสูจน์ได้ทุกเรื่องแม้พระธาตุ คะ ------------------- เคยเข้าไปหลายๆที่ ที่มีคนบอกว่ามีพระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ หลายแห่งมาก ( ไม่ขอเอ่ยนาม สถานที่คะ) ตอบได้เต็มปากว่า มีปนกันทั้งแม้และไม่แท้ คะ แม้กระทั่งวัดดังๆ แต่เข้าใจว่า ผู้จัดหามาก็ไม่ทราบได้ด้วยเช่นกัน ว่าอันไหนแท้ อันไหนไม่แท้ และ การนำมาของแต่ละวัดก็ทราบที่มาที่ไป เช่นกันคะ บางวัด ก็นำมาเพื่อ จิตที่ดีงาม เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจของศาสนิกชน บ้างก็นำมาเพื่อ กิจพานิช บ้างนำมาเพื่อความโด่งดังของวัด ก็ตามจิตเจตนาผู้นำมาคะ ถามว่าทราบได้อย่างไรว่าแท้ ปจจตัง คะ เพราะหากตอบว่ารับสัมผัสได้ เดียวจะกลายเป็นเพ้อเจ้อไป เอาเป็น ว่า ทราบได้ด้วยตน คะ และพิสูจน์ว่าแล้ว เช่นกันคะ ( พิสูจน์ โดยนำ พระธาตุองค์จริงให้ผู้สัมผัสได้ ลองสัมผัสดู และให้ลอง นำ ของไม่แท้มาให้ผู้สัมผัสได้ ลองสัมผัสดูเพื่อ เช็คถึงความแตกต่าง ว่า เหมือนหรือต่างกันอย่างไร คะ) จากคุณ : ผู้สัญจร เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 00:26:24

ความคิดเห็นที่ 41 39 หมายถึงใครครับ ถ้าหมายถึงสิ่งที่เล่าันั้น ก้นำมาจากประสบการณ์จริง ด้วยความสัตย์จริง มีพยานรู้เห็น พิสูจน์ได้จริงๆ (มีจิตแพทย์ตรวจไปเรียบร้อยแล้ว ) รับรองว่า มีสติเท่าทันปัญญา เท่าทันสมาธิ จึงไปรู้ไปเห็นอะไรแปลกๆ ในสิ่งที่ปุถุชน แบบคุณทำไม่ได้แน่นอนครับ พูดมากจะหาว่าอวดอีก พูดน้อยก็มิเข้าใจ สรุปแล้ว ขึ้นกับบุญวาสนาของแต่ละคน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 00:28:08

ความคิดเห็นที่ 42 เรียนคุณ venture  ช่วยบอกครูบาอาจารย์อะไรต่างๆ รวมถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อเสริมชัย  ได้อาราธนาพระบรมธาตุ หรือเทวดาที่รักษาพระบรมธาตุ  บันดาลให้พระบรมธาตุแสดงปาฏิหาริย์เป็นฉัพพรรณรังสีพุ่งขึ้นท้องฟ้าให้ดูหน่อยได้ไหมครับ...  เอาให้ออกข่าวด้วยนะ  ถ่ายวีดีโอไว้ได้ยิ่งดี ผมยัง งง อยู่ว่า ท้าวสักกเทวราช อยู่ดี ๆ ท่านจะเอาพระธาตุเขี้ยวแก้วจากจุฬามณีมาไว้ที่โลกมนุษย์ด้วยเหตุผลกลใด แล้วไว้นานเท่าไหร่ มีกำหนดเอากลับหรือเปล่า? แล้วถ้าเอามาไว้จริง.. เหตุการณ์นี้ก็ต้องเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก  อย่างน้อยท้าวสักกเทวราชท่านน่าจะอนุเคราะห์มนุษย์ ด้วยการสำแดงกายทิพย์ให้ปรากฏ เป็นขบวนแห่พระธาตุจากพระจุฬามณีเจดีย์ มีท้าวสักกเทวราชนำหน้า พร้อมด้วยเหล่าเทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุ แห่แหนกันมา ให้มนุษย์ทั้งโลกได้เห็นกัน จะได้ไม่ต้องให้ผมกับคุณ หรือใคร ๆ มาเถียงกันว่าของจริงหรือไม่ของจริง แล้วก็มีข้อความหนึ่ง ผมยัง งงๆ อยู่ "และในคืนนั้น เวลาหลังจากเปิดดูพระเขี้ยวแก้วปรากฏขึ้นแล้ว ได้ไปเปิดโถภาชนะที่ตั้งไว้มีผ้าขาวคลุม เห็นมี พระหทัยธาตุ เลด็จมาเองอีกต่างหาก ๒ องค์ สัณฐานกลม คล้ายไข่มุกขนาดเขื่อง สีเงินยวงอมชมพู มีรัศมีโดยรอบ (ถ่ายภาพไว้ จึงเห็นภาพรัศมีติดอยู่โดยรอบอย่างชัดเจน) ปรากฏอยู่ในโถเป็นที่น่าอัศจรรย์ " ช่วยเอาภาพรัศมีที่ถ่ายติดอย่างชัดเจนนั้นมาให้ดูทีเถอะครับ เผื่อจะได้เป็นบุญตาสักครั้ง... แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 02:09:32 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 02:06:18 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 02:02:41

ความคิดเห็นที่ 43 วันอาทิตย์ ไปดูดีกว่า จากคุณ : แปดเทพอสูร เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 04:04:48

ความคิดเห็นที่ 44 :) จากคุณ : Cathode_tube เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 08:38:59

ความคิดเห็นที่ 45 42 ขอเชิญที่ราชบุรีครับ คุณสงสัยอะไร ก็สอบถามด้วยตัวคุณเองจากทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แม้จะเอาภาพถ่ายมาแสดง คุณแน่ใจหรือครับ ว่า "จบ" ก่อนไปแนะนำให้ถือศีล ชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์นะครับ ถ้าไปที่วัดญาณมาแล้ว ขับรถไปอีกไม่ไกลก้ถึงวัดท่านแล้วครับ ถ้าผมบอกว่าท้าวสักกเทวราชมีจริง เทวดามีจริง ผมจะแสดงอย่างไรให้คุณรู้ตามได้ครับ ลืมคำว่าปัจจัตตังเหรอเปล่าครับ ทำไมต้องสำแดงกายทิพย์ให้ปุถุชนแบบคุณเห็นครับ ทำกิเลสให้ลดลงก่อนดีไหมครับ ทำจิตให้ตั้งมั่น ปราศจากอุปกิเลส ควรแก่การงาน ก็เห็นท่านแล้วครับ ถ้าบุญบารมีถึง ต้องมาดูว่าการเห็นนั้น สติเท่าทันปัญญา ผมยัง งง อยู่ว่า ท้าวสักกเทวราช เทวดา พรหม เปรต อสูรกาย ต้องบันทึกในพระไตรปิฏก  แล้วถ้ามีจริง.. เหตุการณ์นี้ก็ต้องเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก น่าจะสำแดง ให้มนุษย์ทั้งโลกได้เห็นกัน จะได้ไม่ต้องให้ผมกับคุณ หรือใคร ๆ มาเถียงกันว่า  ข้อความในพระไตรปิฏก ของจริงหรือไม่ของจริง ใช่ไหม คุณโชกุนเสื้อแดง แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 09:40:13 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 09:14:36

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ Venture อย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้ที่เขาไม่เชื่อเลย คนพวกนี้ต่อให้พระธาตุเสด็จมาหาเขาก็คงไม่เชื่ออยู่ดี  เพราะจิตใจของเขา คอยคิดแต่ว่าจะถูกคนหลอกลวงเอา  โดยไม่เคยสืบสานว่าที่มาที่ไปของผู้ ครอบครองว่าท่านเป็นผู้ที่ตั้งใจสืบทอดพระพุทธศาสนาขนาดไหน  แต่เอา ความคิดของตัวเป็นที่ตั้ง  เมื่อเขาประมาทในวาจาต่อผู้มีศีล  เขาก็สมควรต้องรับ กรรมที่ตัวได้กระทำลงไปนั้นเอง จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 10:24:42

