มาดูกันว่า ถ้า มุสลิม ปฏิเสธ ฮาดิษ แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น
อัลฮะดีษ อรรถาธิบายอัลกุรอ่าน
โดย....อับดุลกอเดร พลสะอาด
ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วว่า อัลลอฮฺทรงประทานอัลกุรอานมา เพื่อเป็นทางนำแก่มนุษยชาติ และพระองค์ทรงส่งท่านนบี มาเพื่อทำการชี้แจงอัลกุรอานแก่ประชาชาติของท่าน
وَأَنْزَلْنَا إِلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ (44)
"และเราได้ให้อัลกุรอานแก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้ชี้แจง (ให้กระจ่าง) แก่มนุษย์ ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขา และเพื่อพวกเขาจะได้ไตร่ตรอง " (ซูเราะฮฺ อันนะฮฺล อายะฮฺ ๔๔)
สิ่งที่ท่านนำมาสอนประชาชาติของท่านนั้น ก็มิได้เป็นเพียงสิ่งที่มาจากความคิด หรือการตัดสินใจของท่านเอง แต่เป็น "วะฮฺยู" จากอัลลอฮฺ ดังที่ได้นำเสนอหลักฐานผ่านมาแล้ว ในบางโองการของอัลกุรอ่าน ถูกระบุไว้ในลักษณะที่ไม่สามารถเข้าใจได้สมบูรณ์
หากปราศจากอัลฮะดีษมาอธิบาย และ นี่คือข้อเรียกร้องของอัลกุรอ่านที่ยืนยันความจำเป็นของฮะดีษ เพื่อยืนยันในเรื่องนี้ เราลองมาดูโองการเหล่านี้แล้วพิจารณาดูว่า เราจะมีทางทำความเข้าใจเจตนารมณ์ของอัลกุรอ่านอย่างไร
๑.อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า
إِنَّ عِدَّةَ الشُّهُورِ عِنْدَ اللَّهِ اثْنَا عَشَرَ شَهْرًا فِي كِتَابِ اللَّهِ يَوْمَ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ مِنْهَا أَرْبَعَةٌ حُرُمٌ
แท้จริงจำนวนเดือน ณ อัลลอฮ์นั้นมีสิบสองเดือน ในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ ตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน จากเดือนเหล่านั้นมีสี่เดือน ซึ่งเป็นเดือนที่ต้องห้าม.. (ซูเราะฮฺ อัตเตาบะฮฺ อายะฮฺที่ ๓๖)
ในอายะฮฺนี้ได้ระบุถึงเดือนต้องห้ามสี่เดือน ในลักษณะครอบคลุมทั่วไป ซึ่งเป็นเดือนที่ต้องห้ามในการรบราฆ่าฟันและการปะทะกัน และห้ามทำสงครามในเดือนเหล่านั้น ทว่าอัลกุรอ่านมิได้ระบุรายชื่อของทั้งสิบสองเดือนไว้ และไม่ได้ระบุเดือนต้องห้ามไว้แต่อย่างใด แต่กลับมีระบุอยู่ในฮะดีษ และ ระบุอยู่ในประวัติศาสตร์อาหรับ
๒.อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า
وَالسَّارِقُ وَالسَّارِقَةُ فَاقْطَعُوا أَيْدِيَهُمَا جَزَاءً بِمَا كَسَبَا نَكَالًا مِنَ اللَّهِ وَاللَّهُ عَزِيزٌ حَكِيمٌ (38)
