ความคิดเห็นที่ 1 ลองหาพระไตรปิฏกมาอ่าน จากคุณ : Mateo2000 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:24:52

ความคิดเห็นที่ 2 แนะนำ จขกท  อ่านประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา  หรือ อ่านพระไตรปิฎกฉบับย่อ หรือพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชนก่อนครับ พุทธเถรวาท  ปฏิบัติเพื่อทำตนเองให้หลุดพ้น คือบรรลุพระอรหันต์ หรือถึงพระนิพพาน  มีส่วนน้อยที่ปฏิบัติเพื่อสร้างหรือบำเพ็ญบารมี เพื่อเป็นพระพุทธเจ้าหรือเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พุทธมหายาน  ปฏิบัติเพื่อบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้า  หรือเพื่อให้ไปพบกับพระพุทธเจ้าในแดนสุขาวดี เซ็น  ก็คือพุทธมหายานนิกายย่อย นิกายหนึ่ง เต่า คือลัทธิที่ประพฤติปฏิบัติตามแนวทาง คำสอนของท่าน เหลาจื้อ หรือเล่าจื้อ จากคุณ : คอแก้ง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:34:15

ความคิดเห็นที่ 3 คุณ นานาอาละวาด  คุณแน่ใจได้อย่างไรว่า  คุณเป็นเหลนของคุณทวดของคุณ ? จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:34:59

ความคิดเห็นที่ 4 ลองไปปฏิบัติธรรมแบบ สติปัฏฐาน 4  ดู นั่นคือการ ฝึกละกิเลส ในแนวเถรวาทแท้ๆ ไปให้เห็นด้วยตนเอง แล้วจะเขาใจในวิถีของจิตใจเองมากขึ้น บอกไปด้วยคำพูด หรือคุณไปอ่านๆเอาเอง ก็น่าจะไม่เข้าใจแจ่มแจ้งอะไรนัก หาก การปฏิบัติธรรม ไม่ตรงจริต   ก็ลอง ไปศึกษา วิถีเซน ของท่าน ติช นัท ฮันห์ ดู ในไทยก็มี หมู่บ้านพลัม   ลองไปดู  ท่านติช นัทฮันห์ สอนพุทธศาสนา โดยไม่กล่าวอ้างถึง คุณวิเศษ  เหาะเหินเดินอากาศอะไรมากนัก   ลองหาหนังสือ คือเมฆสีขาวทางก้าวเก่าแก่ ซึ่ง เป็นพุทธประวัติ ของพระพุทธเจ้า เมื่อก่อน ที่จะได้ปฏิบัติธรรม ผมก็ชื่นชอบ ทางการสอนของท่าน ติชนัทฮันส์มาก เพราะตอนนั้น ผม ปฏิเสธการเชื่อว่าบางอย่างเกี่ยวกับกรรมที่วิจิตรพิศดาร  ปฏิเสธเรื่องการเหาะเหินเดินอาการ  อ่านใจคน โดยเชื่อว่า เรื่องราว อภินิหาริย์เหล่านั้น เป็นเรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมา ในยุคที่วิทยาศาสตร์ยังไม่เจริญ เพื่อดึงศรัทธาของผู้คนในสมัยนั้นๆ จนได้มา ปฏิบัติธรรม เรื่อยๆ จนมายอมรับในสิ่งเหล่านี้เอง   ส่วนเรื่องเต๋านั้น มันค่อนข้างเป็นหลักปรัชญา ไม่ใช่ พระพุทธศานา นิกาย ไหนๆ และเซนเอง ถ้าจะอนุโลมเข้า น่าจะเป็นแบบ วชิรญาณกระมังครับ (เนื่องจากท่าน ว. เคยกล่าวถึง ท่านติช นัท ฮันห์ เช่นนี้) จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:38:21