ความคิดเห็นที่ 47 สงสัยคุณ venture จะเข้าใจผิดไปเสียละกระมัง " ถ้าผมบอกว่าท้าวสักกเทวราชมีจริง เทวดามีจริง  ผมจะแสดงอย่างไรให้คุณรู้ตามได้ครับ ลืมคำว่าปัจจัตตังเหรอเปล่าครับ" ผมไม่ได้บอกซักคำเลย ว่าท้าวสักกเทวราชไม่มีจริง เทวดาไม่มีจริง  ก็มันมีอยู่จริงๆ ผมก็รู้ว่ามี แต่ที่ผมพูดนี่หมายความว่า ถ้าหากท้าวสักกเทวราชจะอัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้วมาบนโลกมนุษย์จริงๆ เหตุการณ์นี้มันต้องยิ่งใหญ่มาก  ไม่ควรจะมากันเงียบๆ มาตอนตี ๕ อย่างนี้ ใครจะมาช่วยยืนยันได้ ส่วนที่คุณพยายามลอกเลียนข้อความของผม แล้วเขียนเสียใหม่ว่า "ผมยัง งง อยู่ว่า ท้าวสักกเทวราช เทวดา พรหม เปรต อสูรกาย ต้องบันทึกในพระไตรปิฏก  แล้วถ้ามีจริง.. เหตุการณ์นี้ก็ต้องเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก น่าจะสำแดง ให้มนุษย์ทั้งโลกได้เห็นกัน จะได้ไม่ต้องให้ผมกับคุณ หรือใคร ๆ มาเถียงกันว่า  ข้อความในพระไตรปิฏก ของจริงหรือไม่ของจริง" อันนี้ก็ลอกเลียนมาแบบไม่มีศิลปะ แล้วพยายามลอกมาโดยไม่เข้าใจประเด็นเลย  แถมพออ่านแล้วยิ่งจะกลายเป็นว่า  คุณกำลังบอกว่า "ข้อความในพระไตรปิฎกนี่อาจจะไม่จริงก็ได้"   อย่างนี้เสียหายมาก ส่วนที่คุณบอกว่า "ทำไมต้องสำแดงกายทิพย์ให้ปุถุชนแบบคุณเห็นครับ  ทำกิเลสให้ลดลงก่อนดีไหมครับ" อันนี้เป็นความคิดความเชื่อของคุณ  คุณอย่าลืมสิว่า เหตุการณ์ตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาที่เมืองสังกัสสะนคร  มีเทวดาหมื่นจักรวาลตามเสด็จมา มีทั้งพระอินทร์และพรหม อยู่ซ้ายขวา ชาวเมืองก็ตาม สวรรค์และนรกก็ตาม ก็เห็นกันหมด นี่เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในพุทธประวัติ เพราะฉะนั้น ถ้าพระอินทร์ท่านจะอัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้วมาจากสวรรค์จริงๆ แล้วมาประดิษฐานในโลกมนุษย์ โดยสามัญสำนึก ท่านก็น่าจะไม่มาเงียบ ๆ หรือแอบ ๆ มาตอนเช้ามืด แต่น่าจะเป็นขบวนอัญเชิญยิ่งใหญ่มามากกว่า จริงไหม? เรื่องปุถุชนไม่ปุถุชนนี่ไม่ต้องเอามาคิดหรอกครับ ขนาดครั้งพุทธกาล สัตว์ในนรกยังได้เห็นพระพุทธเจ้า เห็นโลกมนุษย์ เห็นโลกสวรรค์เลย  (แต่อันนั้นเป็นพุทธปาฏิหาริย์  พระอินทร์ท่านอาจจะมีกำลังฤทธิ์ไม่ถึงระดับนั้น แต่ก็น่าจะสำแดงกายทิพย์และหมู่เทวดาให้เห็นหน่อย) สรุปเรื่องนี้อย่างง่ายที่สุด ก็คือว่า ผมไม่เชื่อว่าพระอินทร์ท่านจะเอาพระธาตุเขี้ยวแก้วจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ลงมาประดิษฐานในโลกมนุษย์ครับ  พระธาตุเขี้ยวแก้ว ณ จุฬามณี ก็ยังอยู่บนนั้นแหละ  เรื่องก็มีเท่านี้  ส่วนพระธาตุที่วัดของหลวงพ่อท่านเจ้าคุณเสริมชัย จะจริงหรือไม่จริง ผมคงไม่ไปตัดสินมากกว่านี้  อย่างน้อยที่สุด ผมก็เชื่อว่าหลวงพ่อเสริมชัย  ท่านมีคุณธรรมมากกว่าธัมมชโย  คงจะไม่ใช้วิธีการหลอกคนเป็นแน่ ส่วนที่คุณ issarasena  บอกว่า "ต่อให้พระธาตุเสด็จมาหาเขา เขาก็ไม่เชื่อ"  อันนี้ก็เป็นความคิดของคุณเอง   เพราะถ้าลองพระธาตุเสด็จมาหาจริงๆ ชาวพุทธผู้มีศรัทธาที่ไหนเขาจะไม่เชื่อล่ะครับ? ผมว่าสิ่งที่อันตรายของพี่น้องสายธรรมกาย ก็คือว่า คุณกำลังใช้ธรรมกายตัดสินทุกสิ่งทุกอย่างว่า อะไรที่สายธรรมกาย พบ เจอ เห็น ต้องเป็นของจริงหมด  ส่วนที่คนอื่นบอก นั่นไม่จริง ไม่ใช่ ไม่ถูก  แม้แต่จะขัดแย้งกับพระไตรปิฎก ก็ยังอุตส่าห์เถียงกับ "พระศาสดา" (เถียงกับพระไตรปิฎก)  หาว่า ตก หล่น ผิดพลาด คลาดเคลื่อน  แล้วก็อ้างเอาแต่ผลจากการปฏิบัติ อย่าลืมสิครับว่า "เมื่อใดปฏิเสธพระไตรปิฎก เมื่อนั้นเท่ากับปฏิเสธพระบรมศาสดา" ส่วนที่คุณ venture จะขอให้ผมไปที่ราชบุรีเองนั้น ต้องขออภัยด้วยครับ ผมไม่มีรถส่วนตัว  (เวลาไปวัดญาณเวศกวัน ผมนั่งแท๊กซี่ไปครับ แค่ขาไปขากลับมาถึงกรุงเทพ ค่ารถก็จะแย่อยู่แล้ว) เอาอย่างนี้ได้ไหม ถือว่าช่วยๆกัน  คุณ venture ช่วยไปที่วัดของหลวงพ่อฯ แล้วไปที่พระบรมธาตุ  แล้วเข้าธรรมกาย (ถ้าคุณเข้าได้นะ) ไปบอกเทวดาองค์ไหนก็ได้ในสวรรค์  หรืออธิษฐานกับเทวดาผู้รักษาพระบรมธาตุหน่อยว่า อย่างน้อย ช่วยมาเข้าฝัน  "นาย chohokun"  บอกท่านไปอย่างนี้ก็ได้ว่า "ท่านผู้รักษาพระบรมธาตุ ตอนนี้มีคนชื่อ chohokun (อ่านว่า โชโฮคุง นะครับ อย่าไปอ่านผิดเป็นโชกุนอีกล่ะ  ไม่รู้ทำไมคนชอบอ่านชื่อผมผิดอยู่เรื่อย) กำลังดูหมิ่น หรือไม่เชื่อว่าพระบรมธาตุนี้เป็นของจริง ถ้าหากเขาแตกกายทะลายขันธ์ไป เขาอาจเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ก็เป็นได้ จึงขอให้ท่านได้อาศัยความกรุณา  ช่วยไปเข้าฝันบอกนาย chohokun หน่อยว่า นี่พระบรมธาตุของจริง เขาจะได้กลับทิฏฐิเสียใหม่" หรือจะใช้คำอื่นที่สื่อความหมายดีกว่านี้ก็ได้  ถ้าคุณ venture จะกรุณานะครับ แต่้้ถ้าคุณคิดว่าไม่ใช่ธุระอะไรจะไปต้องไปทำแบบนั้น ก็คงเป็นสิทธิของคุณ แต่ต้องขออภัยที่ผมไม่สะดวกจะไป  ผมจนครับ ไม่มีรถขับ เงินนั่งแท๊กซี่ไปไกลๆก็ไม่มี  ตั้งแต่เกิดมา เดินทางคนเดียวได้ไกลที่สุด ก็ไปแค่วัดญาณเวศกวันนั่นแหละ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 11:33:48 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 11:26:04 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:20:59

ความคิดเห็นที่ 48 แต่ที่ผมพูดนี่หมายความว่า ถ้าหากท้าวสักกเทวราชจะอัญเชิญพระธาตุเขี้ยวแก้วมาบนโลกมนุษย์จริงๆ เหตุการณ์นี้มันต้องยิ่งใหญ่มาก  ไม่ควรจะมากันเงียบๆ มาตอนตี ๕ อย่างนี้ ใครจะมาช่วยยืนยันได้ คุณโชกุน ............เพราะคุณคิดไปเอง ว่าต้องเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่มากกกกกกกกกก มันเป็นความคิดแบบปุถุชนจริงๆนะครับ จะต้องแห่แหน ขวนแบบ งานวัดชาวโลก แนะนำให้ไปหัดภาวนา ปฏิบัติที่ไหนสักทาง แล้วพิสูจน์ด้วยอภิญญา ด้วยความสามารถตัวคุณเองดีที่สุดครับ คุณยอมรับว่าไม่เคยปฏิบัติภาวนาได้เลย นั่งสมาธิทีไรมีแต่ฟุ้งซ่าน คุณไปแก้ตรงนั้นให้สำเร็จก่อนครับ แล้วค่อยมาถามอะไรที่ลึกซึ้ง ก็ยังยืนยันว่า ให้คุณไปกราบท่านที่วัดด้วยตัวคุณเองครับ มีพระสงฆ์และฆราวาสยินดีจะสอนให้คุณเข้าใจมากขึ้น ปล ช่วยลบวิดีโอผิดๆที่เผยแพร่ใน youtube ด้วยจะดีมากครับ อย่าอ้างว่าจนเลยครับ ลองไปค้นที่เว็บ วัดหลวงพ่อสดครับ ที่นั่นมีรถบริการ นั่งรถเมล์ไปวัดสระเกศครับ แล้วจะมีรถบริการพาคุณไปที่วัดได้ครับ คุณโชกุนมักจะอ้างว่าขัดแย้งกับพระไตรปิฏก แต่มักจะใส่ความเห็นส่วนตัวแอบแฝงลงไปเสมอๆ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 11:53:14

ความคิดเห็นที่ 49 คนเขามาบอกข่าวในเรื่องที่เป็นมงคล แต่บางคนก็ออกมาต่อต้าน  ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร  คุณโชกุนก็เก่งไปทุกเรื่อง แค่ชื่อตัวเองก็ทำเท่แล้ว (อวดตน)  ขนาดชินบัญชรก็ยังไม่เชื่อ...กรรมจริงๆ จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 12:08:18

ความคิดเห็นที่ 50 เราเคยถือศีล นอนที่วัดนี้ ตอนเด็ก  มีเรื่องราวแปลกๆต่างๆมากมาย    แต่ก่อนจะมีนกฮูก 2 ตัว เกาะอยู่ที่เพดานโบสถ์คนละด้าน ต้นตะเคียนใหญ่ๆ ก็มีแม่ขาว เห็นทุกครั้ง จากคุณ : แปดเทพอสูร เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:16:51

ความคิดเห็นที่ 51 เป็นเรื่องใหญ่ เกินเอื้อมของมนุษย์ที่จะเชิญมาเช่นนั้น นอกจากสำนักนั้นเป็นของเทวดาตั้งขึ้นเอง มีโอกาสเป็นไปได้แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์เหมือนที่พูดมา......นอกนั้นยากส์ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:42:10

ความคิดเห็นที่ 52 เชิญมาหมดเลย ไม่เหลือไว้ให้เทวดาเค้าบูชามั่งเหรอ จากคุณ : Realistic thinker เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 13:52:46

