ความคิดเห็นที่ 1 มีเวลา ไปเปิดพจนานุกรมบ้าง จะพูดจาอะไร ถ้ารู้อ่านหนังสือมากกว่านี้ จะไม่ทึกทักเอาเอง จากคุณ : ซามูไรหมูตอน เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 13:12:04

ความคิดเห็นที่ 2 ใช้คำว่า โง่ บุคคลผู้เชื่ออย่างหัวปักหัวปำ ยอมตายถวายหัวว่า ผู้มีศรัทธา จะโง่เสมอไปนั้น เราเรียกบุคคลนั้นว่า คนโง่ จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 13:12:49

ความคิดเห็นที่ 3 คุณFaraday ความศรัทธากับความงมงาย ต่างกันมากทีเดียว ครับ ผู้ที่มีความศรัทธาจะทำแต่สิ่งที่ถูกต้องตามคุณธรรม และจริยาธรรม คือผู้ที่มีศีลมีธรรมและปฏิบัติอยู่ในแนว ธรรม เป็นผู้ที่ศึกษาธรรมในทางที่ถูกต้องตามบัญญัติ ของศาสนาของตน ผู้งมงาย คือผู้ที่ขาดการศึกษาขาดความเข้าใจในหลักศรัทธาของแต่ละศาสนาที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ อย่างถูกต้อง, เขาไม่ได้ใช้สติปัญญาของตนเองคิด เนื่องจากความเกรงกลัวต่อ ความกดดันของสังคมแวดล้อมที่ตนเป็นสมาชิกอยู่  เมื่อขาดความรู้ในเรื่องหลักศรัทธาที่ถูกต้องก็เกิดความเขลาและไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศรัทธานั้นคืออะไร คนพวกนี้ก็จะถูกผู้รู้ที่มีใจชั่วหลอกลวงได้ง่าย แม้แต่ยอมตายให้หัวหน้าลัทธิก็ยอม แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 13:22:50 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 13:20:35 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 13:18:30

ความคิดเห็นที่ 4 1 และ 2 ให้ตรงประเด็นด้วย อย่าเอาแต่ด่าว่าเลยครับ บาป ไม่เหมือนอย่างไร เพราะ อะไรลองว่ามาซิ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 13:22:36

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 3 คุณFaraday ความศรัทธากับความงมงาย ต่างกันมากทีเดียว ครับ ผู้ที่มีความศรัทธาจะทำแต่สิ่งที่ถูกต้องตามคุณธรรม และจริยาธรรม คือผู้ที่มีศีลมีธรรมและปฏิบัติอยู่ในแนว ธรรม เป็นผู้ที่ศึกษาธรรมในทางที่ถูกต้องตามบัญญัติ ของศาสนาของตน ผู้งมงาย คือผู้ที่ขาดการศึกษาขาดความเข้าใจในหลักศรัทธาของแต่ละศาสนาที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ อย่างถูกต้อง และจะต้องใช้สติปัญญาของตนเองคิด โดยปราศจากความเกรงกลัวต่อ ความกดดันของสังคมแวดล้อมที่ตนเป็นสมาชิกอยู่ เมื่อขาดความรู้ในเรื่องหลักศรัทธาที่ถูกต้องก็เกิดความเขลาและไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ถูกต้องตามหลักศรัทธานั้นคืออะไร คนพวกนี้ก็จะถูกผู้รู้ที่มีใจชั่วหลอกลวงได้ง่าย แม้แต่ยอมตายให้หัวหน้าลัทธิก็ยอม แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 13:20:35 จากคุณ : แมทท์ -------------------------------------------------------------------------- เพราะศรัทธาในศาสนา จึงสร้าง รูป จำลอง มาปลุกเศก กราบไหว้ ห้ามคนอื่นมาติว่า บางศาสนาอ้างถึงคำสอนข้อห้ามทางศาสนาโดยห้ามถามโต้แย้ง รวมถึงห้ามบูชารูปเคารพที่อีกพวกหหนึ่งนิยมทำกัน ชมได้ ยกย่องได้ แต่ห้ามติห้ามวิจารณ์ นี่คือเหตการณจริงที่ประสพ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 13:33:15