ความคิดเห็นที่ 5 ถึง คุณโขตาน(ซึ่งไม่รู้ชื่อแปลว่าอะไร) ยังไม่เคยตั้งคำถามว่าแน่ใจ ไม่แน่ใจว่าเป็นหลานท่านหรือไม่ เดี๋ยววันไหนเกิดอยากค้นหา แล้วค่อยมาบอกคุณโข ดีไหมฮะ จากคุณ : นานาอาละวาด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:43:11

ความคิดเห็นที่ 6 http://www.phrabat.com/phrabat1/index.html จากคุณ : am_find เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:44:29

ความคิดเห็นที่ 7 พระพุทธเจ้าสอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจเราในปัจจุบัน ดังนั่นเราต้องพิสูจน์ก่อน ว่าคำสอนที่มีคนบอกว่าเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้น ว่าดับทุกข์ได้จริงหรือไม่? ถ้าคำสอนนั้นสามารถทำให้ความทุกข์ของจิตใจเราดับลงหรือลดลงได้จริง ก็แสดงว่าคำสอนนั้นเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า แต่ถ้าคำสอนใดที่สอนให้ไปดับทุกข์เอาในชาติหน้า หรือดับทุกข์ในปัจจุบันไม่ได้จริง คำสอนนั้นก็ไม่ใช่คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ลองศึกษารายละเอียดเรื่องวิธีการดับทุกข์จากเว็บนี้ดู http://www.whatami.net/ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 19:56:02 จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:49:46

ความคิดเห็นที่ 8 สนใจอะไรก็เรียนรู้เลยค่ะ สนใจมวยไท่จี๋ ก็ไปเรียนรู้ ^^       พุทธนิกายมหายานมี 2 กระแสที่เป็นกระแสหลักตือมหายานจีนกับวัชรยานทิเบต ส่วนเซนนั้นคือพุทธมหายานนิกายณานที่แผ่แพร่ไปจากจีน - พุทธเถรวาท สาวกยาน  พุทธมหายานทั้งจีนและพุทธวัชรยานทิเบต เจริญโพธิจิตเพื่อบรรลุพุทธรรม ในส่วนของมหายานก็กล่าวถึงสาวกยานภาวนาถึงพระนิพพานที่ไม่แตกต่างจากกันค่ะ - โดนส่วนตัวแล้ว ก็เคยถามคำถามนี้แล้วสมัยที่เข้าเรียนมหาลัยใหม่ๆ ตอนนั้นก็สนใจลัทธิการปกครองอื่นๆก็เลยเกิดคำถามเยอะๆ  - แต่ว่าตอนนี้ไม่ถามแบบนั้นแล้ว เสียเวลาค่ะเพราะนั้นเป็นเรื่องของอดีต เวลาของตนเองก็ไม่มากนัก ตอนนี้สนใจศึกษาทั้งเถรวาท พุทธมหายานและเต๋า ผลของการศึกษาและปฏิบัติจะเป็นตัวบอกเอง ^^ คิดไว้แบบนั้น จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:53:21

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ คห เจ็ด ให้ คห ได้น่าสนใจมากฮะ เราเข้าไปชมแล้ว เว็ปของคุณทำหรือเปล่า อนุโมทนาด้วยนะฮะ จากคุณ : นานาอาละวาด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:55:15

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ คห เจ็ด ให้ คห ได้น่าสนใจมากฮะ เราเข้าไปชมแล้ว เว็ปของคุณทำหรือเปล่า อนุโมทนาด้วยนะฮะ จากคุณ : นานาอาละวาด   เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 19:55:15     ************** ขอบคุณที่เข้าไปชอมเว็บของอาตมา ซึ่งอาตมาทำเองหมด ขอให้ลองศึกษาดูอย่างละเอียด แล้วคุณจะมีดวงตาเห็นธรรมได้โดยไม่ยาก ถ้าคุณมีสติปัญญาหรือบารมี(เครื่องนำสู่นิพพาน)เพียงพอ จากคุณ : เตชปญฺโญ ภิกขุ (What am I?) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:00:08