และขโมยชายและขโมยหญิงนั้น จงตัดมือของเขา ทั้งสองคน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนในสิ่งที่ทั้งสองนั้นได้แสวงหาไว้ (และ) เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างการลงโทษ จากอัลลอฮ์ และอัลลอฮ์นั้นทรงเดชานุภาพ ทรงปรีชาญาณ (ซูเราะฮฺ อัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ ๓๘)
คำว่า " اليد (มือ) " ในภาษาอาหรับนั้น ใช้เรียกรวมตั้งแต่เล็บขึ้นมาจนถึงบ่า ดังนั้นอัลกุรอ่านได้สั่งให้ตัดมือ แต่ทว่าไม่ได้ระบุขอบเขตชัดเจนว่า ให้ตัดตั้งแต่ส่วนไหนของมือ เราจะพบว่าการปฏิบัติที่สืบทอดต่อกันมา จะตัดมือของขโมยตั้งแต่ ข้อมือ
โดยอาศัยรายละเอียดจากฮะดีษหรือซุนนะฮฺของท่านนบี ถ้าหากว่าเราปฏิเสธหะดีษ โดยยึดเอาเฉพาะอัลกุรอ่าน เพียงอย่างเดียว ก็อาจจะต้องตัดตั้งแต่หัวไหล่ลงมา หรือตัดตั้งแต่ข้อศอกลงมา
ดังนั้นการค้นหาขอบเขตของเรื่องนี้ในหลักการศาสนา จำเป็นต้องใช้ฮะดีษหรือซุนนะฮฺของท่านนบี ร่วมด้วย สิ่งนี้ย่อมแสดงถึงการเรียกร้องของอัลกุรอ่าน ต่อซุนนะฮฺของท่านนบี และอัลกุรอ่าน จะไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างชัดเจน โดยปราศจากการชี้แจงจากฮะดีษ หรือซุนนะฮฺของท่านนบี
แน่นอนว่าสิ่งนี้เป็นหลักฐานที่ยืนยันว่าฮะดีษหรือซุนนะฮฺของท่านนบี นั้น เป็นฮุจญะฮฺ الحجة (สิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันในเรื่องบทบัญญัติและกฏเกณฑ์ต่างๆ ในศาสนา)
๓.อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِذَا قُمْتُمْ إِلَى الصَّلَاةِ فَاغْسِلُوا وُجُوهَكُمْ وَأَيْدِيَكُمْ إِلَى الْمَرَافِقِ وَامْسَحُوا بِرُءُوسِكُمْ وَأَرْجُلَكُمْ إِلَى الْكَعْبَيْنِ وَإِنْ كُنْتُمْ جُنُبًا فَاطَّهَّرُوا وَإِنْ كُنْتُمْ مَرْضَى أَوْ عَلَى سَفَرٍ أَوْ جَاءَ أَحَدٌ مِنْكُمْ مِنَ الْغَائِطِ أَوْ لَامَسْتُمُ النِّسَاءَ فَلَمْ تَجِدُوا مَاءً فَتَيَمَّمُوا صَعِيدًا طَيِّبًا فَامْسَحُوا بِوُجُوهِكُمْ وَأَيْدِيكُمْ مِنْهُ
ผู้ศรัทธาทั้งหลาย เมื่อพวกเจายืนขึ้นจะไปละหมาด ก็จงล้างหน้าของพวกเจ้า และมือของพวกเจ้าถึงข้อศอก และจงลูบศีรษะของพวกเจ้า และล้างเท้าของพวกเจ้าถึงตาตุ่มทั้งสอง และหากพวกเจ้ามีญะนาบะฮฺ ก็จงชำระร่างกายให้สะอาด และหากพวกเจ้าป่วย หรืออยู่ในการเดินทาง หรือคนใดในพวกเจ้ามาจากการถ่ายทุกข์ หรือได้สัมผัสหญิงมา แล้วพวกเจ้าไม่พบน้ำก็จงมุ่งสู่ดินที่ดี แล้วลูบใบหน้าของพวกเจ้า และมือของพวกเจ้าจากดินนั้น.. (ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ อายะฮฺที่ ๖)
โองการนี้ได้กล่าวถึงการอาบน้ำละหมาดและการทำตะยำมุม ซึงเรื่องการทำตะยำมุได้ถูกระบุไว้ก่อนนี้ ซึ่งการละหมาดถูกกำหนดในปีที่ ๑๒ แห่งการเป็นนบี ดังนั้นการสอนเรื่องการอาบน้ำละหมาดได้สมบูรณ์แล้วในครานั้น และท่านนบี ได้ปฏิบัติละหมาดมาเป็นระยะเวลา ๘ ปี
