ความคิดเห็นที่ 1 อิสลาม ถึงมีการนิกะห์ที่ไม่ยุ่งยาก อยากเรียนก้เรียนไป อยากมีแฟนนิกะห์เลย อายุ 14-15 ไม่ใช่ปัญหา ดีกว่าปล่อยไปเละเทะ สะสมรอบเอวกัน มะเท่ห์เลย เดวนี้มีค่านิยม สะสมแล้วอวดกันใคร สะสมได้มากกว่าเท่ห์ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 22:42:14

ความคิดเห็นที่ 2 อยากให้สังคมเราจริงจังกับเรื่องนี้สักทีค่ะ คิดว่า จะทำอย่างไรกันดี ที่จะแก้ที่ต้นเหตุได้ ไม่ใช่แก้กันที่ปลายเหตุ จนเหมือนดูเป็นการส่งเสริม และอีกอย่าง เพิ่งจะอ่านข่าวมา อึ้งมาก กับข่าวนี้ http://news.voicetv.co.th/thailand/30440.html จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 23:06:07

ความคิดเห็นที่ 3 นั้นแหละ ลันตา พี่จิม ถึงอดีตจะเสือร้าย แต่ก็รับไม่ได้เลยละ เห็นทำอะไรกันในที่สาธารณะบ้างแหละ ในรถแทกซี่ ในรถเมลย์ บ้างแระ โดยเฉพาะไม่เกรงใจกับเครื่องแบบนักเรียน เรื่องนี้ไม่ใช่เสียเรื่องเซกส์เพียงอย่างเดียว แต่ปลูกฝังคำว่ากาลเทศะ ที่ผิดๆ ไม่รู้จักการให้เกียตริ กับเครื่องแบบและคนรอบข้างที่พบเห็น ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ มือมืดนำคลิปวีดิโอนักเรียนหญิงวัยโจ๋ โรงเรียนมัธยมชื่อดัง อมนกเขาเพื่อนชายบนรถเมล์ประจำทาง ออกโพสต์ ประจานทางอินเตอร์เน็ตทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ว่า ได้มีผู้นำคลิปวีดิโอ ที่ถ่ายจากกล้องโทรศัพท์ มือถือ เป็นภาพของเด็กวัยรุ่นหญิงคนหนึ่ง ในชุดนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา โชว์ลีลามั่วเซ็กซ์บนรถเมล์บริเวณเก้าอี้นั่งเบาะหลังสุด ของรถประจำทางปรับอากาศสายหนึ่งในกรุงเทพฯ ช่วงเวลากลางวันแสกๆ โดยผู้ที่นำคลิปดังกล่าวออกมาโพสต์ประจานทางอินเตอร์เน็ต ใช้ชื่อในการเข้าระบบว่า "arnevcoze" เริ่มนำคลิปออกมาโพสต์ปลายปีที่แล้ว มีคนเข้าไปโหลดภาพดูกันเป็นจำนวนมาก และมีคนนำไปโพสต์ในเว็บฯต่างๆต่อกันจนแพร่หลายไปทั่ว โดยคลิป วีดิโอดังกล่าวมีความยาวประมาณ 2 นาที คลิปวีดิโอดังกล่าว เริ่มต้นที่ภาพนักเรียนหญิงยิ้มสู้กล้อง ซึ่งฝ่ายชายที่แม้จะไม่เห็นหน้า แต่คาดว่าเป็นเพื่อนนักเรียน เป็นผู้บันทึกภาพ ขณะที่มือฝ่ายชายคลึงเคล้าหน้าอกและเปิดกระดุมเสื้อจนเห็นปทุมถันและยังเผยให้ เห็นตัวอักษรย่อชื่อโรงเรียนบนเสื้อ เป็นโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านชานเมือง กทม. ในภาพทั้งคู่ได้แลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่ฝ่ายชายจะงัด "เจ้าหนูน้อย" ออกมาให้นักเรียนหญิงทำออรัลเซ็กซ์บนเก้าอี้นั่ง แล้วเลียปากโชว์กล้องอย่างไม่สะทกสะท้าน จากการสังเกตที่กระจกท้ายรถ มีสติกเกอร์ ติดไว้ว่า รถเอกชนร่วมบริการ สภาพภายในรถ อาทิ เบาะเก้าอี้นั่งผ้าม่าน ล้วนเป็นลักษณะภายในของรถปอ.