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเอาแต่อ่านจดจำและนำมานั่งคิดวิเคราะห์..มันก็จะมีแต่ความสงสัยไม่รู้จบ เผลอๆ อาจสงสัยว่าพระพุทธเจ้าเคยมีชีวิตอยู่จริงหรือเปล่า.. ศาสนาพุทธสอนถึงวิธีกำจัดกิเลสด้วยการลงมือปฏิบัติครับ เพียงแค่ศีล 5 ง่ายๆ ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากศีลก็ได้มาด้วยการลงมือทำเท่านั้น ไม่ใช่การท่องจำแบบนกแก้ว..ไม่ต้องพูดถึงธรรมชั้นสูงที่เกินจินตนาการจะไปถึง ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียเวลาหายใจ..แถมเวลาบนโลกก็จะหดหายไปทุกวินาทีโดยเปล่าประโยชน์ สุดท้ายก็ต้องตายโดยไม่เคยได้ประโยชน์จากตำรากองโต ก่อนจะศึกษาเรื่องของศาสนาก็ทุกข์..ขณะที่กำลังศึกษาก็ทุกข์ ศึกษาจนจบได้เปรียญก็ยังทุกข์...แล้วแบบนี้เราจะเรียนรู้ศาสนาไปเพื่ออะไร เริ่มลงมือปฏิบัติบัดเดี๋ยวนี้.. เริ่มจากศีล - สมาธิ..ถ้าศีลยังรักษาไม่ได้ก็อ่านตำราเฉพาะเรื่องศีลให้ละเอียด ส่วนเรื่องโสดาบันหรือนิพพานโยนเข้าลิ้นชักล็อกกุญแจเอาไว้ก่อน ยังอยู่แค่อนุบาลก็อย่าหาญเอาตำราปริญญาเอกมาอ่านให้ปวดหัว ค่อยๆ ปฏิบัติไปทีละขั้น..จากง่ายไปหายาก..ห้ามข้ามขั้นตอน ถ้ามันถูกทางชีวิตของเราจะวุ่นวายฟุ้งซ่านน้อยลง ความสงบสุขที่ปรากฏกับใจของเรานี่แหละที่จะพิสูจน์ว่า...คำสอนของพระพุทธเจ้ามีอยู่จริง ไม่ใช่มาจากสองหูสองตาที่ไปจดจำคนอื่นเขาเล่าให้ฟังหรือไปจดจำมาจากตำรา ความรู้แบบนั้นมันไม่ยั่งยืน..มีแต่ความหวาดระแวงสงสัยไม่รู้จบ ความจริงที่ผุดขึ้นมาจากกาย - เวทนา - จิตและธรรม ให้เราได้รับรู้ขณะที่นั่งหลับตาฝึกปฏิบัติธรรมนั่นต่างหากล่ะที่สำคัญยิ่งกว่าตำรา ความจริงที่ปรากฏขึ้นเพียงวูบเดียวให้เราได้รับรู้...มันแทบจะโยนความสงสัยที่เคยมีอยู่ทิ้งไปจนหมด สำหรับผู้ที่ปฏิบัติอย่างจริงจังและถูกทาง..จะพูดเหมือนกันว่าโชคดีที่ได้เกิดมามาเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาพบเจอคำสอนของพระพุทธเจ้าและได้ลงมือปฏิบัติธรรม ความศรัทธาและสงสัยต่อพระรัตนตรัยจะไม่มีทางสั่นไหวและคลอนแคลน ผมก็เคยสงสัยเหมือนกันว่าอะไรมันจะเว่อร์ขนาดนั้น แต่ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้ว..หนังสือปรัชญาเต๋าและเซนมีเกือบร้อยเล่มล่ะมั๊ง เมื่อก่อนก็ชอบอ่าน..แต่หลังจากได้ลิ้มรสธรรมะจากการลงมือปฏิบัติมาบ้างแม้เพียงเล็กน้อย ก็แทบไม่เคยเปิดอ่านอีกเลย..โดนปลวกรับประทานไปก็เป็นลัง ถ้าอยากรู้จักศาสนาพุทธต้องลงมือปฏิบัติครับ ปฏิบัติและปฏิบัติเท่านั้น..ไม่มีทางเข้าถึงธรรมะได้ด้วยวิธีอื่น หรืออาจจะมีบางคนที่สามารถหมดกิเลสได้จากการอ่านและการตั้งวงสัมมนา ก็ช่วยบอกผมที..??? จากคุณ : อารยัน เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:31:14