ซึ่งท่านได้ละหมาดด้วยการอาบน้ำละหมาดมาตลอด หลังจากผ่านไป ๘ ปี ซูเราะฮฺอัลมาอิดะฮฺ ก็ถูกประทานลงมา ในปีที่ ๖ ของการอพยพ ซึ่งระบุลำดับวิธีการอาบน้ำละหมาด ถือเป็นการมาตอกย้ำความถูกต้อง ในสิ่งที่ถูกปฏิบัติมาในตลอดระยะเวลา ๘ ปี
การปฏิบัติที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลา ๘ ปีนั้น ปรากฏชัดเจนอยู่ในซุนนะฮฺ แล้วหลังจากนั้นอัลกุรอ่านก็มากล่าวสนับสนุน ดังนั้น ถ้าหากอัลฮะดีษ ไม่ถือว่าเป็น ฮุจญะฮฺ แล้วละก็ วิธีการอาบน้ำละหมาดที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น จะมีสถานภาพเป็นอย่างไร ? หรือจะต้องกลับไปละหมาดใหม่ เพื่อชดใช้การละหมาดที่ไม่ได้ปฏิบัติตามวิธีการ อาบน้ำละหมาดที่ระบุอยู่ในอัลกุรอ่าน ? เพื่อดำเนินตามแนวทางของพวกปฏิเสธฮะดีษ
และอีกส่วนหนึ่ง ที่อัลกุรอ่านระบุวิธีการทำตะยำมุม แล้วได้กล่าวถึง มือ และเช่นกัน อัลกุรอ่านมิได้ระบุชัดเจนถึงขอบเขตของคำว่า "มือ" นั้น ว่าหมายถึง แค่ข้อมือ หรือ ข้อศอก หรือ หัวไหล่ แล้วสิ่งใดจะมาสร้างความกระจ่างถึงปัญหานี้ ถ้าไม่ใช่ ซุนนะฮฺ และในตัวของกุรอ่านเองก็แจ้งให้รู้ว่า ภาคการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ในหลักการต่างๆนั้น จะรู้ได้จากการปฏิบัติของท่านนบี เท่านั้น นี่คือข้อเรียกร้องที่จำเป็นอย่างยิ่งจากอัลกุอ่าน ที่จะยืนยันถึง ฮุจญะฮฺ ของ อัซซุนนะฮฺ
๔.อัลลอฮฺ ทรงตรัสว่า
وَأَقِيمُوا الصَّلَاةَ وَآتُوا الزَّكَاةَ وَارْكَعُوا مَعَ الرَّاكِعِينَ (43)
และจงดำรงนมาซ และจ่ายซะกาต และจงโค้งคำนับต่อฉัน ร่วมกับบรรดาผู้ที่โค้งคำนับ (ซูเราะฮฺ อัลบากอเราะฮฺ อายะฮฺที่ ๔๓)
ในอัลกุรอ่านนั้น อัลลอฮฺได้ กล่าวถึงการละหมาด และการจ่ายซะกาตอยู่หลายครั้ง แต่เรากลับไม่พบว่า ในโองการเหล่านั้น ได้ชี้แจงรายละเอียดเจาะจงถึงเรื่องของเวลา จำนวนร็อกอะฮฺ วิธีการและสิ่งที่จะใช้อ่านในการละหมาด
ในส่วนของซะกาต ก็เช่นเดียวกัน อัลกุรอ่านไม่ได้กำหนดจำนวนนิศอบ ในแต่ละชนิดที่ต้องจ่ายซะกาต ซึ่งแน่นอนว่ามันมีความแตกต่างกัน ทั้งยังไม่ได้กำหนดส่วนที่ต้องจ่ายเมื่อมันครบนิศอบแล้ว
ส่วนกลุ่มที่พยายามที่จะกำหนดสิ่งต่างๆเหล่านี้ โดยไม่อาศัยซุนนะฮฺ แน่นอนว่าพวกเขาต้องประสบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ อัลกุรอ่าน จึงเรียกร้องถึงความเป็น ฮุจญะฮฺ (حجة) หรือสิ่งที่เป็นหลักฐานยืนยันในเรื่องบทบัญญัติและกฏเกณฑ์ต่างๆ ในศาสนาของฮะดีษ ด้วยตัวของมันเอง