ต้องขอโทษก่อนครับ _/\_
อาจทำให้เข้าใจผิด ชาวพุทธแท้ๆ ก็ยังไม่นับถือพระเจ้าในมุมมอง ว่าเป็น ผู้สร้าง ผู้ควบคุม
แต่ผมนำกฏซึ่งมีอยู่แล้วทางพุทธ และยังคงความเสถียรให้ระบบในชาตินี้ของมนุษย์
มาอธิบาย ในรูปคำสอนแบบคริสต์ อิสลาม ซึ่งมักชอบกำหนด เรียก พลังงานใดๆ เป็นความวิเศษของผู้ควบคุม
ตีความเรื่องเหนือธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มีในพระเจ้าเท่านั้น
ในทางวิทยาศาสตร์ สูตรที่แน่นอน สร้างความเสถียร มีอยู่ทุกสาขาวิชา
ถ้าเชื่อว่ากฏมีอยู่ ระบบเสถียรด้วยกฏ ผู้สร้างกฏเมื่อมีเช่นกัน ก็ต้องมีผู้ให้กำเนิดผู้สร้างกฏไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด
เหมือนแม่คลอดลูก ก็ต้องมียายคลอดแม่ ออกมา เช่นนี้ไปเรื่อยๆ
ในการถก ผู้มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการสร้างจิตวิญญาณใดๆ ถ้ามองในมุมเอกพลานุภาพ เกินขอบเขตจินตนาการจริงๆ
ก็ต้องมองคลุมเอกพลานุภาพเหนือจินตนาการ ในมุมจินตนาการด้วย เพื่อเสริมสิ่งที่เป็นต้นเหตุนั้นขึ้นไปอีก
ถ้ามองให้หยุดแค่ที่เอกพลานุภาพ เป็นจุดเริ่ม
ในมุมมองผมก็จะหยุดลงเพียง เอกพลานุภาพ เป็นเพียงกฏใด กฏหนึ่ง ในชาติภพที่สัมผัสได้ ณ ตอนนี้
เมื่อเปลี่ยนชาติภพ(ตายดับ-เกิดใหม่) ไปสู่มิติอื่น ภพอื่น เอกพลานุภาพ ก็เปลี่ยนตาม
เราไปพบกันในสถานะอื่น ท่านแมทท์ก็จะนำเอกพลานุภาพที่สร้างความเสถียร ณ ดินแดนนั้นมา ถามผมเช่นเคย
ทางพุทธ สมมติว่า ณ ขณะนี้ ท่านแมทท์และผมเป็นลูกสูบอยู่ในรถยนต์ ดูด-อัด-ระเบิด-คาย ตามกำลังเครื่อง
มา 3 แสนกิโล ท่านแมทท์บูชา ผู้ประกอบรถในโรงงาน ผู้ออกแบบรถยนต์คันนี้
ยกเป็นผู้มีอิทธิพล ต่อท่านแมทท์ ต่อผม ต่อใครๆ
ผมมองว่าเขาเหล่านั้นเป็นเพียงหน้าที่หนึ่ง ฟั่นเฟืองของระบบหนึ่ง ไม่ได้มีอำนาจต่อผม
(พุทธให้เอกสิทธิ์ในการเปลี่ยนสถานะจากลูกสูบไปเป็น เบาะรถ กระจกรถ ล้อรถ
หรือเป็นได้ถึงผู้ประกอบรถยนต์ ผู้ออกแบบรถยนต์ เพียงแค่ศึกษาศาสตร์ให้ลึกซึ้งเพียงพอ)
ถ้าถามว่า ระบบทั้งหมด คงอยู่ด้วยตัวมันเองด้วยกฏฟิสิกส์เพราะอะไร พุทธให้อธิบายด้วยการพิสูจน์ด้วยตนเอง
โดยการถอตจิต ฝึกอิทธิฤทธิ์ ถ้าทำได้นะครับ
แต่ถ้าทำไม่ได้..
ก็พึงระลึกเถิดว่า ระบบมันอยู่ของมันอย่างนั้น โดยไม่มีผู้ใดสร้างแน่นอน คนใดคนนึง
ระบบคงอยู่ด้วยกฏหนึ่ง มีกฏอื่นเป็น10เสริม เสริมกันเองจนเกิดความเสถียร
ตายไปก็เข้าสู่ อีกระบบ วนอยู่ในอีกกฏ ซ้ำๆ เป็น มหาวัฏจักร
นับล้านๆๆปี
เมื่อได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ ศาสดาทางพุทธคิดต่าง จากศาสนาเิดิมๆซึ่งบูชาพระเจ้า บูชากฏ=ผู้สร้าง
พุทธเรา หาทางหลุดวงโคจร ระบบตายแล้วต้องเกิดเดิมๆ ด้วยการบำเพ็ญบารมีอย่างหนัก บำเพ็ญปัญญาอย่างที่สุด
พยายามอย่างหนักครับ ไม่ใช่ตายเฉยๆ ลอย หลุดไปสู่ระบบ ignorance ได้เลย เพียงศรัทธาตัวเดียว
ทุกวงการที่ท่านแมทท์มีประสบการณ์ผ่านมา น่าเป็นบทพิสูจน์ระดับนึงแล้วว่า ศรัทธาเป็นเพียงแรงเสริม ความพยายามของเราเป็นแรงหลัก ปัญญาท่านแมทท์คือที่สุด
จิตวิญญาณท่านแมทท์ที่บริสุทธิ์ปราศจากความชั่ว คือ การไม่สร้างภาระปัญหาให้ชีวิตเพิ่ม
ตายไปกับศรัทธาว่า หลับสนิท นั้นเป็นสุขเพียงพอแล้ว
_/\_กระผมก็ไม่ก้าวก่าย ไม่ขัดแย้งด้วยครับ
แต่ถ้ามองในมุม ประชากรล้นโลก คนมาเกิดไม่จบไม่สิ้น
เกิดเหตุการณ์แบบนี้ วนซ้ำแล้วซ้ำอีก นับล้านๆๆปี
เสริมความคิด เพียงเล็กน้อยเรื่อง ตายแล้วเกิดใหม่ ได้มั้ย?
หรือท่านแมทท์มีความเห็นเพิ่มเติม อย่างไร กรุณาแลกเปลี่ยนให้ผมได้ทราบบ้าง
_/\_จักเป็นพระคุณยิ่งครับ
สรุป..
ฉะนั้น ณ ชาตินี้กฏที่มีในทางพุทธ คริสต์ อิสลาม อธิบายกฏเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ควบคุมสรรพสิ่ง
เป็นผู้ำนำทางวิญญาณให้มนุษย์
_/\_ด้วยความเคารพ ท่านแมทท์
พุทธทราบว่ามีกฏอะไรบ้าง แต่ไม่บูชากฏ เป็นพระเจ้าผู้บรรดาลครับ
พุทธมองเฉพาะผู้ค้นพบกฏ มีอยู่ ในทุกดินแดน ทุกวงการ สาขาวิชา
-----------------------
หน้าบอร์ดนี้ ถ้าจะโดนโจมตี ผมคงโดนก่อนล่ะครับ แต่ผมไม่ได้หลบหลู่
ถกในแง่มุมวิชาการจริงๆ ชาวพุทธอยากสหบาทาผมๆ ก็ไม่หลบหรอก
(เพราะมันไม่ึถึง อิอิ)
แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 21:50:37
แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 55 21:04:38