ความคิดเห็นที่ 12 ในอดีตที่ผ่านมานั้น มีกลุ่มบุคคลมากมาย ที่แสดงหลักธรรมต่างออกไปจาก พระไตรปิฎกบาลีที่สืบต่อกันมาแต่พุทธกาล แบ่งออกไปเป็น นิกายหรือวาทะ ต่างๆมากมาย ก่อนการสังคายครั้งที่ ๓ นั้น ได้มี นิกายหรือวาทะ ที่แตกต่างไปจากเถรวาทดั้งเดิมถึง ๑๗ นิกาย เถรวาท นั้นยังเป็นหลักคำสอนดั้งเดิม ที่คงสืบต่อคำสอนตามพระไตรปิฎกมาตลอด ไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ---------------------------------------------------------------- นิโคฺรโธว มหารุกฺโข        เถรวาทานมุตฺตโม อนูนํ อนธิกญฺจ                เกวลํ ชินสาสนํ ฯ สนฺตกา วิย  รุกฺขมฺหิ        นิพฺพตฺตา วาทเสสกา                     คำสั่งสอนของพระชินะเจ้าเป็น                                     ของบริสุทธิ์บริบูรณ์ไม่ยิ่งไม่หย่อน                     เป็นหลักมั่นคงสูงสุดของเถรวาททั้งหลาย                     ราวกะต้นไม้ใหญ่   ชื่อว่า  นิโครธ   ฉะนั้น.                      ....นิกายที่เหลือ  คือนอกจากเถรวาท                   เกิดขึ้นแล้วเป็นดุจกาฝากเกิดอยู่ที่ต้นไม้   (จาก ปรมัตถทีปนี อรรถกถาปัญจปกรณ์) ---------------------------------------------------------- หากอยากจะทราบว่าคำสอนในนิกายต่างๆ ส่วนนั้นๆเช่น เรื่องนิพพาน สอนตรงแค่ไหน ก็ควรนำมาเทียบเคียงกับพระบาลี พระไตรปิฎก อรรถกถา เถรวาทเสมอ ตามหลักมหาปเทส ๔ โดยเฉพาะ การเทียบกับหลักเรื่อง มรรคมีองค์ ๘ และ พระไตรลักษณ์ คือ อนิจจลักษณะ ทุกลักษณะ อนัตตลักษณะ ไตรลักษณ์เป็นประตูและกุญแจสู่พระนิพพาน การสอนเรื่องอนัตตา ที่ไม่มีการแสดงเรื่อง อนิจจลักษณะ คือการเกิดดับของรูปนาม หรือ ทุกขลักษณะ เช่น อาทีนวโทษ(โทษของรูปนาม) นิพพิทา(ความเบื่อหน่ายในรูปนาม) อันเกิดจากวิปัสสนาญาณต่างๆ แม้แต่น้อย เช่นนี้ ให้ระวังว่าอาจจะเป็น อนัตตาเทียม ที่เกิดจากความสงบ และปรัชญาทั่วไป ก็เป็นได้ จากคุณ : ชาวมหาวิหาร เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:39:23

