วิีธีมองเมืองพุทธ
มองที่กายยาวสามวามีใจครอง
มองแบบนี้มองตลอดกัปป์ ก็จะมีแต่ปัญหา ปัญหาของขันธ์ไม่เคยจบ
แต่อยู่ที่ใจเรา จะวางขันธ์เหล่านั้นไหม
ข้างนอก เค้าทำผิดกันหมดน่ะ แต่ดูที่เราสิ
พระพุทธเ้จ้าท่านทราบไหม ว่าปัญหามีเยอะ ท่านทราบ แต่ท่านไม่ได้ให้เราใส่ใจเรื่องนั้น ท่านให้เราใส่ใจตัวเอง เพราะว่าเวลาได้มรรคผลใครได้ เราได้
คนอื่นไม่ดี แต่เราทำ เราได้่ แต่ถ้าคนอื่นดี แล้วเราไม่ทำ เราก็ไม่ได้
แล้วการทำ ท่านให้วางเลย อย่างเวลาเข้ากรรมฐาน เรื่องพวกนี้ท่านไม่้ให้คิดหรอก ข่าวจะออกยังไง สังคมเป็นยังไง เวลาปฏิบัติจริง ๆ มีแต่ห้องเงีัยบ ๆ อย่างวันก่อนหลังจากกลับจากปฏิบัติธรรมที่อยุธยา เราก็ไปนอนมาคนเดียว วัดแถวบ้าน มีห้องว่างให้ปฏิบัิติธรรม เวลาปฏิบัติ ต่อให้น้ำท่วมก็ไม่ดูทีวี อย่างน้ำท่วมที่อยุธยา พระท่านไม่รู้หรอกว่าท่วมทั้งจังหวัด ท่านรู้ว่าวัดท่้านท่วมท่านก็ปฏิบัติต่อไป ขึ้นศาลาชั้นสองชั้นสามอะไรว่าไป ไม่มานั่งดูข่าวหรือดูคนอื่นหรอก เสียเวลา ทำให้เกิดกิเลส
จะตำหนิโลก ก่อนพระพุทธเจ้าประสูติ โลกก็มีตำหนิ พระพุทธเจ้าทรงประสูติแล้ว โลกก็ยังมีตำหนิ กระทั่งพระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานแล้ว โลกก็ยังมีตำหนิ ถ้าจะนั่งตำหนิโลก ตายแล้วเกิดใหม่ ก็ตำหนิไม่จบหรอก โลกมีตำหนิ แต่นิพพานเท่านั้นไม่มีตำหนิ จะหาอะไรดี ๆ ไม่ต้องหาที่โลก มันไม่มีหรอก ถ้าอยากให้ทุกอย่างสมบูรณ์ ให้ไปหาที่นิพพาน อย่างโลกเนี้ย เริ่มแต่ ข้างบ้านคุณ ข้างบ้านของข้างบ้านคุณ ออกไป มีเรื่องให้ตำหนิ เกือบทุกหลัง ยกเว้นบ้านของพระอริยบุคคล ทีนี้ จะมาบอกว่า คนนั้นทำไม่ดีอย่างนั้น คนนี้ไม่ดีอย่างนี้ เลิกมอง มองแบบนี้ไม่ได้ให้อะไรกับตัวเรานอกจากการรำคาญ เหมือนเรามองนักการเมืองน่ะ โห ทำไมทำตัวแบบนี้ ๆ ทั้งที่หน้าที่ของเรา คือการทำงานของเรา นักการเมืองเค้าโกงเค้าอะไรก็ส่วนของเค้า
ปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ยิ่งมองคนอื่นมาก มันก็จะได้แต่สองอย่าง คือ ความทุกข์ กับความฟุ้งซ่าน วัน ๆ นึงจะทุกข์ใจว่า โห เมืองพุทธนะแย่จัง
รู้มั้ย มีกี่คนแล้ว ที่เค้าเข้าผลสมาบัติกันสบาย ๆ อุบาสิกาสองท่านพระอาจารย์เราเล่าให้ฟัง ท่านเข้าสมาบัติกันคนละ 20 กับ 40 กว่าชั่วโมง
เค้าบรรลุธรรม มานั่งเข้าสมาบัติกันสนุกแล้ว ทเพราะมองตัวเองจนบรรลุ ทำไมเราจะยังมามองคนอื่น จนไม่ได้บรรลุสักที เขาไปกันถึงไหนแล้ว
ขอโทษที่พูดตรง ๆ แต่ว่า มีคนเค้าเข้าสมาบัติกันได้แล้วหลายคน ในขณะทีหลายคนยังสนใจคนอื่น จนสมาธิไม่มีอยู่เลย
พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า
น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตโน ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ.
แปลว่า
"อย่าเก็บคำไม่ดีของคนอื่นไว้ในใจ อย่าเที่ยวมองว่าคนอื่นเขาทำ หรือเขาไม่ทำอะไร ให้มองแต่สิ่งที่ตัวเองทำแล้วหรือยังไม่ได้ทำเท่านั้น"
เพียงเท่านี้ก็เรียกได้ว่าเราทำหน้าที่ของมนุษย์ของเราสมบูรณ์ ไม่มีข้อตำหนิ แต่ถ้าทำเกินกว่านี้ก็เรียกว่าทำผิด คิดผิด ผลคือเราก็เป็นทุกข์ ทางออกอยู่ทื่เราเองจะทำผิดหรือทำถูก จะมองกายวาจาใจตัวเองหรือเสียเวลามองคนอื่นตลอดวัน
นี้พระพุทธโอวาทเลยนะคุณ azazelzx คุณลองวางทุกอย่าง อ่านแค่สามบรรทัดที่พระพุทธเจ้าท่านตรัส และลองเชื่อท่านดู
คุณจะเห็น "เมืองพุทธ"
ในใจคุณนี่แหละ
ตอนไหน
ตอนนี้
(แก้ไข - เพิ่มข้อความเรื่องไม่มีตำหนิให้หาที่นิพพาน)
แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 13:59:23
จากคุณ |
:
Serene_Angelic
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.พ. 55 13:57:03
|
|
|
|