ความคิดเห็นที่ 53 พวกปากปรามาส  ระวังกรรมทางวาจาไว้บ้าง  เพราะงานนี้พระที่ท่านกล่าวร้ายไว้นั้น ท่านเป็นพระที่บริสุทธิ์จริงนะครับ  ไม่ใช่พระที่คุณจะมาปรามาสเล่นได้  เผื่อเรื่องกรรมไว้บ้าง ไม่ใช่แต่พูดเอามัน  จะพูดจะเขียนอะไรก็พิจารณาให้ดีก่อน ฟ้าดินและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริง  อย่าซ่าให้มาก จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 15:17:20

ความคิดเห็นที่ 54 คคห.ที่ 53 รู้ได้ไง จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 17:58:59

ความคิดเห็นที่ 55 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:49:26 จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 18:00:36

ความคิดเห็นที่ 56 จริงๆ้เรื่องอื่นๆผมว่าคงไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว ถ้าคุณ venture ไม่คิดว่าเป็นกงการอะไรที่จะต้องไปทำอย่างที่ผมขอร้องตามนั้น  ก็เป็นสิทธิของคุณ แต่มีเรื่องนึงที่คุณ Venture และคุณ issarasena ยังไม่เข้าใจ ก็คือ เรื่องชื่อของผม ช่วยอ่านภาษาไทยให้ออกหน่อยได้ไหม ว่า... "chohokun (อ่านว่า โชโฮคุง นะครับ อย่าไปอ่านผิดเป็นโชกุนอีกล่ะ  ไม่รู้ทำไมคนชอบอ่านชื่อผมผิดอยู่เรื่อย)" ขอบอกหน่อยว่า  ชื่อของผม อ่านว่า " โชโฮคุง " ไม่ใช่ "โชกุน" อ่านออกไหมครับ คำว่า "โชโฮคุง" cho = โช ho = โฮ kun = คุง ไม่ใช่ "โชกุน" อ่านออกหรือเปล่าครับ??? ส่วนที่คุณ issarasena บอกว่า "ขนาดชินบัญชรก็ยังไม่เชื่อ กรรมจริงๆ" นั้น  ผมก็บอกได้แต่เพียงว่า  ผมเห็นว่าชินบัญชรมีความสำคัญในฐานะบทสวดมนต์ภาษาบาลีในยุคหลังพุทธกาล เท่านั้นเอง  โดยเนื้อหาก็เป็นการบูชาพระพุทธเจ้า และพระอรหันตสาวก กับขออาราธนาอ้างอิงเอาพระปริตรบทต่างๆมาเป็นเกราะแก้วคุ้มกัน เพียงแต่ถ้าให้เลือกระหว่างสวด "ธัมมจักกัปวัตนสูตร" กับ "ชินบัญชร"  ผมก็จะเลือกสวด ธัมมจักกัปปวัตนสูตร ถ้าการที่ชาวพุทธคนหนึ่ง เลือกสวดบทที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ นี่  มันเป็นเวรเป็นกรรมหนักหนา ผมก็ไม่ทราบว่าคุณ issarasena ไปคิดอย่างนั้นได้อย่างไร ส่วนที่คุณ venture บอกว่า "คุณโชกุนมักจะอ้างว่าขัดแย้งกับพระไตรปิฏก แต่มักจะใส่ความเห็นส่วนตัวแอบแฝงลงไปเสมอๆ " อันนี้ผมว่าเป็นคนละเรื่องกัน  ความเห็นส่วนตัวตรงไหนที่เป็นของผม ผมก็บอกว่านั่นเป็นความเห็นส่วนตัว อันไหนมีในพระไตรปิฎก ผมก็บอกว่าอยู่ในพระไตรปิฎกตรงนั้นๆ  ผมกลัวบาปกลัวกรรมครับ ไม่คิดจะเอาความเห็นส่วนตัวไปแทรกในพระไตรปิฎกหรอก หรือถ้าหากคุณ venture เคยเห็นข้อความไหนที่ผมบอกกล่าวทำนองว่าความเห็นส่วนตัวของผม มีอยู่ในพระไตรปิฎก หรือผมเอาความเห็นส่วนตัวของผม ไปบอกว่าเป็นพระไตรปิฎก ก็ขอให้แจ้งด้วย ผมจะได้แก้ไข และยอมรับผิดตามความผิดนั้นๆ ส่วนที่คุณ venture บอกว่า "ช่วยลบวิดีโอผิดๆที่เผยแพร่ใน youtube ด้วยจะดีมากครับ" อันนี้ผมก็ต้องบอกว่า วีดีโอที่ผมเผยแพร่นั้น เฉพาะที่เป็นคำบรรยายธรรม ซึ่งระบุบุคคลผู้แสดง  (เนื่องจากว่า youtube account ของผมนั้น ลงคลิปไว้หลายประเภท ไม่ได้ลงแต่ธรรมะบรรยาย)  เป็นเรื่องส่วนตัวของผม และผมเห็นว่าเนื้อความนั้นๆที่ผมฟังแล้ว ผมเห็นว่าถูกต้อง  ผมก็เลยเผยแพร่ อีกประการหนึ่ง ธรรมบรรยายนั้น ผมก็ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์ของพระอาจารย์ปิยะลักษณ์ ปญฺญาวโร  ก็คือเป็นธรรมบรรยายที่พระอาจารย์ผู้บรรยาย ท่านเผยแพร่อยู่แล้ว  ถ้าคุณเห็นว่าผิด ก็เป็นความคิดเห็นของคุณ แต่ผมเห็นว่าไม่ผิด ผมก็เผยแพร่  ถ้าเนื้อหานั้นๆผิด ก็คงจะผิดตั้งแต่พระอาจารย์ผู้บรรยายนั้นเอง  ก็ขอเชิญให้คุณช่วยไปบอกพระอาจารย์ปิยะลักษณ์ ปญฺญาวโร วัดญาณเวศกวันเอง ก็แล้วกันครับ เว็บไซต์ของท่านพระอาจารย์ปิยะลักษณ์ ที่ผมไปดาวน์โหลดธรรมบรรยายมา http://piyalak.wordpress.com/ ขอส่งท้ายกับการแสดงความเห็นในกระทู้นี้ว่า ... คุณventure พยายามจะบอกว่าให้ผมปฏิบัติ ให้ผมเชื่อ ให้ผมยอมรับให้ได้ แล้วก็บอกว่าผมนี่ชั่วร้าย เป็นพวกปรามาส ไม่เชื่ออย่างนั้นอย่างนี้  แล้วก็จะให้ผมไปที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี..... ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอเชิญคุณ venture ไปที่วัดญาณเวศกวัน แล้วไปคุยกับพระอาจารย์ปิยะลักษณ์ ท่านเอง ว่าท่านเข้าใจผิด ว่าธรรมที่ท่านบรรยายนั้นผิด  อย่างที่คุณเอง เชื่อมาแต่ก่อนว่า สามารถจะแก้ความเข้าใจผิดของท่านผู้บรรยายธรรมนั้นได้ ได้ผลอย่างไร ก็เอามาบอกผมด้วย ถ้าผมเห็นว่าพระอาจารย์ปิยะลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้บรรยายธรรมนั้นเอง ท่านบอกว่าท่านบรรยายผิด ท่านแสดงผิด  ผมก็จะลบวีดีโอให้ แต่ถ้าคุณไม่ทำเช่นนั้น  ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ผมต้องไปลบ  เพราะผมเห็นว่าธรรมบรรยายของท่านพระอาจารย์นั้น ท่านกล่าวสิ่งที่ถูกต้อง  และท่านเองก็เผยแพร่ธรรมบรรยายชุดนั้นๆ เทปนั้นๆอยู่แล้ว ผมก็เผยแพร่ต่อ เรื่องก็มีเท่านี้ แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:35:43 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:31:33 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 18:19:46

ความคิดเห็นที่ 57 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:49:00 จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 18:25:31

ความคิดเห็นที่ 58 ถามอีกครั้งว่า "รู้ได้ไง" ถ้าคำตอบ คือ แค่รู้ละกัน ก็คงต้องบอกว่า ผมไม่เชื่อ ถ้ามีใครมาถาม ผมก็จะบอกว่า ผมเชื่อว่าไม่จริง เพราะไม่มี อะไรมายืนยันว่าจริง นอกจากความเชื่อส่วนตัวของคุณ แล้วจะมีอะไรกับผมมั๊ยละครับ??? จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 18:39:51

ความคิดเห็นที่ 59 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:48:42 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:48:24 แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 18:43:16 จากคุณ : issarasena เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 18:41:10

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ issarasena ลบทำไมละครับ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 19:15:43

ความคิดเห็นที่ 61 คุณโช ถ้ายึดเอาแค่ัฉันเห็น ฉันเชื่อ  ก็น่าจะต่างคนต่างอยู่ได้นะครับ ผมก็หาทางออกให้ดีที่สุดให้แล้ว เพราะไม่สามารถขอ ท่านท่าวสักกเทวราชให้คุณได้ คุณต้องปฏิบัติเอง ครับ ส่วนคุณไม่เชื่อแล้วเฉยๆ ไม่เชื่อแล้วตั้งข้อสงสัย หรือไม่เชื่อแล้วลบหลู่ดูหมิ่น ก็กรรมของคุณเอง ผมก็แค่แนะสิ่งที่ถูกต้องให้คุณไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง และหลายครั้งที่ คุณต่อมหาจุฬา และคุณโช ยกวิดีโอมาก็มีแต่เนื้อหาที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน พาดพิง อธิบายแจงไปก็หลายครั้ง ยังเพิกเฉย แค่เรื่องปีชง ยังมั่วซั่ว ก็คงจะคุยอะไรต่อมิได้นะครับ คนเราคบกันตามธาตุครับ คุณไม่เชื่อ ถ้าไม่ได้เบียดเบียนใครก็ไม่มี ใครเดือดร้อนหรอกครับ ก้เชิญกระท้อื่นได้ครับ จะได้เว้นที่คนที่ ยินดีศึกษาปฏิบัติ เขาค้นคว้าต่อไป หวังว่าจะเข้าใจไม่ยากนะครับ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 20:43:18