ความคิดเห็นที่ 13 ละกิเลสต้องฝึกแนวสติปัฏฐาน 4 ที่วัดอัมพวันก็ได้ วัดมหาธาตุก็ได้ ฯลฯ ไทเก็ก สวนหลวงร.9 เสาร์อาทิตย์ริมทะเลสาบฝั่งขวา เต๋าและเซ็นมีหนังสือมากมายให้เลือก ลองหามาศึกษาก่อนก็ได้ครับ ซีเอ็ดเยอะแยะ ส่วนเรื่องที่ถามว่า"แน่ใจได้ยังไงว่า พุทธมหายานหรือพุทธเถรวาท คือคำสอนโดยตรงของพระพุทธเจ้า" คห3 เทียบเคียงแบบนี้เข้าใจง่ายแล้วครับ แต่ถ้าอยากละเกิเลสทิ้งความสงสัยไปเสีย หาครูบาอาจารย์ที่เป็นสัมมาทิฐิ ถามในห้องนี้ก็ได้ แล้วไปฝึกตามนั้น  พอเห็นผลกับตัวเองแล้วจะไม่สงสัยในเรื่องที่ไกลตัว จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 20:54:23

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วที่เคยอ่านเคยฟังมานะ มันดีมั้ย ถ้ามันดีก็ปฏิบัติตาม แค่นั้นแหละ จากคุณ : kiarati เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:02:38

ความคิดเห็นที่ 15 เถรวาท   เรียน และยึดถือ คำสอน  จากปิฎก  3 ปิฏก  เรียกไตรปิฏก มหายาน เรียนคำสอน และยึดถือ จากพระสูตร ที่แพร่หลายในมหายานมากคือ  สัทธรรมปุณฑริกสูตร (พระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องดอกบัว) เป็นพระสูตรสุดท้าย ที่สอน แก่สาวกใกล้ชิด  ในช่วงเวลา 8 ปีสุดท้ายก่อนนิพพาน เป้าหมาย ไม่ได้ สู่พระนิพพาน  แต่มุ่งสู่การบรรลุพุทธ ซึ่งได้อธิบายไว้ว่า ธรรมชาติพุทธนั้น มีอยู่ในทุกชีวิตอยู่แล้วตั้งแต่ดั้งเดิมมา จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:10:49

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าจะถามว่า   เชื่อได้อย่างไรว่า  เรามีธรรมชาติพุทธอยู่ในชีวิตเราแล้ว ตอบว่า    เรามีโลกนรก (ความทุก) อยู่ในชีวิตเรา             เรารู้ว่ามีโลกเปตร (ความหิวกระหาย) อยู่ในชีวิตเรา            ยอมรับว่าเรามีโลกเดรัจฉาน (ความเห็นแก่ตัว)             เราซึ่งมีโลกอสุระ (ความโกรธ)             เรามีโลกมนุษย์( ความรู้สึก ถูก ผิด)                    โลกเทว  (ความสนุกสนาน ความสุข )                     โลกสาวก (ความสนใจใฝ่รู้)                     โลกปัจเจก (ความคิด สมาธิ )                     โลกโพธิสัตว์ (ความเมตตา )  ดังนั้นโลกที่สิบคือพุทธ ก็ต้องดำรงอยู่ในชีวิตเราแล้ว  เช่นเดียวกับเก้าโลกที่กล่าวมาแล้ว หากแต่ ยังไม่ค่อยปรากฏออกมาใจ จิตใจเราบ่อยนัก แต่ด้วยคำสอน ในพระสูตรนี้ จะไขประตูสู่ความจริงอันเร้นลับที่ยังไม่เคยเปิดเผยออกมา จากคุณ : boon-m1 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:25:34

ความคิดเห็นที่ 17 พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ที่ใจ ต้องปฏิบัติเท่านั้น จะหายสงสัย ตามความคิดเห็นที่ 11 จากคุณ : chiwat เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:27:06

ความคิดเห็นที่ 18 แน่ใจเพราะมีศรัทธา มีความเชื่อครับ ดังนั้นจึงมั่นใจ 10000% ครับ และเมื่อเข้าใจกฎของไตรลักษณ์, ขันธ์ 5, มรรค 8 แล้ว ยิ่งเชื่อมั่นและศรัทธามากขึ้นครับ ยิ่งลองปฏิบัติตามมรรค 8 แล้ว... รู้สึกเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้ามายืนอยู่ตรงหน้าเลยครับ เชื่อมั่น 1000000000000000000000% เลยคราวนี้!! จากคุณ : โอ่อี๊โอ (oiooo) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 00:31:37

