พูดร้ายพูดไม่ดีกับสา่มี ตายไปเกิดเป็นเปรต
|
 |
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภนางเปรตชื่อว่านันทา จึงตรัสคาถานี้ มีคำเริ่มต้นว่า กาฬี ทุพฺพณฺณรูปาสิ ดังนี้.
ได้ยินว่า ในหมู่บ้านตำบลหนึ่ง ไม่ไกลแต่กรุงสาวัตถีนัก ยังมีอุบาสกคนหนึ่ง ชื่อว่า นันทิเสน เป็นผู้มีศรัทธา มีความเลื่อมใส. ส่วนภริยาของเขาชื่อว่านันทา ไม่มีศรัทธา ไม่มีความเลื่อมใส เป็นคนตระหนี่(หวง,ขี้เหนียว) ดุร้าย กล่าววาจาหยาบคาย ไม่เคารพยำเกรงสามี ด่าบริภาษแม่ผัว ด้วยวาจาว่าเป็นโจร.
เวลาต่อมา นางนันทานั้นตายแล้ว ไปบังเกิดในกำเนิดเปรต แสดงตนในที่ไม่ไกลหมู่บ้านนั้นนั่นเอง.
นันทิเสนอุบาสกเห็นนางนั้น จึงได้กล่าวว่า :-
"ท่านมีผิวพรรณดำ มีรูปร่างน่าเกลียด ตัวขรุขระดูน่ากลัว มีตาเหลือง มีเขี้ยวงอกออกเหมือนหมู เราไม่เข้าใจว่า ท่านจะเป็นมนุษย์"
นางเปรตได้ฟังดังนั้น เมื่อจะประกาศตนจึงกล่าวคาถาว่า :- "ท่านนันทิเสน เมื่อก่อนดิฉันชื่อนันทา เป็นภรรยาของท่าน ได้ทำกรรมชั่วไว้จึงจากมนุษยโลกนี้ ไปสู่เปตโลก. "
อุบาสกนั้นจึงถามว่า :-
"ท่านทำกรรมชั่วอะไรไว้ด้วยกายวาจาใจ เพราะวิบากของกรรมอะไร ท่านจึงจากมนุษยโลกนี้ไปสู่เปตโลก"
ลำดับนั้น นางเปรตจึงได้ตอบกะนันทิเสนอุบาสกว่า
"ดิฉันเป็นหญิงดุร้าย มีวาจาหยาบคาย ไม่เคารพพี่ กล่าวคำชั่วหยาบกะพี่ จึงจากมนุษยโลกนี้ ไปสู่เปตโลก"
นันทิเสนอุบาสกจึงถามอีกว่า :-
เอาเถอะ เราจะให้ผ้านุ่งแก่เจ้า เจ้าจงนุ่งผ้านี้ ครั้นนุ่งผ้านี้แล้วจงมา ฉันจะนำเจ้าไปสู่เรือนเจ้าไปเรือนแล้ว จักได้ผ้าข้าวและน้ำ ทั้งจักได้ชมบุตรและลูกสะใภ้ของเธออีกด้วย.
ลำดับนั้น นางเปรตจึงได้กล่าวคาถา ๒ คาถาแก่นันทิเสนอุบาสกนั้นว่า :-
ผ้านั้นถึงพี่จะให้ที่มือของฉัน ด้วยมือของพี่เอง ก็ไม่สำเร็จประโยชน์แก่ฉันได้ ขอพี่จงเลี้ยงดูภิกษุทั้งหลายผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ผู้ปราศจากราคะ ผู้เป็นพหูสูต ให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำ แล้วอุทิศส่วนบุญไปให้ดิฉัน เมื่อท่านทำอย่างนั้น ดิฉันจักมีความสุข สำเร็จความปรารถนาทั้งปวง.
นันทเสนอุบาสกรับคำแล้ว ได้ให้ทานเป็นอันมาก คือ ข้าว น้ำ ของกิน ของเคี้ยว ผ้า เสนาสนะ ร่ม ของหอม ดอกไม้ และ รองเท้าต่างๆ และเลี้ยงดูภิกษุทั้งหลายผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ปราศจากราคะ เป็นพหูสูตให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำ แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้นาง นันทา ข้าว น้ำ และเครื่องนุ่งห่มอันเป็นวิบาก ย่อมบังเกิดในทันตา นั้นนั่นเอง นี้เป็นผลแห่งทักษิณา ในขณะนั้นนั่นเอง นางเปรตนั้นมี ร่างกายบริสุทธิ์สะอาด นุ่งห่มผ้าอันดีมีค่ายิ่งกว่าผ้าแคว้นกาสี ประดับ ด้วยวัตถาภรณ์อันวิจิตร เข้าไปหาสามี.
นันทเสนอุบาสกจึงถามว่า
ดูกรนางเทพธิดา ท่านมีวรรณะงามยิ่งนักส่องสว่างไสวไปทั่วทุกทิศ สถิตอยู่ดุจดาวประกายพฤกษ์ ท่านมีวรรณะงามเช่นนี้ อิฐผลย่อม สำเร็จแก่ท่านในวิมานนี้ และโภคะทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นที่รักแห่งใจ ย่อมเกิดแก่ท่านเพราะกรรมอะไร ดูกรนางเทพธิดาผู้มีอานุภาพมาก ฉันขอถามท่าน เมื่อท่านเกิดเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไร อนึ่ง ท่านมีอานุภาพ รุ่งเรืองและมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เพราะกรรมอะไร?
นางนันทาเทพธิดาตอบว่า
ข้าแต่ท่านนันทเสน เมื่อก่อน ฉันชื่อนันทาเป็นภรรยาของท่าน ได้ทำ กรรมชั่วช้าจึงไปจากมนุษยโลกนี้สู่เปตโลก ฉันอนุโมทนาทานที่ท่านให้ แล้วจึงเป็นผู้ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ดูกรคฤหบดี ขอท่านพร้อมด้วยญาติทั้งปวง จงมีอายุยืนนานเถิด ดูกรคฤหบดี ท่านประพฤติธรรมและให้ทาน ในโลกนี้แล้ว จะเข้าถึงถิ่นฐานอันไม่เศร้าโศก ปราศจากธุลี อันเป็น ที่อยู่ของท้าววสวัสดี ท่านกำจัดมลทิน คือ ความตระหนี่พร้อมด้วย รากแล้ว อันใครๆ ไม่ติเตียนได้ จักเข้าถึงโลกสวรรค์.
จบ นันทาเปตวัตถุที่ ๔.
*****************
จาก นันทาเปตวัตถุ ว่าด้วยเรื่องของเปรตชื่อนันทา http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=26&A=3459&Z=3506&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=26&i=101
แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 13:23:32
แก้ไขเมื่อ 09 ก.พ. 55 15:21:29
จากคุณ |
:
Serene_Angelic
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.พ. 55 15:20:39
|
|
|
|