ความคิดเห็นที่ 62 นำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะชน ว่า เป็นข้อเท็จจริง โดยไม่สามารถยืนยันด้วยหลักฐานใดๆ นอกจากความเชื่อส่วนบุคคล นี่จัดเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น หรือป่าวครับ เรื่องแบบนี้ มันมีความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่นะครับ อย่าทำเป็นเล่นไป จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 22:12:15

ความคิดเห็นที่ 63 62 ในพระไตรปิฏก  ก็มีมากมาย ที่ ไม่สามารถยืนยันด้วยหลักฐานใดๆ นอกจากความเชื่อส่วนบุคคล และ ความสามารถส่วนบุคคลที่ละกิเลสได้แล้วเท่านั้นที่จะรู้ตามได้ ก็ต้องให้ใครรับผิดชอบต่อสังคมครับ หรือถามตนเองว่า กิเลสยังเยอะบ้างไหมครับ เคยถามตนเองบ้างไหม จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 23:18:31

ความคิดเห็นที่ 64 ผมรู้จักตัวเองพอ ว่ากิเลส ผมเป็นเช่นไร คุณละรู้ตัวหรือไม่ .................................................................................................................... พระธาตุ ของจริงหรือไม่ พิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานใด ไม่สามารถตอบได้ มาจากสวรรค์จริงหรือไม่ พิสูจน์ได้ด้วยหลักฐานใด ก็ไม่สามารถตอบได้ ญาณทัศนะที่แม่นยำ ที่จะรู้ได้ด้วยตนเอง ที่คุณกล่าวอ้าง อะไรนั่น ในความเห็นของผม ผมเชื่อว่าคุณไม่มี ไม่สามารถทำได้ เพราะ 1. ขันติธรรม ความอดกลั้นต่อสิ่งยั่วยุ ความลำบาก คุณเลือกที่จะตอบโต้ มากกว่าอธิบาย คุณเลือกที่จะใช้อารมณ์ มากกว่าอดกลั้น คุณปล่อยให้อารมณ์เป็นตัวครอบงำมากกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งมันขัดกับธรรมชาติ ของผู้ปฏิบัติธรรม 2.  โทสะ คือ ความโกรธ คัดเคือง ไม่พอใจ คุณเลือกที่จะใช้มัน และ โมหะ คือความหลง ลุ่มหลง ติดอยู่ในสภาพที่ตนคิด ที่ตนเห็น คับแคบไม่เปิดกว้าง คุณไม่คิด คุณไม่พิจารณา คุณเชื่อโดยไม่หาคำตอบ คุณตัดสิน โดยไม่พิจารณา ซึ่งก็ไม่ใช่วิสัยของผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอีกเช่นกัน ไม่ต้องมีฌานขั้นไหน เห็นได้ชัดเจน คุณไม่อธิบาย คุณตอบโต้ คุณตัดสิน คุณไม่ไตร่ตรอง คุณสรุปเอง คุณไม่พิจารณา คุณใช้อารมณ์ คุณไม่อดกลั้น สำหรับผม สิ่งเหล่านี้มันเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่า "ญาณทัศนะที่แม่นยำ ที่จะรู้ได้ด้วยตนเอง" ที่คุณกล่าวอ้างนั้น ผมเชื่ออย่างสนิทใจ ว่าคุณทำไม่ได้ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 23:46:33

ความคิดเห็นที่ 65 ตัวคุณเอง คุณยังไม่เห็น ควบคุม จัดการ ไม่ได้ เรื่องนอกตัวก็ไม่ได้เช่นกัน ภพภูมิอื่นไม่ต้องพูดถึง เพราะ มันจบตั้งแต่ที่ตัวคุณเองแล้ว จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 23:54:59

ความคิดเห็นที่ 66 64 ในพระไตรปิฏก  ก็มีมากมาย ที่ ไม่สามารถยืนยันด้วยหลักฐานใดๆ นอกจากความเชื่อส่วนบุคคล และ ความสามารถส่วนบุคคลที่ละกิเลสได้แล้วเท่านั้นที่จะรู้ตามได้ ก็ต้องให้ใครรับผิดชอบต่อสังคมครับ หรือถามตนเองว่า กิเลสยังเยอะบ้างไหมครับ เคยถามตนเองบ้างไหม คุณได้เจโตแล้วหรือครับ หรือมีหน้าที่พิพากษาใครต่อใคร คนที่มีปัญญาสูงกว่าคุณ เขามีวิจารณญาณของตนเองได้ครับ ไม่ต้องรอให้คุณมาแนะนำอะไร อย่าไปเข้าใจผิดว่า ผู้ปฏิบัติธรรมคือก้อนหิน นิ่งเป็นใบ้สิครับ ก้บอกไปแล้วว่า ไปหัดฝึกจิตให้ตั้งมั่น ปราศจากอุปกิเลส ควรแก่การงานให้ได้ก่อน แล้วกลับมาคุยกันใหม่ก็ไม่สายครับ ไม่เคยบอกนะครับว่า เป็นอริยบุคคล แม้อริยบุคคล โสดาบันยังละ กามราคะปฏิฆะไม่ขาด ไม่ได้ศึกาาหรือครับ ถ้าจะมาทดสอบโทสะ ขอให้ทดสอบกับคนใกล้ตัวที่สนิทกันที่บ้านดีกว่าครับ เรามิได้สนิทกัน ไม่รู้จักกัน ควรรักษาระยะห่างครับ แนะนำให้ไปศึกษาคำว่าญาณทัศนะคืออะไรนะครับ ให้โอกาสแล้วนะเนี่ย จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 55 23:58:51

ความคิดเห็นที่ 67 อย่าไปเรียกว่าตอบโต้ แต่ควรเรียกว่า ปุจฉา วิสัสชนา ถามมาตอบไป แนะนำสิ่งที่ถูกต้องให้แล้ว และข้อมูลทั้งหมดที่ยกมาข้างบน ก็เป็นเรื่องของบุญบารมี ของฝ่ายปฏิบัติ ครูบาอาจารย์ท่านบวชมาหลายสิบปี ปฏิบัติภาวนามาตลอด และประจักษ์แจ้งในธรรม พิสูจน์การมีอยู่ของภพภูมิชัดเจน มีพยานรู้เห็นทั้งตัวบุคคล และหลักฐานที่แสดงประจักษ์แจ้ง มีแค่กรณีเดียวที่รู้ตามไม่ทันก็คือปัญญาในเรื่องญาณทัศนะยังตามไม่ทันที่จะพิสูจนืด้วยกระบวนการของสมาธิ การจะพิสูจน์เรื่องภพภูมิ ก็ต้องอาศับทิพยจักษุญาณ คุณอยากพิสูจนือยากติดต่อ ก็ได้แนะนำไปแล้วต้องปฏิบัติอย่างไร จะเอาปัญญาระดับปุถุชน กิเลสยังหนา ไปตัดสินได้อย่างไรครับ เรื่องที่เป็นปัจจัตตัง แต่คุณสมบัติคุณไม่ถึง ก็ต้องแก้ให้ตรงเหตุสิครับ แสดงว่าภพชาตินี้ยังไม่เคยเจอประสบการณ์พระธาตุเสด็จใช่ไหมครับ ต้องปฏิบัติบูชาเท่านั้นครับ มันเป็นความเห็นของคุณเป็นทิฏฐิของคุณ ก็แนะนำให้ไปที่วัดหลวงพ่อสดเท่านั้นครับ ไม่ต้องมาเกี่ยวอะไรกับกระผม แต่ขอให้มุ่งตรงไปที่วัดหลวงพ่อราชบุรี มีผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม คอยตอบสิ่งที่คุณสงสัยครับ ในสมัยพุทธกาลก็มีคนหลงผิดเยอะแยะนะครับ พระพุทธเจ้าเห็นเปรต พระโมคคัลลานะเห็นเปรต แต่ท่านอื่นไม่เห็น ก็ไม่เห็นมีใครจะมา งอแง แบบคุณเลยนะครับ ไม่เห็นไม่เข้าใจ พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะครับ ท่านก็สอนเฉพาะคนที่ถึงพร้อมแล้ว จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 00:08:26

ความคิดเห็นที่ 68 อ้าวววว   ถามคนอื่นเป็นด้วยเหรอคะว่ามีเจโตรึเปล่า แล้วตัวเองเล่า  คนนี้ไม่ปฎิบัติ คนนู้นไม่ปฎิบัติ  สู่รู้ พยายามอวดกร่าง  แต่แปลกแฮะ  ไม่มีใครเชื่อน้ำยาเลยอ่ะ  พ่อตาทิพย...รส ! จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 00:14:49

ความคิดเห็นที่ 69 68 ถ้าบอกว่าเคยได้เจโตจะเชื่อไหมครับ ที่บอกไม่ปฏิบัติ ก็บอกไปแล้วในกระทู้ก่อน โดยเฉพาะคุณ ก็บอกได้ว่านั่งสมาธิไม่เคยเกิน ชั่วโมง นั่งไปฟุ้งไป จริงๆไม่จริง ลองยืนยันสิครับ ก็แนะนำไปแล้วให้ลองลดน้ำหนักลงอีก 10-15 แล้วจะนั่งได้นาน ไม่ต้องรีบเชื่อ ให้ไปพิสูจน์ได้ครับ ถ้ายังแสดงความเห็นขัดแย้งกับฝ่ายปฏิบัติเสมอๆ ก็บอกได้แล้วโดยไม่ต้องใช้เจโต จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 00:30:35

ความคิดเห็นที่ 70 ใครพอทราบบ้างว่า เรื่องพระธาตุ พบหลักฐานทางพุทธศาสนาครั้งแรกเมื่อไหร่ ตั้งแต่ไปเจอร้านขายของเก่าที่เชียงราย ที่มีพระธาตุแบ่งจำหน่าย ทุกแบบ ทุกอย่าง ทุกรูปพรรณสันฐาน ทุกองค์ มากมายจริงๆ เน้น มากมายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน นับเป็นสิบๆกิโล และน่าจะมากที่สุดในประเทศไทย จากวันนั้นทำให้ไม่แน่ใจว่า อะไรคือพระธาตุและอะไรไม่ใช่พระธาตุ จากคุณ : มุมม่วง เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 02:11:18