ความคิดเห็นที่ 19 พิจารณาจากคำสอนไง.......มิฉนั้นก็แสดงว่าเกิดทันและได้ฟังจากพระองค์ไงล่ะจ๊ะ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 01:44:31

ความคิดเห็นที่ 20 แน่ใจได้ยังไงว่า พุทธมหายานหรือพุทธเถรวาท คือคำสอนโดยตรงของพระพุทธเจ้า                          เราจะแยก จะพิสูจน์ได้อย่างไรฮะ (๑) ถ้า ไม่มี ปฐมสังคายนา  (ซึ่ง มีแล้ว)  ก็ ไม่มี พุทธศาสนา นิกายมหายาน (จีน ธิเบต ญี่ปุ่น ?)  และ   (๒) ไม่มี พุทธศาสนา นิกายสรวาสติวาทิน  ที่ อินเดียใต้  (ที่ มี ภิกษุ ที่มีชื่อเสียง คือพระพุทธโฆษาจารย์  ที่แต่ง วิสุทธิมัคค์ -- "ที่ไม่ใช่ อธิบายพระไตรปิฎก ตอนใดตอนหนึ่งโดยเฉพาะ") (๓)  ไม่มี พุทธศาสนา  "ในสุวรรณภูมิ" เช่น ยุค สุโขทัย  ตามจารึกหลักที่ ๒ และ (๔) ไม่มี พุทธศาสนา  ที่แปลคำบาลี (คำนั้น)  ว่า "นั่งบนอาสนะ" และ (๕) ไม่มี พุทธศาสนา แบบ เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม  ที่ จะแปล คำบาลีคำนั้นว่า " นั่งที่อาสนะ" (๔) ไม่มี พุทธศาสนา ที่แปลคำบาลี (คำนั้น)  ว่า "นั่งในอาสนะ" สรุป ท่าน  จขกท ถามว่า --- เราจะแยก จะพิสูจน์ได้อย่างไรฮะ ถามแบบ ? (พิจารณาเอง) คำตอบ มี ว่า ศึกษา เพียงพอ ครับ  ก็ จะ พิสูจน์ทราบได้ ตามหลักฐานปฐมภูมิ ฯ แล้ว ไม่เพลิน "ยึดติด ด้วย กิเลสใดนั้น" ใน "ตัวบุคคลใดนั้น"  ที่ ฯลฯ (เติมเอง) ( เช่น -- แค่เกิดก่อน ฯ ขานนาคก่อน  แล้ว อยู่ๆ  ก็ ค้นพบนั่นนี่  แล้ว ชาวบ้านทั่วไป พากัน ฯลฯ  เพราะ วิสัย ปุถุชน ผู้ไม่มีการสดับฯ สรุปในสรุป ศึกษา ให้เพียงพอ  ตาม วิสัย  วิญญูชน ผู้ปัญญาชน  ฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 10:15:21

ความคิดเห็นที่ 21 อยากรู้อะไรก็ต้องศึกษา และลงมือปฏิบัติให้เห็นแจ้งด้วยตนเอง ขออนุโมทนาบุญกับท่าน จขกท ที่มีใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา อยากจะแนะนำให้ลองศึกษาและปฏิบัติดู ที่ไหนก็ได้ อาจารย์ไหนก็ได้ เอาที่ท่านศรัทธา และท่านสอนตามแนวทางสติปัฏฐานสี่ พระพุทธศาสนาไม่ได้จะให้เรารู้ทุกเรื่องบนโลกใบนี้ เพราะขนาดพวกเรา เกิดตายกันมาชั่วกัป ยังไม่รู้โลกทั้งหมดเลย แต่พระพุทธศาสนา สอนให้เรารู้จักตัวเรา และเรียนรู้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเรา รีบลงมือปฏิบัติดีกว่านะคะ เวลาเราเหลือไม่มากแล้ว ขอให้เจริญในธรรม_/\_ จากคุณ : เอหิปัสสิโก (จงดูจงเห็น) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 08:48:33