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ Faraday เอาแค่ตรงนี้แล้วกันที่ผมพอจะเข้าใจว่า คุณอาจจะ(เพียงการคาดคะเณของผม) กล่าวถึงศาสนาอิสลาม ตามที่คุณกล่าวว่า...  "บางศาสนาอ้างถึงคำสอนข้อห้ามทางศาสนาโดยห้ามถามโต้แย้ง รวมถึงห้ามบูชารูปเคารพ"  ไม่มีคำสอนในศาสนาที่ห้ามโต้แย้งเท่าที่ผมทราบในอิสลาม ถึงมีข้อห้ามผมต้องเห็นบัญญัตินั้น และ จะต้องศึกษาใช้สติปัญญา จนเข้าใจว่า สิ่งใดที่ห้ามหรือไม่ห้ามในการโต้แย้งในหลักการของศาสนา  และผมจะตัดสินใจเองโดยไม่เกรงกลัวอะไร จะถามในสิ่งที่ผมสงสัย และซักค้านผู้รู่จนกระจ่าง ซึ่งจะทำให้ถูกหลอกลวงได้ยาก   1.ผมจึงไม่เชื่อว่าอิสลามสอนให้ลงโทษประหาร ทุกๆชนิด ถ้า คู่ความตกลงกัน     ได้ นอกจาก เหตุผลที่สุดวิสัยที่บุคคลผู้นั้นจะเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อสาธารณชน       2. อิสลามไม่มี การลงโทษโดยการตัดมือขโมย      ขอเพิ่มเติมคำอธิบายที่ถูกต้องในเรื่องนี้   จากบทความตามลิ้งค์นี้      http://misconceptions-about-islam.com/cut-off-hands-theft.htm    Misconception: Islam and The Quran orders hands to be cut off    for theft  3. อิสลามไม่ได้สอนว่าการสังหารผู้บริสุทธิ์แล้วได้ขึ้นสวรรค์  4. อิสลามไม่ได้สอนว่า ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด แสดงปาฏิหารย์ใดๆได้,      ท่านไม่รู้อนาคต  หรือ พยากรณ์ล่วงหน้าได้     การได้รับอัลกุรอานเป็นอำนาจของพระเจ้าตามความศรัทธา และการเชื่อใน "เอกพลานุภาพ" ไม่ใช่เรื่องงมงาย ซึ่งผมมีเหตุผลที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจได้แต่ต้องเป็นส่วนตัว เนื่องจาก เรื่องความศรัทธาอาจจะกระทบกระเทือนใจกันได้ เพื่อรักษาความสุขในห้องนี้   และอื่นๆอีกที่เป็นการต่อเติมในศาสนาอิสลามนอกเหนือจากบัญญัติในอัลกุรอาน  ซึ่งคุณก็เห็นอยู่เสมอในห้องนี้ว่าผมยอมถูกด่าดีกว่าทำให้ สมาชิกเช่นคุณFaraday  เข้าใจอิสลามผิดๆ และคิดว่าความศรัทธาต่ออิสลามเป็นความงมงาย ปล. ถ้าผมสะกดภาษาไทยผิดกรุณาแนะนำด้วยโดยไม่ต้องเกรงใจคร้บ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 17:52:05 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 14:08:46 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 14:02:55

ความคิดเห็นที่ 7 ศรัทธาและงมงาย เป็นสองสิ่งที่ไม่เหมือนกัน แต่มีจุดเริ่มเดียวกัน คือเริ่มจาก สิ่งเรียกว่า อาเวค อาเวคคืออะไร? คือ อารมณ์, ความรู้สึก, ความสะเทือนใจ. ภาษาฝรั่งว่า emotion แต่ปลายทางนั้นไม่เหมือนกัน เราจะทราบได้อย่างไรว่าไหนเป็นศรัทธา ไหนเป็นงมงาย ดูตรงไหนหรือ? ก็ดู ว่า ปลายทางมันอยู่ที่ไหนหยั่งที่พูดนั้น ปลายทางของศรัทธาอยู่ที่ปัญญา ดัง นั้น ศรัทธาจึงต้องมีคุณสมบัติที่สามารถทำให้เราพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้มีการ ศึกษา ผู้มีการศึกษาก็คือผู้ที่มีปัญญา คุณสมบัติที่ว่าคืออะไร ? ก็คือศีล สมาธิ ปัญญา ไงละท่าน หรือที่พระพุทธ ศาสนาเราเรียกว่า ไตรสิกขา ๓ นั่นเอง (ไตรคือสาม สิกขาก็คือศึกษา) การจะ เป็นผู้มีปัญญาหรือมีการศึกษา ต้องเริ่มด้วยการศรัทธาก่อน ศรัทธาที่ต้องการ เป็นผู้มีปัญญา แล้วก็ต้องมีศีล เมื่อมีศีลแล้วสมาธิก็จะเกิดแล้วที่สุด ปัญญาก็เกิดตามมาโดยปริยาย ... ซึ่งในส่วนงมงายนั้น เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่มีพัฒนาการอันนำไปสู่ความเป็นผู้มีปัญญา เพราะงมงาย ไม่มีคุณสมบัติไตรสิกขา. จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 14:03:09