ความคิดเห็นที่ 71 ลองค้นคำพวกนี้ในเว็บนะครับ "พระธาตุเสด็จ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" คนที่เคยร่วมพิธีต่างๆที่วัดจัดขึ้น  ก็คงจะมีโอกาสพบเจอประสบการณ์เรื่องเหล่านี้เป็นปกติ ยัง ไม่มีใครตื่นตระหนกเลยครับ สิ่งที่เป็นทิพย์มีอยู่จริง เขาจะแสดงก็เป็นเหตุของเขา จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 07:31:25

ความคิดเห็นที่ 72 http://www.naksompra.com/index.php?mo=3&art=439233 ดีใจจัง! พระธาตุเสด็จมาเพิ่มเยอะแยะเลย จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 08:03:02

ความคิดเห็นที่ 73 จากชีวประวัติ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ ท่านอาจารย์ลี ธัมมธโร วัดอโศการาม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หน้า 102 ต่อมานึกลังเลสงสัยในเรื่องพระบรมธาตุว่าเป็นมาได้อย่างไร เพราะเรื่องเหล่านี้ไม่เคยสนใจมาตั้งแต่บวช แต่ก็ได้รับไว้จากแม่ขอมและเก็บไว้บูชา ในวันพฤหัสบดีกลางเดือน 6 ในวันนั้นได้คิดขึ้นในใจว่า พระบรมธาตุนี้ถ้าไม่ได้เห็นกับตาไม่ยอมเชื่อ เพราะจะจริงหรือไม่จริงก็ยังไม่ทราบ จึงได้ตั้งสัตยาธิษฐานนั่งสมาธิตลอดสว่าง พระธาตุทั้งหลายเหล่านี้ขอจงมาปรากฏถ้ามีความจริง ถ้าไม่เห็นปรากฏในคืนนี้ พระธาตุที่เขาถวายมาก็จะแจกจ่ายให้คนอื่นไปให้หมด ในคืนวันนั้นได้นั่งอดนอนอยู่ตลอดรุ่ง เวลาประมาณ 04.00 น. ได้เกิดความรู้สึกขึ้นในใจ มีแสงสว่างแดงๆลอยวูบวาบไปตรงที่ตั้งพานบูชา พอดีรุ่งสว่างก็ได้ปรากฏพระธาตุต่างๆมีอยู่ทุกภาชนะสถานที่นั้นนับตั้งแต่เวลาย่ำค่ำจนกระทั่งสว่าง ได้ใส่กุญแจปิดมิดไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เลย ตัวเราเองก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในที่นั้น ฉะนั้นจึงเป็นของแปลกใจขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิต ก็รีบเก็บพระธาตุเหล่านั้น ห่อใส่สำลีห่อใสผอบติดตัวไว้ นับได้จำนวนดังนี้ คือ พระสารีบุตร 3 องค์ พระฉิมพลี 3 องค์ พระโมคคัลลาน์ 2 องค์ พระบรมธาตุ 7 องค์ เป็นสีแก้วผลึก สีดำ สีดำเจือเหลืองแก่ แต่ที่แม่ขอมเคยเอามาถวายไว้นั้นเป็นสีมุกดาหาร จึงได้ถือติดตัวไปภาคเหนือด้วย หน้า 114 พอไปถึงจังหวัดอุบลราชธานีแล้ว ก็ได้ไปทำพิธีฉลองสมโภชพร้อมทั้งฝังศิลาฤกษ์ตึกมหาเถระที่จะสร้างขึ้นในวัดสุปัฏฯ อยู่มาคืนหนึ่ง ได้มีปรากฏการณ์ขึ้นในเวลาประมาณ 4 ทุ่มเศษ กำลังนั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ เวลานั่งหลับตาได้บังเกิดแสงวาบๆ ขึ้นเหมือนแสงนีออน เปิดๆดับๆ ต่างคนต่างพากันลืมตาขึ้น ก็ปรากฏว่ามีคนเก็บพระบรมธาตุได้ 2-3 คน พอดึกเข้าก็มีปริมาณมากเข้าทุกที หน้า 132 ถ้าการฉลองสมโภช 25 พุทธศตวรรษจะสำเร็จ ขออัญเชิญพระบรมธาตุให้เสด็จมาเพิ่มเติมอีก จะเสด็จมาจากไหนก็ตามพอรุ่งสว่างก็ได้พระบรมธาตุประมาณ 10 องค์ เล็กๆเหมือนพลอยสีแดงปนอยู่ด้วย หน้า 135 วันหนึ่งเกิดนิมิตแปลกประหลาด คืนวันหนึ่งเงียบสงัด กำลังนั่งพิมพ์พระพุทธรูปอยู่มีพระบรมธาตุองค์หนึ่งได้เสด็จมาบนเตียงนอน มีลักษณะคล้ายรูปใบโพธิ์ที่กำลังพิมพ์อยู่ หลวงปู่พุธ ฐานิโย พระธาตุเสด็จมานี่ ถ้าใครไม่เจอไม่ยักกะเชื่อ หลวงพ่อไปเทศน์ที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ พอเทศน์จบแล้ว เขาเอากัณฑ์เทศน์มาถวาย ผู้อำนวยการบอกว่า อุ๊ย พระธาตุเสด็จ มองไปผ้าขาวที่เขาปูไว้ขาวโพลงเป็นแห่งๆ หลวงพ่อทักเขาว่า คุณเอามาโปรยไว้หรือเปล่า มันเป็นไปได้อย่างไร ตอนไปนั่งทีแรกมองดูแล้วก็ไม่มีอะไร พอเทศน์จบแล้ว พระธาตุมากันเต็มเลย คนแย่งกันเก็บ จึงได้แน่ใจว่า อ้อ ที่เขาว่าพระธาตุเสด็จมาหาเขานี่มันจริง สิ่งที่มาเองนี่เป็นอะไรก็ได้ เราจะรู้ว่าเป็นอะไรหรือไม่เป็นอะไรก็เก็บไว้ มันเป็นของแปลก หนังสือฐานิยัตเถรวัตถุ หน้า 322 หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ถามตอบระหว่างคุณธนกร สุริยนต์ กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เกี่ยวกับพระธาตุเป็นที่แปลกอยู่ว่า เส้นผมของหลวงปู่หลวงพ่อในสายกรรมฐานที่สิ้นไปแล้ว ลูกศิษย์ได้เก็บเอาไว้บูชา ต่อมาค่อยๆรวมตัวจับกันเป็นก้อนเท่าเม็ดพุทรา จากนั้นจะกลายเป็นพระธาตุได้ไหมครับ หลวงปู่ - เป็นไปได้ของหลวงปู่หลุยก็ได้มีลูกศิษย์บางคนเก็บไว้ ต่อมาได้รวมตัวเป็นก้อนกลม แล้วอีกระยะหนึ่งถึงค่อยแปรเป็นพระธาตุ อย่างของพระอาจารย์จวน ส่วนใดที่เป็นพระธาตุแล้ว คุณสุรีพันธ์ก็เอาใส่ผอบไว้ แล้วตั้งเรียงเอาไว้บูชา ส่วนที่ยังไม่เป็นก็เอาใส่ขวดโหลไว้ บัดนี้กระดูกที่เป็นผงนั้นก็ได้ค่อยรวมตัวกันเป็นก้อนเท่าเม็ดพุทราเท่ากันหมดทั้งขวดโหลเลย เราเห็นดังนั้นก็เลยเชื่อว่าเป็นได้จริงอย่างนั้น แต่ที่มาเห็นเป็นแก้วอยู่ในผอบในที่ต่างๆ เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาแก้วอะไรที่ไหนมาใส่ไว้ ทีแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พอมาเห็นที่ขวดโหลใหญ่จึงเชื่อมั่นว่าเป็นไปไม่ได้ เถ้ากระดูกเหล่านั้นจะค่อยเกาะยึดแน่นกันเป็นก้อนกลมเช่นเดียวกับเส้นผม ที่เป็นชาวบ้านธรรมดาก็มีแปลกอยู่เหมือนกัน บางคนเมื่อมีชีวิตอยู่ เขาก็ถือศีลภาวนาทำบุญตามปกติ แต่พอตายไปเมื่อเผาไปแล้ว ปรากฏว่ากระดูกบางส่วนได้กลายเป็นแก้ว บางคนก็คล้ายกับว่ามีทองมาหุ้ม มีสีทองแวว คงเป็นเพราะมีศีลบริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่ในตำราไม่ได้บอกไว้ว่า บุคคลระดับใด ซึ่งอาจเป็นอริยะบุคคลแล้ว เวลาตายไปกระดูกจะกลายเป็นพระธาตุ อาตมาก็ไม่กล้ายืนยัน กล้ายืนยันเฉพาะของพระพุทธเจ้า ในสมัยนี้ก็พอมีหลักฐานยืนยันได้ว่ากระดูกของพระสาวกแปรเป็นพระธาตุได้ อย่างของหลวงปู่มั่นก็ใสเป็นแก้ว ของหลวงปู่พรหมก็จะมีสีกลมดำเป็นนิล ของหลวงปู่ขาวจะเหมือนพลอยใส ของหลวงปู่แหวนดูเหมือนจะกลายเป็นแก้วใสเร็วกว่ารูปอื่น ของหลวงปู่สามก็แปรเป็นพระธาตุเหมือนกัน แต่แปลกว่าไม่ได้แปรทั้งหมด คงแปรเฉพาะส่วนที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดเก็บไว้เท่านั้น ส่วนใหญ่ยังไม่ได้แปรเป็นพระธาตุ ของหลวงปู่ตื้อก็เป็นพระธาตุของท่านนี้มีลูกศิษย์คนหนึ่งได้ไปงานเผาศพท่าน แล้วได้เก็บเอาผงเถ้าถ่านจากเมรุที่เผาเป็นชิ้นเล็กๆมาใส่ในตลับยาหม่องเอาสำลีรองไว้ ต่อมาอีกประมาณหนึ่งปี ผงถ่านเหล่านั้นจับตัวเป็นก้อนเล็กๆ หลายก้อน อีกระยะหนึ่งจึงได้กลายเป็นพระธาตุแต่ไม่ใส เป็นสีน้ำตาล อาจเพราะรวมจากผงเถ้าหลายอย่าง กระดูกบ้าง ไม้บ้าง พระธาตุเหล่านี้บางรูปก็ปาฏิหาริย์แยกออกได้เองก็มีมาก เป็นเรื่องของการอธิษฐาน และความเชื่อมั่น............. หมายเหตุ/// หลวงปู่เหรียญได้พระธาตุชุดนี้ของหลวงปู่ตื้อไว้บูชา ท่านพกติดย่ามของท่านตลอกเวลาไม่ว่าเวลาท่านจะเดินทางไปไหนก็ตามที ท่านเล่าว่า วันดีคืนดี พระธาตุก็แยกเป็นสององค์ และบางวันก็กลับมารวมกันเหมือนเดิม เป็นอยู่อย่างนี้ปกติ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 08:05:03