ปรับอากาศ สีน้ำเงิน ที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ขณะบันทึกภาพนักเรียนหญิง ไม่ได้แสดงอาการอายหรือปิดบังใบหน้า จึงน่าเป็นการถ่ายเล่นด้วยความคึกคะนองของฝ่ายชาย เพราะเห็นว่าปลอดคน ประกอบกับเก้าอี้ของรถสายดังกล่าว มีความสูงปิดบังสายตาได้ดี นายปริญญา โตสวัสดิ์ อายุ 46 ปี พนักงานขับรถสาย 54 กล่าวว่า พนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์เห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของวัยรุ่นจนชินตา สมัยก่อนเด็กชอบตีกันบนรถประจำทาง เดี๋ยวนี้ชอบขึ้นรถมากอดจูบลูบคลำ ส่วนมากมากันเป็นกลุ่มชายหญิงแล้วแยกเก้าอี้ นั่งกันเป็นคู่โดยจะเลือกเก้าอี้ด้านหลังสุด ต่างคนต่างอยู่กับคู่ของตัวเอง เมื่อเห็นปลอดคนก็จะเริ่มออกอาการ ส่วนใหญ่ จะเป็นเด็กนักเรียนมัธยม เด็กพวกนี้ใจกล้ามากขึ้น บางคนนั่งโป๊มาก แม้จะมีคนมองก็ไม่สนใจ เมื่อเห็นว่าคู่ไหนพลอดรักกัน จะไปห้ามก็ห้ามไม่ได้ เพราะสมยอมทั้งสองฝ่าย บางคนนอนหนุนตัก แต่ไม่รู้ทำอะไรกันหรือเปล่า บางทีเห็นแล้วก็ทำให้เสียสมาธิในการขับรถ ได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ นอกจากมีอะไรเกินเลยกระเป๋าจึงจะเข้าไปว่ากล่าวตักเตือน ด้านนางเบญจมาศ พงศ์สรฤทธิ์ หัวหน้ากองบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า จะเน้นดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร เรื่องอุบัติเหตุ ถูกทำร้าย และถูกลวนลาม ส่วนเด็กวัยรุ่นไปทำอะไรกันบนรถเมล์ ถ้าเป็นการสมยอมและพอรับได้ ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลคงไปทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าทำเรื่องไม่เหมาะสมและไปรบกวนผู้โดยสารอื่น กระเป๋ารถเมล์ก็จะเข้าไปตักเตือน ที่ผ่านมามีรายงานเรื่องกอดจูบ นอนหนุนตักกันตามประสาวัยรุ่น ถ้าจะทำอะไรที่เกินเลยกว่านั้นเด็กคงไม่ทำบนรถเมล์ ที่คนพลุกพล่าน รถเอกชนร่วมบริการก็ดูแลแบบเดียวกัน แต่ก็ยอมรับว่าหากจะทำอะไรกันที่เบาะหลังรถ กระเป๋ารถเมล์อาจจะมองไม่เห็น ถ้าเป็นการสมยอมหรือจงใจทำให้ เสียชื่อเสียงมีข้อมูลก็สามารถเอาผิดได้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก "น้องเมจิ" นักศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยย่านหลักสี่ ถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นบนรถเมล์ ว่า เพื่อนหญิงคนหนึ่งเคยถูกแฟนร้องขอ ให้ช่วยสำเร็จความใคร่ให้บนรถเมล์ ในช่วงที่ผู้โดยสารน้อย แม้จะไม่อยากทำเพราะกลัวคนเห็น แต่กลัวแฟนโกรธจึงยอมทำแต่ตอนหลังได้เลิกรากันไป เพราะฝ่ายชายชอบให้ทำอะไรที่รับไม่ได้บ่อยๆ เรื่องแบบนี้ในกลุ่มวัยรุ่นจะมีคุยให้ได้ยินกันตลอดเวลาโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กมัธยมใจแตก ถ้าจะแอบไปมีอะไรกันที่บ้าน ก็กลัวพ่อแม่จะเห็น จะเข้าโรงแรมก็ไม่ได้ จึงแอบพลอดรักกันในห้องเรียน หลังจากเลิกเรียนแล้ว บางคนอาศัยช่วงเวลาปลอดคนโดยเฉพาะช่วงเย็น แอบทำกันตามซอกบันไดระหว่างชั้นเรียน ผู้ชายมักจะใช้มือถือถ่ายภาพเก็บไว้ เมื่อเลิกรากันไปวันไหน จะมีคลิปออกมาประจานให้เสียหาย  ที่มา  http://www.yorkza.com/content/503/ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 23:32:00 แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 23:31:30 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 23:29:54