ความคิดเห็นที่ 8 " ศรัทธา และงมงาย คือสิ่งเดียวกัน"  ในกรณี  ผู้ศรัทธาไม่ใช้ปัญญาในการพิจารณา ศรัทธา ต้องประกอบด้วยปัญญาเสมอ และผมยังไม่เข้าใจ ข้อความของเจ้าของกระทู้ ว่า ข้อคความนั้น พูดถึงศาสนาไหน ? ถ้าหากพูดถึงศาสนาพุทธ ผมขอแนะนำให้ท่านไป อ่าน " พุทธวจน " ธรรมของพระตถาตค หลักปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา อริยสัจ เป็นต้น แล้วท่านจะรู้ในสิ่งที่ท่านสงสัยครับ จากคุณ : ทัศนาลัย (ทัศนาลัย) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 14:38:02

ความคิดเห็นที่ 9 ศรัทธา คือ เชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง งมงาย คือ เชื่อในสิ่งที่ผิด ปัญหาก็คือสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด มันก็แล้วแต่ปัญญา และบุญบารมีของแต่ละคน ที่จะพาให้ไปพบเจอ และ เชื่อในสิ่งไหน ขอให้เจริญในธรรม_/\_ แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 15:36:57 จากคุณ : เอหิปัสสิโก (จงดูจงเห็น) เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 15:36:34

ความคิดเห็นที่ 10 ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป้นคนดี แล้วแต่คำสอนของ ผู้สอน หรือผู้สืบทอดเจตนาที่ดี ไม่ต้องไปโทษหรือว่ากล่าวใครหรอก ครับ....มันอยู่ที่เราว่าเรานั้นจะเดินไปแนวใหน ไปลงเหวหรือไปตกนรก หรือจะไปสวรรค์ แล้วแต่ความเชื่อ จากคุณ : ขาว วรรณศิลป์ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 18:04:19

ความคิดเห็นที่ 11 บุคคลผู้เชื่ออย่างหัวปักหัวปำ ยอมตายถวายหัวว่า  "ผู้มีศรัทธา จะโง่เสมอไปนั้น" เราเรียกบุคคลนั้นว่า คนโง่ คุณFaradayครับ บาปแปลว่าอะไรครับ? จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 18:39:01

ความคิดเห็นที่ 12 จขกท. ไปเชคสมองบ้างนะ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 21:46:45

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับคุณแมทท์   เห็นด้วยกับคุณเต๋านีโออีกว่าศรัทธา ควรทำให้ผู้มีศรัทธาเจริญขึ้น     โดยพิ้นฐานผมอยากให้มีอิสระ    คือความสามารถตั้งข้อสงสัยข้อสังเกตุได้  ซึ่งจะเป็นแนวทางการพัฒนาให้ดีขึ้น จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:13:49

ความคิดเห็นที่ 14 มันคือคำเรียก โง่ ฉลาด เอาอะไรมาวัด จขกท. มีมิเตอร์วัด ศรัทธา มั๊ยครับ??? ปล.ศาสนาพุทธ เน้น "ปัญญา" นะครับ ว่างๆ ลองเซิชคำว่า "โยนิโสมนสิการ" ดู จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 05:37:09

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 11 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน บุคคลผู้เชื่ออย่างหัวปักหัวปำ ยอมตายถวายหัวว่า "ผู้มีศรัทธา จะโง่เสมอไปนั้น" เราเรียกบุคคลนั้นว่า คนโง่ คุณFaradayครับ บาปแปลว่าอะไรครับ? จากคุณ : kiarati ------------------------------------------------ บาป คือการคิด หรือ กระทำแล้ว ทำให้เสื่อม เดือดร้อน สู่อบาย ครับ ตามความหมายของผมครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 08:48:11

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 14 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน มันคือคำเรียก โง่ ฉลาด เอาอะไรมาวัด จขกท. มีมิเตอร์วัด ศรัทธา มั๊ยครับ??? ปล.ศาสนาพุทธ เน้น "ปัญญา" นะครับ ว่างๆ ลองเซิชคำว่า "โยนิโสมนสิการ" ดู จากคุณ : Nirvanastream.com (สวรรค์รำไร) [Bloggang] เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 05:37:09 -------------------------------------------------------- ไม่มีครับมิเตอร์ แต่ชาวพุทธไทยเราส่วนใหญ่ไม่มีพฤติกรรมเน้นปัญญาครับ เห็นแต่เน้นที่ศรัทธา เช่นเน้นการทำบุญด้วยวัตถุ สิ่งก่อสร้าง เงิน ไม่เน้นเรื่องคำสอนให้เกิดความเข้าใจ เข้าถึงครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 08:54:04