ความคิดเห็นที่ 74 ประสบการณ์นี้เป็นของคุณครูท่านหนึ่ง ไม่ประสงค์จะออกนามส่งมาให้ครับ เริ่มแรกที่ข้าพเจ้ารู้จักพระบรมสารีริกธาตุนั้น เพราะในขณะนั้นคุณอาของข้าพเจ้า ได้มาจากท่านผู้ใหญ่ที่ท่านนับถือ ตอนได้มาได้มาประมาณ 7 องค์เท่านั้น ครั้งแรกที่เห็นข้าพเจ้านึกในใจว่า ทำไมถึงเป็นเม็ดกรวด และมีลักษณะมันเลื่อม แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ คือตอนนั้นใครเขาว่าเป็นพระธาตุเราก็ว่าตามเขา ไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้น 4 ปี ข้าพเจ้าก็เห็นปรากฏการณ์หนึ่ง ที่เกี่ยวเนื่องด้วยปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ คืนวันนั้นข้าพเจ้านอนอยู่บนบ้านทรงไทยสมัยเก่าซึ่งเป็นไม้ และเวลานอนก็จะนอนกางมุ้ง โดยจะมีหิ้งพระอยู่บนหัวนอน โดยหิ้งพระจะเยื้องจากมุ้งประมาณวาเศษ ข้าพเจ้าเอี้ยวตัวลงนอนแล้วเปิดเพลงฟังเป็นปกติ นึกอย่างไรไม่ทราบ สายตาจากที่ไม่เคยหันไปมองที่หิ้งพระแต่ไหนแต่ไร ก็กลับต้องมอง เหมือนมีอะไรดลใจ ภาพที่เห็นติดตาติดใจ จนกระทั่งทุกวันนี้คือ แสงดวงขนาดนิ้วหัวแม่โป้งลอยจากหิ้งพระอย่างช้าๆ ลักษณะของแสงนั้นเป็นดวงสีเขียวคล้ายกับแสงเลเซอร์สีเขียวอย่างไรก็อย่างนั้นเลย ความสว่างของแสงไม่ทำให้เกิดเงากับวัตถุที่แสงนั้นลอยผ่าน ดวงไฟปริศนานี้ได้ลอยมาวนบนมุ้งที่ข้าพเจ้านอน ลักษณะการวนเป็นวงกลม กลมก็กลมจริงๆ ไม่มีบิดเบี้ยวเลยแม้แต่น้อย และยังวนตามเข็มนาฬิกาอีก ข้าพเจ้าจับตาดูจนกระทั่งแสงนั้นลอยหายไปบริเวณชานบ้าน พอได้สติก็รีบวิ่งไปบอกคนที่บ้านว่าเมื่อ ตะกี้เห็นแสงอะไรก็ไม่รู้สวยเชียว อาของข้าพเจ้าก็เลยบอกว่า เคยเห็นเหมือนกัน ลักษณะแบบเดียวกัน แต่เพียงแค่ไม่เห็นที่มาเท่านั้นว่าลอยมาจากไหน หลังจากนั้นได้มีโอกาสได้ไปกราบครูบาอาจารย์ในโอกาสที่ท่านมากิจนิมนต์ที่บ้านข้าพเจ้า ซึ่งจะนิมนต์เป็นประจำแทบทุกปี จึงได้เล่าเหตุการณ์ถวาย และเลยถือโอกาสกราบเรียนถามท่านว่า เอท่านอาจารย์แสงที่เห็นเป็นแสงอะไรแน่ ท่านได้ให้ความกระจ่างว่า แสงที่เห็นเป็นแสงของพระบรมสารีริกธาตุทำปาฏิหาริย์ให้โยมเห็น แสดงว่าโยมมีบารมีเกี่ยวเนื่องด้วยพระธาตุ เพราะครั้งที่อาตมาไปสร้างวัด.......ใหม่ๆ อาตมาก็เคยเห็นเหมือนกัน ข้าพเจ้าในตอนนั้นบอกตามตรงว่า ปีติมาก แม้ว่าพระพุทธองค์จะปรินิพพานไปนานมากแล้วยังมีเมตตากับข้าพเจ้า ซึ่งถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดก็คงจะยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ยังคงสงสัยว่าจะเกี่ยวเนื่องกันกับพระธาตุอย่างไร ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก เพราะคิดว่าห่างไกลตัวเองมาก แค่นี้ก็ปลื้มใจมากพอแล้ว หลังจากนั้น 3 ปี ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปกราบพระธาตุครูบาอาจารย์ที่บ้านคุณหญิงสุรีพันธุ์ และคุณอารยะ หวังทวีวิทย์ ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าอยากได้ไว้บูชาเพื่อเป็นศิริมงคลกับตนเองและครอบครัว ข้าพเจ้าก็เลยลองอัญเชิญพระธาตุดู ท่านก็มาให้จริงๆ โดยถ้าจำไม่ผิดองค์แรกทีอธิษฐานขอ เห็นจะเป็นของท่านพระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร วัดป่าแก้วบ้านชุมพล จังหวัด สกลนคร เพราะได้อ่านคำสอนของท่านแล้ว รู้สึกประทับใจมาก พระธาตุที่เสด็จมานั้นลักษณะเป็นแก้วใส 1 องค์ ข้าพเจ้าดีใจมาก ที่ท่านเสด็จมา เพราะครั้งนั้นข้าพเจ้าได้อธิษฐานเสี่ยงบารมีว่า ถ้ามีบุญวาสนา และ บารมีทางพระธาตุอย่างแท้จริงแล้วขอให้พระธาตุเสด็จมาโปรด ถ้าไม่มาแล้วไซร้ข้าพเจ้าจะไม่ขออีกเลย ระยะนั้นนึกอยากได้องค์ไหนท่านก็มาๆๆ ให้ พอระยะหลังๆที่ได้อัญเชิญท่านก็ไม่มา ซึ่งตามปกติแล้วหลังจากสวดมนต์และนั่งสมาธิแล้วพอลืมตามาก็จะปรากฏบนผ้าขาวที่เตรียมไว้ แต่ครั้งหลังๆนี้ หนึ่งวันก็แล้ว สองวันล่วงไปแล้ว ก็ยังไม่มา จนกระทั่งข้าพเจ้าอ่อนใจที่จะอัญเชิญต่อ แต่ก็ยังคงฉงนใจและแปลกใจว่าทำไมท่านไม่มาให้ หรือว่าเราทำอะไรที่ไม่ถูกไม่ควรหรือเปล่า ลองมานั่งย้อนนึกดูก็ไม่มีอะไรนี่นา นึกอยู่ในใจแค่นั้น ความสงสัยก็ยังคงอยู่อีกนั่นแหละ จนกระทั่งได้คุยโทรศัพท์กับท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งก็เลยเล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ท่านฟัง ท่านก็พลอยตื่นเต้นไปกับข้าพเจ้า จนท่านพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า ถ้ามีบารมีจริงแล้วทำไมถึงต้องอัญเชิญล่ะ สู้ให้ท่านมาหาเราเองไม่ดีกว่าเหรอ ข้าพเจ้าก็เลยสว่างวาบขึ้นมาในใจว่า ลูกรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดท่านจึงไม่เสด็จมา เหตุผลก็คือว่า เราไปยึดมั่นถือมั่น ในองค์พระธาตุว่าถ้าเราขอท่านต้องมาให้ และมีความประมาท มากว่าเรานี้แน่ อธิษฐานทีไรท่านก็มาให้ทุกที ในครั้งแรกที่ท่านมาๆๆให้ เพราะท่านต้องการให้ข้าพเจ้ามีความตั้งมั่น ในพระพุทธศาสนา ให้มีความเชื่อว่า คุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระอริยะสงฆ์ซึ่งยังปรากฏอยู่ในโลกนี้ มิได้เสื่อมสูญหายไปไหน เสมือนหนึ่งขนมหวานที่ล่อให้ติดใจ แล้วหลังจากนั้นก็เริ่มอด เริ่มทรมานให้รู้ถึงแก่นแท้ ให้รู้ถึงธรรม จนมีผู้เคยพูดว่าพระบรมสารีริกธาตุท่านเสด็จมาสอนธรรม ตอนนั้นก็ยังสงสัยว่า ท่านจะมาสอนได้ยังไงก็ท่านเป็นลักษณะเป็นก้อนกลมๆ คล้ายหินกรวดที่มีลักษณะงดงามเพียงแค่นั้นเอง บัดนี้แจ้งใจแล้วว่าท่านมาสอนได้อย่างไร ข้าพเจ้าเลยเริ่มต้นใหม่โดย ตั้งไว้ว่าเอาละนับแต่นี้ ข้าพเจ้าจะไม่อัญเชิญพระธาตุอีกแล้ว แต่ถ้าท่านเมตตาจริงท่านก็คงมาให้เอง แล้วก็หันมาภาวนา ครั้งแรกๆก็อดไม่ได้ที่จะขอท่านว่าอยากได้ ขอบารมีท่านเสด็จมาโปรดด้วยเถิด นึกในใจ ปรากฏว่าไม่มาเลยซักองค์เดียวคราวนี้ ก็เลยลองใหม่คิดว่าจิตคงจะไม่มั่นคงเท่าที่ควร ลองแล้วลองอีกก็ไม่มา ก็ตัดใจว่าคงไม่ได้ไว้แล้วละ คงไม่มีวาสนา หลังจากนั้นไม่นานก็มีผู้นำมาให้ บางทีครูบาอาจารย์ท่านก็นำมาให้เป็นอย่างนี้ทุกทีไป ก็เลยมาย้อนคิดดูว่าคงเป็นเพราะว่ายังมีความอยากได้ท่านก็เลยไม่มาซะ แต่พอตัดใจจากองค์นั้นๆได้ ท่านคงจะว่า ทรมานมันมาพอสมควรแล้ว ให้มันหลาบจำ ว่าคราวหลังอย่าโลภ พอโลภก็จะขัดขวางความก้าวหน้าของจิต แต่พอสามารถที่จะละวางได้บ้างแล้ว ท่านถึงจะให้มาเป็นกำลังใจในการปฏิบัติธรรมต่อไป สมัยก่อนข้าพเจ้าเคยคิดอยากจะเขียนเล่าถึงปาฏิหาริย์ของพระธาตุที่ข้าพเจ้าได้พบซึ่งมากมาย หากนำมาเล่าก็อาจยาวมากขนาดเขียนเป็นเล่มได้ แต่พอบัดนี้แล้วข้าพเจ้าคิดว่า คนทั่วไปเขามักจะเล่าถึงว่าเขาประสบปาฏิหาริย์พระธาตุอย่างไรบ้าง ซึ่งก็มีผู้เขียนมามากแล้ว แต่ข้าพเจ้ากลับมองว่าทำอย่างไรต่างหากที่พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาโปรด และท่านสอนธรรมอะไรบ้าง อย่างหนึ่งเลยก็คือ ศีล คือสิ่งที่สำคัญ เป็นบาทฐาน ข้าพเจ้าก็ยังต้องยอมรับว่าบางครั้งก็ด่างพร้อยไปบ้าง เพราะมิได้วิเศษวิโสอะไร เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังมีอวิชชาเข้าครอบงำอยู่ ซึ่งยังไม่สามารถกำจัดได้ซะทีเดียว และที่สำคัญคือ สมาธิ การนั่งภาวนาดูจิตใจของตนเอง โดยไม่ต้องไปแส่ส่ายหาสิ่งภายนอกอย่างอื่น ในความคิดของข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่พระธาตุเสด็จมาโปรดหรือไม่ แล้วต้องกอปรด้วยบารมีเก่าที่เกี่ยวเนื่องกับพระธาตุ เช่นเคยอุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา หรือ เคยร่วมการสังคายนาพระไตรปิฎก ( เท่าที่ได้ฟังมา ไม่แน่ใจว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร) ในความคิดของข้าพเจ้า อยากจะขอให้ท่านทีได้มีโอกาสสักการบูชาพระธาตุอยู่แล้วพยายามสักการบูชาให้เกิดบุญกุศลกับตัวท่านให้มากที่สุด อยากจะขอให้ท่านมองพระธาตุท่านเสมือนว่า ท่านให้ข้อคิดต่างๆด้านธรรมะมากกว่า ที่จะมาคุยอวดกันว่า ท่านผู้ใดมีมาก ท่านผู้นั้นคือผู้ที่มีบารมีมาก เพราะพระธาตุมิใช่ของสะสมที่ไว้อวดบารมี ซ้ำยังก่อให้เกิดความโลภแก่ผู้อื่นเสียด้วยซ้ำ ให้เข้าใจว่าพระธาตุคือส่วนหนึ่งของพระสรีระของพระพุทธองค์ แล พระอรหันตสาวก เป็นเครื่องระลึกถึงคุณอันอเนกอนันต์ของพระพุทธเจ้า พระธรรม แล พระสงฆ์ รวมไปถึงการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และการดำรงคงอยู่ของพระพุทธศาสนา จวบจนห้าพันพระวสา E-mail ฉบับนึงที่ส่งมาให้ครับ (ส่งมาเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2546) สวัสดีครับ ผมขออนุโมนาบุญกับการเผยแผ่ข้อมูลเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ ไม่ทราบว่าคุณนัฐชัยเคยอ่านหนังสือ "ไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุทั่วเมืองไทย" ของไพโรจน์ เสรีรักษ์ แล้วหรือยังถ้ายังลองหาอ่านจะได้ข้อมูลอีกมาก ผมรับราชการและกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโท สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีประสบการณ์เกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว คือวันแรกที่เปิดให้สักการะ พระเขี้ยวแก้วที่พระพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ผมรักษา ศีล8 และยังสวดบทบูชาอยู่เป็นเวลานาน เมื่อกลับมาบ้านแล้วนอนหลับ ตื่นมาประมาณเวลา 05.00 ได้ยินเสียงพระจีนสวดมนต์จนสว่าง ลงไปถามใครก็ไม่มีคนได้ยิน ผมจึงกลับไปไหว้อีก นับถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้สักการะ ผมไปไหว้ทั้งหมด 15 ครั้ง นายจตุพร กล่อมไสยาศน์ (โดยได้รับอนุญาตให้เปิดเผยนามจากเจ้าของเมลล์แล้วครับ) จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 08:07:57