ความคิดเห็นที่ 4 แถวนี้แม่ม ...ประเทศไทย จากคุณ : Saladin (A.TheRipper94) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 23:46:14

ความคิดเห็นที่ 5 หรือว่าเดี๋ยวนี้ความหมายของคำว่าแฟนมันเปลี่ยนไปแล้ว หรือว่าชุดเจ้าบ่าว-เจ้าสาวเค้าไม่เป็นสีขาวกันแล้ว จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 00:19:40

ความคิดเห็นที่ 6 เย๊ยย คุณจองเจียงใหม่ ชุดเจ้าบ่าว เจ้่าสาว สีอื่นก็มีนะคะ (ขำๆนะคะ ) อืม..ว่าแต่ สังคมเราตอนนี้มันเปลี่ยนไปมาก เคยได้ยินได้ฟัง คนแก่ๆ ท่านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนนั้น ไม่ได้เป็นเหมือนสมัยนี้ ไม่ค่อยมีสำส่อนทางเพศ เลยเห็นได้ว่า โรคเอดส์ หรือ โรคระบาดอื่นๆ ที่เกี่ยวกับ เพศสัมพันธ์ มักจะมีอัตราน้อยมาก ดังนั้น เราในฐานะ คนไทย จะช่วยอะไร สังคม และ ประเทศของเราได้อย่างไรบ้าง จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 09:21:44