ความคิดเห็นที่ 17 ชาวพุทธส่วนใหญ่... ไปทำวิจัยมาหรือครับ คุณรู้หรือเปล่าครับว่า ลำดับการเข้าถึงธรรมมันมีอะไรบ้าง ถ้ามาถึงสามเดือนได้เป็นพระอรหันต์กันหมด ก็ดีนะสิครับ แต่สามเดือน บางที แค่ให้ตักบาตรทุกเช้ายังยากเลยครับ ปีหนึ่งจะทำทานกี่ครั้งก็ไม่รู้ ศีลไม่ต้องไปพูดถึง กรรมฐานนี่ไม่รู้จัก ใจคอจะไม่ให้เขาเกาะบุญอะไรไปสวรรค์บ้างเลยหรือ จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 12:16:02

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 17 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ชาวพุทธส่วนใหญ่... ไปทำวิจัยมาหรือครับ คุณรู้หรือเปล่าครับว่า ลำดับการเข้าถึงธรรมมันมีอะไรบ้าง ถ้ามาถึงสามเดือนได้เป็นพระอรหันต์กันหมด ก็ดีนะสิครับ แต่สามเดือน บางที แค่ให้ตักบาตรทุกเช้ายังยากเลยครับ ปีหนึ่งจะทำทานกี่ครั้งก็ไม่รู้ ศีลไม่ต้องไปพูดถึง กรรมฐานนี่ไม่รู้จัก ใจคอจะไม่ให้เขาเกาะบุญอะไรไปสวรรค์บ้างเลยหรือ จากคุณ : kiarati --------------------------------------- ครับ วิธีการทำวิจัยมีหลายรูปแบบ แต่ที่ใช้ได้ผลตรงกับที่ปรากฏ ถ้าการสื่อสารระหว่างผู้ส่งและผู้รับมีประสิทธิภาพสามเดือนมีสิทธิได้เป็นแน่ แต่นี่สื่อกันมาหลายร้อยปี นับแต่เริ่มสอนกันมามีแต่พากันเข้ารกเข้าพง เสร็จแล้วก็อ้างอย่างนี้ แถมมาพูดกระทบกระเทียบอย่างคุณนี่แหละ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 14:11:37

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มีใครเป็นผู้ ปราศจาก ศรัทธา และ งมงาย หรอก เพราะเราไม่ได้รู้อะไรทั้งหมดจริง เกิดมาพร้อมความไม่รู้ กันทั้งนั้น เมื่อมีความไม่รู้ ประดิษฐานอยู่ในใจ ก็ต้องรับความรู้จากผู้อื่นมาจำ ๆ เขามาทั้งจากฟังมาหรืออ่านมา ก็เป็นความเชื่อประจำใจ ซึ่งก็จะตีไปได้ ทั้งแบบศรัทธา และ งมงาย ทั้งรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว ก็ตาม ดังนั้นจึงแทบไม่มีอะไรเลยที่รู้ด้วยตัวเองจริง ๆ เลย การที่ตนเองบอกว่า ไม่มีความเชื่อแล้วเลยไม่ต้องมาศรัทธาหรืองมงายอะไร แปลว่าผู้นั้น "โกหก" ครับ เราล้วนแต่มีศรัทธาและงมงาย เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือหลาย ๆ เรื่องเสมอ ตราบเท่าที่มีความไม่รู้ดำรงอยู่ แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 55 01:12:35 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 19:27:26 จากคุณ : TaraLek เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:20:07

ความคิดเห็นที่ 20 ศรัทธาต้องใช้ประกอบด้วยปัญญา ไม่เรียกว่างมงาย ศรัทธา โดย ห้ามใช้ปัญญา ห้ามคิด ห้ามเถียง ห้ามเห็นต่าง ต้องทำตามคำสั่งห้าม  คำสั่งใช้  อย่างเคร่งครัด นั่นแหละเรียกว่า งมงาย จากคุณ : AvijJA เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:39:43

ความคิดเห็นที่ 21 โง่มาก่อนฉลาด.......ไม่มีใครในโลกฉลาดในทันที ต้องลองถูกลองผิดกันมาทั้งนั้น....หรือไม่จริง ? จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 02:05:38