ความคิดเห็นที่ 75 E-mail ของน้องคนหนึ่งส่งมาให้ครับ ผมเป็นเพียงวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยคิดว่าจะได้พระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของหลายๆ พระองค์มาไว้บูชา ในภาวะบ้านเมืองแบบนี้ เริ่มจากสมัยเมื่อตอนยังเป็นเด็ก ผมได้ไปร่วมงานสร้างพระธาตุเจดีย์ประจำตำบล และได้เห็นวัตถุที่เรียกกันว่า 'พระบรมสารีริกธาตุ' ซึ่งขณะนั้น ผมก็เกิดความสงสัยว่า พระบรมสารีริกธาตุนี้มีจริงหรือ? พระที่เป็นแม่กอง(หัวหน้างาน) ก็อธิบายว่า "พระที่บรรลุธรรมเท่านั้น ที่อัฐิท่านจะเป็นพระธาตุได้" เมื่อผมทราบดังนี้ ก็เกิดอยากได้พระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุมาไว้บูชา แต่พอเวลาผ่านไป ความอยากได้นั้นก็ค่อยๆ จางหาย พอเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ผมจึงได้ไปสอบเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ พอถึงช่วงปลายเดือนกันยายนปีนั้นเอง ผมต้องเสียคุณพ่ออันเป็นที่รักไป ด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก ตั้งแต่นั้นมา ผมจึงได้ตั้งใจสวดมนต์ นั่งสมาธิ และทุกๆ วันพระจะใส่บาตรกินเจ ซึ่งทั้งหมดนี้ ผมตั้งใจทำเพื่อคุณพ่อที่ล่วงลับไป มีอยู่คืนหนึ่ง หลังจากที่ผมไหว้พระสวดมนต์เรียบร้อยแล้ว ได้เกิดนิมิตไปว่า มีคุณยายท่านหนึ่งเอาพานเงินใส่สังวาลย์เพชรมายื่นให้ ในนิมิตนั้นผมปฏิเสธ ไม่เอาลูกเดียว แต่คุณยายท่านนั้นบอกว่า "รับไปเถิดของมงคลสูงค่า บ้าหล้า(ไอ้หนู) ได้ไปแล้ว แล้วก็จะได้แหม" พอตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้สนใจ ด้วยคิดว่าน่าจะเกิดจากจิตฟุ้งซ่านมากกว่า เมื่อไปถึงที่ภาควิชาฯ ในวันนั้นเอง อาจารย์ที่ปรึกษาได้มอบอัฐิธาตุของครูบาบุญปั๋นให้ชิ้นนึง จึงเกิดความดีใจมาก ทั้งที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้มาไว้บูชา พอกลับมาถึงหอพัก จึงอัญเชิญชิ้นอัฐิของท่าน ใส่ลงในตลับเงินโบราณ ตั้งไว้บนหลังตู้ ตกกลางคืนผมได้สวดมนต์ตามปกติ พอตื่นเช้าขึ้นมา(ไม่ทันล้างหน้าละ) รีบไปเปิดดูตลับเงินก่อนเลย พอเปิดดูดีใจมากๆ จนบรรยายไม่ถูก "อัฐิธาตุของครูบาฯท่าน กลายเป็นพระธาตุ" จากเดิมที่ได้ออกขุ่นๆ แต่ตอนนี้ใสมาก ทั้งที่ยังเป็นชิ้นกระดูก หลังจากที่เห็นอัฐิท่านแปรเป็นพระธาตุจนหมดแล้วนั้น ผมยิ่งตั้งใจสวดมนต์ทำสมาธิ ศีลข้อไหนรักษาได้ก็รักษาไป พอดีรู้จักเว็บไซต์นี้ ก็มีคนมอบพระบรมธาตุมาให้หลายท่าน ทั้ง พี่บ. พี่ช. น้องจ. (ขออภัยไม่ประสงค์บอกชื่อ) บางทีผมได้ไปถวายสังฆทาน สนทนาธรรมกับพระภิกษุบ้าง ท่านก็ได้เมตตามอบพระบรมธาตุบ้าง พระอรหันตธาตุบ้าง หรือบางทีได้ไปตั้งแค้มป์ตามป่าตามถ้ำในเขตอำเภอฝาง อำเภอเชียงดาว ก็เจอพระธาตุบ้าง(ไม่กล้าเอามาหมด) จนพระบรมธาตุ และพระธาตุเต็มหลังตู้หมด ท่านผู้อ่านอย่าคิดว่าท่านจะมาเพิ่มเสมอไปนะครับ ผมเคยทำพลาดหลายครั้งแล้ว ครั้งหนึ่ง ขณะผมกำลังทำความสะอาดหิ้งพระ เผลอเอามือไปปัดโดนผอบใส่พระบรมธาตุเข้า ตกลงมากระจายทั่วห้อง ผมรีบตาลีตาลานเก็บ เชื่อหรือไม่ครับ "พระบรมสารีริกธาตุแบบเมล็ดผักกาดมีเป็น 50-60 องค์ แต่เก็บได้เพียง 18 องค์เท่านั้น" เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมเสียใจมาก จึงได้นำเรื่องนี้เล่าให้พระท่านฟัง ท่านเมตตาบอกว่า "เพราะเราไม่ดี ไม่ดีในที่นี้ก็คือ ไม่มีสติ ในการทำอะไร ทุกอย่างต้องมีสติ โยมลองไปฝึกมีสติใหม่แล้วท่านจะกลับมาหาเอง"ตั้งแต่นั้นมา ผมเลยพยายามฝึกตัวเองให้เป็นคนมีสติ ถึงขนาดยื่นคำขาดกับตัวเองไว้เลยว่า ถ้าวันไหนไม่สวดมนต์ เจริญสมาธิ ขอให้พระธาตุเสด็จหายไปวันละองค์ (ยกเว้นวันที่เจ็บป่วยถึงขนาดนอนโรงพยาบาลช่วงเดือนตุลาคม แต่ก็ตั้งจิตทำสมาธิทั้งที่นอนเอา) และถ้าหากผมดื่มน้ำเมาทุกชนิด ไม่เว้นแม้แต่ไวน์ ก็ขอให้พระธาตุเสด็จหายไปให้หมดทุกท่านทุกองค์ จนกระทั่งทุกวันนี้ผมปฏิบัติได้จนชิน การมีพระธาตุเปรียบเสมือนกับการมีพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์อยู่กับตัว การตั้งสัจจะกับพระธาตุ ก็เหมือนให้สัตย์สาบานต่อหน้าพระอรหันต์ การบังคับตัวเองก็พลอยบังคับใจไปด้วย ช่วยให้เรามีสติ รู้จักรักษาศีล เกิดสมาธิ ปัญญาตามมา แม้เรายังเป็นเด็ก หากได้กระทำดังนี้แล้ว เมื่อเราโตขึ้น ก็เป็นผู้ใหญ่ได้อย่างภาคภูมิ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ชาวพุทธอย่างเต็มที่ ไปไหนแม้คนไม่นิยมรัก แต่เทพยดาอารักษ์ทั้งหลายท่านมองเห็น แม้แต่ วิญญาณ ภูติ สัมภเวสี ก็นิยมหลีกทางให้เราเดิน อำนวยความสะดวกให้ กรรมหนักๆ ที่สร้างมาแต่ภพใดก็เบาบางลงได้ ผมรู้สึกภูมิใจมากในชีวิตนี้ ที่ได้สิ่งอันเป็นมงคลสูงสุดไว้บูชา ช่วยให้ผมมีสติ ไม่หลงระเริงกับวัตถุที่กำลังมอมเมาวัยรุ่นในขณะนี้ ขอขอบพระคุณทุกท่านที่เมตตามอบพระธาตุให้ และให้ธรรมเรื่องสติ-สมาธิ ขอโมทนาทุกท่าน ครับ http://www.relicsofbuddha.com/page7-4.htm จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 08:08:46

