ความคิดเห็นที่ 1              พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)              พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)              คำว่า วิธีปฏิบัติต่อทุกข์-สุข 4 http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=สุข#find3                    ธรรมสำหรับคฤหัสถ์หรือผู้ครองเรือน http://84000.org/tipitaka/dic/d_type.php?t=4&head=on              หมวดหนังสือธรรมะ              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม     http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม                สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                   หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:46:58

ความคิดเห็นที่ 2 ตั้งสติให้ได้  อดทนให้มาก รอให้  เวลา ผ่านไป สักระยะนึง จะมี ตัวแปร    เข้ามา ทำให้ทุกอย่างคลี่คลาย ฟ้าหลังฝน สดใสเสมอ ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : r (r-narin224) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:58:25

ความคิดเห็นที่ 3 ตอนทุกข์มาก ๆ เราใช้วิธีสวดมนต์ค่ะ สวดแบบนาน ๆ ทุก ๆคืน ต่อด้วยนั่งสมาธิอีกสัก 15-30 นาที ช่วยเราได้มาก อย่างน้อยก็ลดอาการฟุ้งซ่านทางใจก่อนนอน การนั่งสมาธิเป็นประจำจะมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับเราก็ตอนความทุกข์มาเยือน เพราะจิตที่มีกำลังเข้มแข็ง ความทุกข์จะเข้ามาโจมตียากขึ้น  พิจารณาทุกข์ได้ง่ายขึ้น เช่น ทำงานหนัก เจ้านายไม่เข้าใจ โดนกลั่นแกล้ง เรามองมันอย่างเฉย ๆ มากขึ้น อย่างน้อยสิ่งที่เราได้รับวันนี้ มันเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น ไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องบังเอิญ คิดแบบนี้ทำให้เราทำใจได้ ทุกข์ที่เข้ามากระทบก็บรรเทาความแรงลง เอาประสบการณ์มาแชร์ค่ะ เผื่อจะมีประโยชน์นะคะ จากคุณ : กวางดื้อ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:03:40

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อไรที่ใจยอมรับกับความจริง จิตจะปล่อยวาง  แล้วทุกข์จะหาย จากคุณ : Bitter Coffee เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:15:48

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งคนนะ ลองฟังเพลงที่แนบมาให้นะครับ "... ทุกข์หรือว่าสุข ต่างกันแค่ใครมาก่อน ผลัดกันไปมา ทุกที ..." จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:25:40

ความคิดเห็นที่ 7 พิจารณาสาเหตุแห่งทุกข์ ไล่ย้อน หาต้นเหตุ ต้นเหตุย่อยๆ แตกประเด็นเหตุที่เกิด ไปจนเกิดสาเหตุอื่นที่รุมเข้ามา หาทางแก้ทีละเปราะ ทีละเรื่อง คิดไม่ออก ถามผู้รู้แต่ละสาขานั้น (เรื่องครอบครัวไปห้องครอบครัว, เรื่องกฏหมายไปห้องกฏหมาย, เรื่องการเงินไปห้องการเงิน, เรื่องผีหลอกไปออกทีวี) ตั้งใจว่าจะแก้ปัญหาให้ตรงจุด (กลับตัว เปลี่ยนนิสัย เผชิญปัญหา) จบที่ มรรค 8 (ขออนุญาตพิมพ์สั้นๆนะครับ) คำแนะนำด้านบน ต้องผจญความเจ็บปวดบ้าง ในการเผชิญปัญหาตัวเป็นๆ ------------------- คำแนะนำด้านล่าง เหมาะสำหรับ การพักปัญหาไว้ก่อน (อนุโลมคำว่า หนีปัญหาแทนกัน) -สวดมนต์ บวชชี นั่งสมาธิ ไม่ใช่ไม่มีประโยชน์นะครับ หลายท่านนั่งสมาธิจนจิตนิ่ง ทางแก้ปัญหาผุดขึ้นมาในใจก็เยอะ สวดมนต์จิตเป็นกุศล เจ้ากรรมนายเวร ใจอ่อน เทวดาประจำตัวเข้ามาอุ้มชู พาผ่านปัญหาก็มาก กรรมทางพุทธ คือ ภาวะจิตยึดความเป็นตัวตน จนลืมว่าทำอะไรลงไป ตอนไหน ทำตัวเองให้วนอยู่ในบ่วงตลอดเวลา ทำซ้ำๆข้ามภพข้ามชาติเป็นกัปป์เป็นกัลป์ แก้กรรมแบบพุทธ คือ คำแนะนำด้านบน ค่อยๆเริ่ม ตัดกรรมทิ้ง ทีละเปราะๆ ตามหลัก อริยสัจ๔ -------------------- แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 16:53:37 จากคุณ : Zim-MorLuth- เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:31:38

