Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
รูปฌาน 4 อรูปฌาน 4 ตอนที่ 7 ติดต่อทีมงาน

สนทนาธรรมตามกาลต่อนะครับ

กลับเสวยพระกระยาหารหยาบ

“อาตมภาพได้มีความคิดเห็นว่า  เราจะกลัวแต่สุข  ซึ่งเป็นสุขเว้นจากกาม  เว้นจาก
อกุศลธรรมหรือ  และมีความคิดเห็นต่อไปว่า  เราไม่กลัวแต่สุข  ซึ่งเป็นสุขเว้นจากกาม  
เว้นจากอกุศลธรรม

การที่บุคคลผู้มีกายผอมเหลือเกินอย่างนี้  จะถึงความสุขนั้น  ไม่ใช่ทำได้ง่าย  ถ้ากระไร
เราพึงบริโภคอาหารหยาบ  คือข้างสุก  ขนมสดเถิด......

ครั้นอาตมภาพบริโภคอาหารหยาบมีกำลังขึ้นแล้ว  ก็สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม
ทั้งหลาย  บรรลุปฐมฌาน  มีวิตก  มีวิจาร  มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่  

บรรลุทุติยฌาน  มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน  เป็นธรรมเอกผุดขึ้น  ไม่มีวิตก  ไม่มีวิจาร
เพราะวิตก  วิจาร  สงบไป  มีปีติและสุขผู้ได้ฌานเกิดแต่สมาธิอยู่

มีอุเบกขา  มีสติสัมปชัญญะ  และเสวยสุขด้วยนามกาย  เพราะปีติสิ้นไป  บรรลุตติยฌาน
ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า  ผู้ได้ตติยฌานนี้  เป็นผู้มีอุเบกขา  มีสติอยู่เป็นสุข

บรรลุจตุตถฌาน  ไม่มีทุกข์  ไม่มีสุข  เพราะละสุข  ละทุกข์  และดับโสมนัส  
โทมนัสก่อน  ๆ  ได้  มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่”

ผมขออนุญาตสรุปสภาวธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสวงหาและได้พบด้วยพระองค์เอง
ก่อนการตรัสรู้  รวมสามครั้งนะครับ

ครั้งที่หนึ่ง  เมื่อครั้งทรงพระเยาว์  สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม  บรรลุปฐมฌาน  
มีวิตก  มีวิจาร  มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่  

ครั้งที่สอง  เมื่อทรงกระทำความเพียร  ณ  อุรุเวลาเสนานิคม  อุปมาสามข้ออันน่าอัศจรรย์
ยิ่งนัก  ไม่เคยได้ฟังมาในกาลก่อนมาปรากฏแก่พระองค์

ครั้งที่สาม  สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย  บรรลุปฐมฌาน  มีวิตก  มีวิจาร  
มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่   บรรลุทุติยฌาน  บรรลุตติยฌาน  บรรลุจตุตถฌาน

สภาวธรรมก่อนการตรัสรู้  เป็นการแสวงหาธรรมที่ชื่อว่า  
“......แสวงหาอยู่ว่า  อะไรเป็นกุศล......”  

และเป็นการแสวงหาธรรมที่ชื่อว่า  
“……เป็นการค้นหาทางแห่งการพ้นทุกข์……”  

ดังนั้น  ผมจึงขอสรุปว่า  ปฐมฌาน  ทุติยฌาน  ตติยฌาน  จตุตถฌาน  ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงค้นพบก่อนการตรัสรู้  ซึ่งตำราบางเล่มเรียกรวมว่า  รูปฌาน  4    

แตกต่างจาก  ปฐมฌาน  ทุติยฌาน  ตติยฌาน  จตุตถฌาน ที่มาจากคำสอนของ  ลัทธิ  หรือ  
นิกาย  หรือ  พราหมณ์  หรือ  นักบวช  ต่าง  ๆ  ในสมัยนั้น  

ธรรมที่ก่อให้เกิดความแตกต่าง  คือ  

“สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย”   ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเอง

ดังนั้น  ถ้าเพื่อนสมาชิกท่านใด  จะยืนยันว่า  ฌาน  คือ  ฌาน  อันเกิดจากสมาธิ  
ตามความคิด  ความตรึก  ด้วยทิฏฐิแห่งตน  

โดยไม่จำแนกธรรม  “สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลาย”
 
ย่อมให้ผลแตกต่างจาก  

ประกอบตนอยู่ในกาม  ประกอบตนอยู่ในอกุศลธรรมทั้งหลาย

ผมคงไม่มีอะไรจะโต้แย้งในประเด็นนี้  คงต้องปล่อยให้ท่านยึดมั่นในทิฏฐิของท่านต่อไป

พบกันอีกครั้งใน  พระผู้มีพระภาคเจ้าได้บรรลุวิชชาสามนะครับ

ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ

จากคุณ : สัมมาทิฏฐิ
เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 13:47:34




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com