ความคิดเห็นที่ 76  (ตามมาจากอีกกระทู้นึง) จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 13:54:22

ความคิดเห็นที่ 77 ตามสบายครับ เพราะผมไม่เชื่อคุณ เกือบทุกเรื่องที่คุณพยายามนำเสนอ ไม่เชื่อด้วยซ้ำ ว่า คุณจะรักษาศีล5 ได้ครบด้วยซ้ำไป ใจหนึ่งอยากจะตอบอีกสักหน่อย แต่ผมไม่ใช่คุณ ถ้าไม่ถูกพาดพิง ก็จบเพียงเท่านี้ มีคำแนะนำด้วยความปราถนาดี ไปหาหมอเถอะครับ ลองไปพบ ไปคุย ไปปรึกษา อะไรๆจะดีขึ้น จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 16:29:24

ความคิดเห็นที่ 78 พระเดชพระคุณพระเทพญาณมงคล เป็นศิษย์มีครู มีประวัติชัดเจน มีปฏิสันฐานที่ดีกับนักปฏิบัติในสายต่างๆ เช่น หลวงปู่เทสก์ เทสกรังษี ,หลวงพี่เล็ก สายมโนมยิทธิ, สมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศ เป็นต้น ไม่ใช่พระที่หวังจะมาหลอกลวงเงินทอง และวัดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายที่วิชชาเพี้ยนไปแล้ว จากคุณ : nujuli3 (nujuli3) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 21:03:22

ความคิดเห็นที่ 79 สรุปว่าคุณ venture ก็คงไม่ยอมไปพบพระอาจารย์ปิยะลักษณ์ท่านเอง อย่างที่คุณเคยเชื่อว่าท่านพูดผิด อธิบายผิด และคุณสามารถจะอธิบายให้ท่านเข้าใจได้ งั้นผมก็คงไม่จำเป็นต้องลบคลิปวีดีโอนะครับ  แล้วเราก็ต่างคนต่างเชื่อ ต่างคนต่างเห็นอยู่แล้ว แต่ผมเองก็ไม่คิดว่าจะต้องเป็นศัตรู หรืออะไรที่จะขัดแย้งกับคุณ venture แต่อย่างใด จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 21:25:16

ความคิดเห็นที่ 80 ฟังเสียงสดๆของท่าน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:34:40

ความคิดเห็นที่ 81 79 ก็แจ้งไปแล้ว ให้ไปเรียนถามซินแสที่เข้าใจเรื่องปีชงได้ครับ สอนไปแล้วบอกไปแล้วไม่เชื่อ แล้วจะไปหาทำไมกัน ว่าท่านมั่วอย่างไร รับทราบแล้วก้แก้ไขนะครับ ในวิดีโอท่านบอกเองว่าไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่พูดเยอะเกิน จับแพะชนแกะ ปีชง ราหู มาปนกันมั่ว อ้างหลักวิทยาศาสตร์ หลักการแพทย์เลอะเทอะ เหลวไหล ลองไปโพสหว้ากอสิครับ โดนกระหน่ำ ก็แนะนำไปแล้ว ไม่รู้เรื่องก็อย่าพูดเยอะสิท่าน คุณจะเก็บไว้ประจาน ก็แล้วแต่คุณนะครับ ก็ดีเหมือนกันครับ เป็นหลักฐานชั้นดี และเรื่องการพาดพิงวิชชธรรมกายตามที่ท่านอ้างก็นิมนต์มาที่วัดหลวงพ่อสดได้ครับ มีพระสงฆ์ฆราวาสพร้อมจะสอนท่าน ถ้าท่านยินดีเปิดใจเรียนรู้ มันมีรายละเอียดเยอะเกิน และตำราอ้างอิง ที่ต้องขนไป แค่คุณพาท่านมา น่าจะสะดวกกว่า จบภารกิจไม่ยากนะครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 55 00:56:48 แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 55 00:44:26 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:38:57

ความคิดเห็นที่ 82 77 คุณกำลังจะบอกว่า คนที่พิสูจน์เรื่องราว พระไตรปิฏกได้ด้วยการปฏิบัติภาวนา โดยมีครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนใกล้ชิด และผู้ปฏิบัติก้เข้าใจตรงกัน เป็นเรื่องไม่ดี หรือคุณกำลังจะแนะนำให้ฉีกตำราทิ้งเหรอเปล่าครับ มัวแต่ปริยัติอย่างเดียว ต่อมหาจุฬา โชโฮ พอมีวัดที่เขาได้ผลการปฏิบัติ มาแสดง ก้ดิ้นพล่านกันแบบนี้ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ มีสังคมนักปฏิบัติดูแลกันอยู่แล้ว มีศีลธรรม และปฏิบัติเป็นปกติ มีครูอาจารย์ดูแลอยู่แล้ว ดูแลตัวเองเถิดครับ ทำกิเลสให้เบาบาง ถามตัวเองทุกวันว่า ทำไมจึงมีเรื่องราวในพระไตรปิฏก ที่คุณรู้ตามไม่ทัน เพราะกิเลสในใจของตนเองใช่ไหม ที่มาปิดบังไว้ ผมยังสุขสบายดียังเดินสายบรรยาย ประกอบสัมมาอาชีวะ กินอิ่มนอนหลับ อารมณ์เบิกบาน และเคยสอนจิตแพทย์ให้มาสนใจปฏิบัติภาวนาอยู่หลายคนแล้ว ชวนมาวัดแล้ว ไม่ศึกษาก็เงียบๆ ไม่มีใครว่าอะไร ก้ต่างคนต่างอยู่ดีแล้วครับ สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า พระโมคคัลลานะเห็นเปรต คนอื่นไม่เห็นจะมาขัดขวางอะไรแบบที่คุณทำเลยครับ อย่างอแงครับ แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 55 00:53:19 จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:42:40

ความคิดเห็นที่ 83 เคสนี้ สายปฏิบัติหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 01:20:23

ความคิดเห็นที่ 84 รู้จัก ดีเลยครับ ลองไปคุยดูครับ ไม่มีอะไรเสียหาย แถมได้ประโยชน์เสียอีก อาจจะได้แลกเปลี่ยนความรู้ พุทธศาสนาในมุมมองจิตวิทยา มีประเด็นที่น่าสนใจมากมายครับ อยากให้ไปลองคุยดูครับ ได้ทั้งประโยชน์ ได้ทั้งความรู้ จากคุณ : promp888 เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 06:18:53

ความคิดเห็นที่ 85 84 สิ่งที่ผมสอนจิตแพทย์ไปสำหรับคนที่ไม่มีพื้นปฏิบัติก็คือ จิตที่ west ค้นพบ ไม่ลึกซึ้งเท่า จิตที่ Bhudda ค้นพบหรอกครับ ส่วนจิตแพทย์ท่านที่มีพื้นฐานการปฏิบัติธรรม ท่านก็เข้าใจไม่ยากหรอกครับ ท่านแยกออกระหว่างคนที่ป่วยจิตเวช หูแว่ว เสียสติ ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ เพราะฉะนั้นอย่าไปห่วง สิ่งที่ควรทำต่อไปในแง่วิทยาศาสตร์ก็คือ พิสูจน์ความมหัศจรรย์แห่งจิต จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 10:00:23