ความคิดเห็นที่ 8 พิจารณาที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ สุดท้าย ใช้สติเป็นเครื่องมือในการดับทุกข์ ค่ะ จากคุณ : honeybfit เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:46:29

ความคิดเห็นที่ 9 หน้าที่ต่อทุกข์คือรู้ ไม่ใช่ให้เป็นทุกข์ เพราะทุกข์เกิดแล้วเป็นวิบากแก้ไม่ได้ ละก็ไม่ได้ ท่านให้ละเหตุแห่งทุกข์ คือ ความอยากให้พ้นทุกข์ เพราะถ้ามีความอยากจะเกิดทุกข์ซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก จากนั้นก็มาใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหา ปัญหากับทุกข์เป็นคนละอย่าง ปัญหาคนอื่นสร้าง แต่ความทุกข์เราเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง ถ้าใจยอมรับความจริงได้ใจจะทุกข์น้อยลงมาก จากคุณ : sspp1 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 17:07:29

ความคิดเห็นที่ 10 ทุกข์เพราะเรื่องอะไร  ยึดมั่นถือมั่นมากแค่ไหน   .... ถ้ายึดมั่นถือมั่นมาก  ก็จะแก้ไขได้ช้า  ต้องทนนานกว่าปกติกว่ามันจะเบาบาง จากคุณ : โขตาน เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 17:28:06

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นเรา ๆ จะไปบวชชีพราหมณ์ จากคุณ : anumotanasatu เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:08:49

ความคิดเห็นที่ 12 เอาใจช่วยให้ทุกข์นี้หายไปเร็วๆ นะคะ จากคุณ : Meyuree เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:12:19

ความคิดเห็นที่ 13 หันหลังชนฝาสู้มันค่ะ สวดมนต์สู้ก็ดีค่ะ ให้ใจสงบก่อน  พอมีสติ ค่อยพิจารณาแก้ปัญหาค่ะ จากคุณ : chaosy เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:48:42

ความคิดเห็นที่ 14 จำไม่ได้แล้วว่า พระอาจารย์องค์ไหนท่านว่าไว้ ทุกข์ มีไว้ให้รู้ ไม่ใช่ มีไว้ให้เป็น ... จากคุณ : ltf06 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:10:06

ความคิดเห็นที่ 15 สติมา ปัญญาเกิด  ลองสวดมนต์ไปเรื่อยๆก่อนครับไม่ต้องรีบร้อน เสร็จแล้วก็แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรแล้วก็เข้านอนซะ ปัญหา ทุกอย่างมีทางออกเสมอ  บางทีตื่นนอนมานึกวิธีแก้ปัญหาออกเองเฉยเลย   ^^ จากคุณ : ล้าน5 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 20:45:12

ความคิดเห็นที่ 16 ปล่อยมันไป.... ที่ทุกข์ เพราะ เรายึดมันไว้ สลัด ความคิด ใดๆ นั้นออกได้ ก็เบา สบาย ถ้าเราสังเกตุอาการภายใน จะพบว่า เวลาทุกข์ นั้น เป็นช่วงเวลาที่เรากำลังจมอยู่กับความคิด หรือ ความทรงจำ ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับ อารมณ์ ทุกขเวทนา นั้นคือ อาการ ที่เราเข้าไป ติดข้องกับอารมณ์ ที่เรียกว่า การยึดติด ซึ่งมันก็คือ ความยึดมั่นถือมั่น ที่เราได้ยินได้ฟังกันอยู่เสมอ (แต่ไม่ค่อยจะสัมผัส เข้าถึง มันได้ ยกเว้นเวลาที่ มี สติ) และอาการที่หลุดจาก ความคิด ความจำ อารมณ์ นั้นๆ ก็คือ การปล่อยวาง แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 21:27:31 จากคุณ : นายไวรัส เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 21:21:40