ความคิดเห็นที่ 7 โรคเอดส์ ไม่เคยปรากฏในชนยุคก่อนๆ  เพราะ  โรคเอดส์ พบครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2524 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ป่วยเป็นชายรักร่วมเพศป่วยเป็นปอดบวมจากเชื้อ    นิวโมซีสตีสแครินิอาย(Pneumocystis Carinii)  ทั้งที่เป็นคนแข็งแรงมาก่อน  และไม่เคยใช้ยากดภูมิต้านทาน ผลการตรวจทาง     ห้องปฏิบัติการพบว่าเซลล์ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิต้านทานโรคไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ  จากการศึกษาย้อนหลังพบว่า  โรคนี้มีต้นกำเนิดจากประเทศแถบอาฟริกาตะวันตกในปี พ.ศ.2503  และต่อมาได้แพร่ไปยังเกาะไฮติ    ทวีปอเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมทั้งประเทศไทยด้วย  สำหรับผู้ป่วยเอดส์รายแรกในประเทศไทยนั้นเป็นชา่ยอายุ 28 ปี เดินทางไปศึกษาต่อที่อเมริกาและมีพฤติกรรมรักร่วมเพศ เริ่มมีอาการ   ใน พ.ศ.2526ได้รับการตรวจและรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอเมริกาพบว่าปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystis Carinii แพทย์ลงความเห็นว่าเป็นโรคเอดสจึงกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย ในปีพ.ศ.2527 และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โรคเอดส์ มีสาเหตุมาจากการสำส่อนทางเพศ ระหว่างชายหญิงและชายกับชายทางทวารหนัก   โรคร้ายนี้แพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว  เพราะการสำส่อนทางเพศแพร่หลายมากขึ้น  และผู้ที่สำส่อนเพศ คือ อาชญากรร้ายที่ทำลายทรัพยากรมนุษย์   อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสไว้ว่า إِنَّ الَّذِينَ يُحِبُّونَ أَنْ تَشِيعَ الْفَاحِشَةُ فِي الَّذِينَ آمَنُوا لَهُمْ عَذَابٌ أَلِيمٌ فِي الدُّنْيَا وَالآخِرَةِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ وَأَنْتُمْ لا تَعْلَمُونَ แท้จริงบรรผู้ชอบที่จะให้เรื่องบัดสีแพร่หลายไปในหมู่ผู้ศรัทธานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวด ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าและอัลลอฮ์ทรงรอบรู้และพวกเจ้าไม่รู้ – อันนูร/19ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า إذا ظهر الزنا والربا في قوم فقد أحلوا بأنفسهم عذاب الله เมื่อการผิดประเวณี และ ดอกเบี้ยปรากฏอย่างเปิดเผยในกลุ่มชนใด แน่นอน พวกเขาได้อนุมัติการลงโทษของอัลลอฮ ด้วยตัวของพวกเขาเอง”- รายงานโดย หากิม โดยเขากล่าวว่า สายรายงานถูกต้อง(เศาะเหียะ)                       ในยุคศาสดาลูฏ อะลัยฮิสสลาม อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ได้ทำลายกลุ่มชนของเขา ที่มีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ โดยชายสมสู่กับชาย    ดังที่ระบุในอัลกุรอ่านว่า      ขณะที่ ศาสดาลูฏ อะลัยฮิสสลามกล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า إِنَّكُم لَتَأْتُونَ الرِّجَالَ شَهْوَةً مِّنْ دُونِ النِّسآءِ แท้จริงพวกท่านจะสมสู่เพศชายด้วยตัณหาราคะอื่นจากเพศหญิง – อัลอะรอฟ/81 และทรงกล่าวถึงการลงโทษพวกเขาว่า فَأَخَذَتْهُمُ الصَّيْحَةُ مُشْرِقِيْنَ * ดังนั้น เสียงกัมปนาทได้คร่าพวกเขาเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น فَجَعَلْنَا عَالِيَهَا سَافِلَهَا وَأَمْطَرْنَا عَلَيْهِمْ حِجَارَةً مِّنْ سِجِّيْلٍ * แล้วเราได้พลิกกลับส่วนบนของมันเป็นส่วนล่าง และได้ให้หินจากนรกหล่นลงมาทับพวกเขา إِنَّ فِي ذَلِكَ لآيَاتٍ لِلْمُتَوَسِّمِيْنَ* وَإِنَّها لَبِسَبِيْلٍ مُّقِيْمٍ แท้จริงในการนั้น แน่นอนเป็นสัญญาณแก่บรรดาผู้พินิจพิเคราะห์ – อัลหิจญุ/ 73-76                                       เพราะฉะนั้นทางเดียวเท่านั้นที่จะป้องกันเอดส์ได้คือ การปฎิบัติตามคัมภีรอัลกุรอ่าน และป้องกันด้วยคำสอนอัลกุรอ่านดังนี้ 1.  ไม่ดูภาพโป้ ภาลามกอนาจาร  หรือ สื่อที่ยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ 2.    รักษาอวัยวะเพศของตนเองไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ต้องห้ามหรือ การสำส่อนทางเพศอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า            قُل لِّلْمُؤْمِنِينَ يَغُضُّوا مِنْ أَبْصَارِهِمْ وَيَحْفَظُوا فُرُوجَهُمْ ذَلِكَ أَزْكَى لَهُمْ إِنَّ اللَّهَ خَبِيرٌ بِمَا يَصْنَعُونَ                                                                  จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดาผู้ศรัทธาให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ  และให้พวกเขารักษาอวัยวะเพศของพวกเขา นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่งแก่พวกเขา  แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ  3.  ไม่แต่งงานกับคนที่สำส่อนทางเพศ หรือ ทำผิดประเวณี  เพราะคนสำส่อนทางเพศเป็นคนที่ไร้เกียรติและอาจจะนำโรคมาสู่คู่ครองได้   อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาตรัสว่า الزَّانِي لا يَنكِحُ إلا زَانِيَةً ชายผิดประเวณีจะไม่สมรสกับใคร นอกจากกับหญิงที่ผิดประเวณี – อันนูร/   บางส่วนของ บทความ อ.  อะสัน หมัดอะดั้ม    แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 55 10:01:07 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 09:59:49

ความคิดเห็นที่ 8 มันเป็นวิวัฒนาการของโลกครับ การเรียนรู้ที่เร็วขึ้น ลัดขึ้น แม้ว่าจะหยาบ และน่ารังเกียจขึ้นเช่นกัน คนเรามักมองว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากความเคยชินของตนเป็นเรื่องเสื่อม เช่นลัทธิหัวนมเต่ง จะพูดอยู่เสมอว่ายุคนี้เป็นยุคเสื่อม ต้องเอาธรรม (ปลอม) เข้าไปช่วยแก้ไข แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องของยุคสมัย เราก็คงไม่ได้คิดว่าตัวเรา มีจริยธรรมน้อยกว่ายุคพ่อแม่ของเรา และในความเป็นจริง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องน้อยกว่า เพียงเพราะเราเกิดมาในยุคสมัยหลังท่านจริงๆ เชื่อเถอะว่าเด็กสมัยนี้ก็เหมือนกัน เค้าอาจมีการแสดงออก และการเรียนรู้ที่แตกต่างไป แต่ตอนอายุเท่าเราแล้ว ทั้งความสามารถ และความเข้าใจในโลก ในสัจธรรม ย่อมสูงกว่าเราได้ไม่ยาก อย่ามัวแต่ดูถูกยุคสมัย หรือโลกภายนอก ตัวเราเองจะไ่ยอมพัฒนา หันมาดูถูกตัวเราเอง เพื่อพัฒนาตัวเราเองกันดีกว่าครับ จากคุณ : ใบไม้กำนั้น เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 10:36:12

ความคิดเห็นที่ 9 นั่นแหล่ะค่ะ เป็นสิ่งที่ดี การที่เราจะช่วยสังคมเราได้ ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน เป็นอันดับแรก ว่าตัวเราประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม กันแล้วหรือยัง ถึงแม้สภาพสังคมจะเปลี่ยนไปแค่ใหนก็ตาม ถ้าเรารู้จัก ดูแล ตักเตือนตัวเราเอง เราก็จะสามารถ ดูแล และ ตักเตือนคนอื่นได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว สื่อ ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ที่เป็นตัวกระตุ้น  ให้คนนำมาเป็นแบบอย่าง เช่น การการแต่งตัวโป๊ โชว์ส่วนต่างๆของร่างกาย แทนที่จะมองว่า มันไม่ดี แต่กลับมองว่า สวยเซกส์ซี่ ซะมากกว่า ใครแต่งปกปิด ถือว่าเชย ไม่ทันสมัย การอยู่ก่อนแต่ง ทั้งๆที่ยังไม่แต่งงานกัน หรือ แม้แต่ ภาพการกอดจูบ ได้เสีย ตามหนัง ตามละคร อย่างนี้ เป็นต้น ค่านิยม  แบบนี้ จะต้องทำการแก้ไข ดังนั้นแล้วควรที่จะเล็งเห็น และให้ความสำคัญ กับสิ่งกระตุ้นเหล่านี้ควบคู่ ไปด้วย แก้ไขเมื่อ 11 ก.พ. 55 11:00:07 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 10:57:16

ความคิดเห็นที่ 10 ลันตา  หนังสมัยก่อน ถ้าบทเลิฟซีนอย่างมากก็แค่กอด พอบทจูบจะใช้ มุมกล้องบังแล้วตัดฉับ แต่เดี่ยวนี้ต้องประกบปากกันชัดๆ การจูบกันในสมัยก่อนเลยไม่มีให้เห้นตามท้องถนน อย่าว่าแต่จูบเลย จะจูงมือคนรักยังไม่กล้า เดี๋ยวนี้กอดกันกลมเชวมะสนใครจะมองหรือไม่ เกิดจากอิทธพลของสื่อ พอสื่อทำให้เห้น เด้กก้ทำตาม เด้ก 3-4 ขวบมันยังจูบปากกันเลย เห็นแล้วอนาท กับสังคมแบบนี้ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 11:36:14

ความคิดเห็นที่ 11 คห 2 ถุงยาง-เจล นี่เขาใช้ทำอะไหรือ จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 21:43:13