ความคิดเห็นที่ 17 อริยสัจ มีความจริงอยู่ ๔ ประการ ได้แก่ ๑. ทุกข์ การมีอยู่ของทุกข์ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ที่ชื่อว่าทุกข์เพราะทนได้ยาก ๒. สมุทัย เหตุเกิดทุกข์ ได้แก่ตัณหา คือความทะยานอยาก ๓. นิโรธ ความดับทุกข์ ได้แก่ดับตัณหาให้สิ้นเชิง ๔. มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ ได้แก่อริยมรรค ๘ ประการ ในความมืดย่อมมีแสงสว่าง  และในแสงสว่างย่อมมีความมืด  ฉันใดก็ฉันนั้น ตราบใดที่เรายังคงมีชีวิตก็คงต้องดิ้นกันไป  ปัญหาทุกอย่างมีไว้แก้    มองทุกอย่างด้วยสติ  คิดด้วยปัญญา  ปล่อยวางในสิ่งที่ควรปล่อย  คิดถึงเหตุและคิดถึงผลที่จะเกิด   ว่ามันสามารถแก้ไขได้ไหม  ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องปล่อยมันไปและยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างมีสติ    เพราะไม่ว่าจะมีเหตุอะไรเกิดขึ้นเราย่อมสามารถทำหนักให้เป็นเบาได้    ด้วยสติปัญญาของเราเอง   การเกิดมามีร่างกายครบ 32 สมองเป็นปกติ  นั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุดแล้วในชีวิต  เป็นยิ่งกว่ารางวัลที่ 1  เพราะฉะนั้น  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ขอให้สู้กับมันอย่างมีสติ  และขอให้รู้ไว้ว่า  คุณนะมีคนที่รักคุณมากยิ่งกว่าชีวิตของเขา  นั้นคือ  พ่อแม่ของคุณ  ท่านรักคุณมากขนาดไหน  ถ้าวันใดคุณได้เป็นพ่อแม่คนคุณจะรู้เอง   ว่าไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่า  ลูกของคุณ   ไม่มีรางวัลไหนที่ทำให้คุณเป็นสุขได้เท่าลูกของคุณ   และไม่มีสิ่งไหนที่จะทำให้คุณต้องการนอกจากขอให้ลูกคุณหายของโรคภัยไข้เจ็ษ   และไม่มีสิ่งไหนที่จะทำให้คุณเสียใจได้เท่ากับคุณต้องเสียลูกของคุณไป   ขอให้สู้ต่อไปนะ  เงยหน้าขึ้นอย่างเข้มแข็ง  และมองโลกอย่างเข้าใจ  ใช้ชีวิตด้วยสติและปัญญา  มองทุกอย่างด้วยธรรม   ทุกข์  เกิดเพราะสิ่งใด สมุทัย  เหตุที่เกิดทุกข์  เกิดที่ตรงไหน นิโรธ   การดับทุกข์  ต้องทำอย่างไร  ต้องแก้ปัญหาที่ตรงไหน มรรค   ทางแห่งการดับทุกข์    หนทางที่จะทำให้ปัญหาที่เกิดหมดไป   ขอให้มีสติกับสิ่งที่เกิด  และแผ่านพ้นปัญหานั้นไปได้  สู้ๆๆ จากคุณ : tripper 95 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 21:24:36

ความคิดเห็นที่ 18 จำได้มั้ยครับว่าก่อนหน้านี้เคยสุข  ตอนนี้เปลี่ยนเป็นทุกข์แล้ว ระยะเวลาหนึ่งเดี๋ยวทุกข์มันก็ดับไปครับ มันก็ไม่ยืนยาวเหมือนกัน มีสติอยู่กับตัวครับ ใช้เวลาให้มีค่าที่สุดเพื่อแก้ปัญหา อย่าไปใช้เวลากับความทุกข์มากครับ ลดความปรุงแต่งของจิตลง ทุกข์ก็เบาบาง ทุกข์มันสร้างภูมิต้านทานชีวิตครับ ขมหน่อย  แต่ผ่านไปได้เราจะแข็งแรงขึ้น ขอให้โชคดีครับ จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 21:28:40

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ต้องทำอะไร เด๋วมันก็ไปครับ สังเกตุตัวเองว่า อย่าให้จิตไปช่วยมันสร้างทุกข์ให้มากขึ้นก็แล้วกัน จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:11:12

ความคิดเห็นที่ 20 มาขอรับคำแนะนำจากทุกๆท่านด้วยคน ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (ธารน้ำ) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 23:53:55

ความคิดเห็นที่ 21 บางทีทุกข์นี่แหละอาจเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ เพราะความสุขมันไม่ได้มีอยู่จริงหรอก ความทุกข์มีมาให้เราได้เรียนรู้ ให้เราได้ปล่อยวางความยึดถือลงบ้าง และให้เราได้รู้ซึ้งกับกฎไตรลักษณ์ จนเป็นแรงให้เราลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อให้พ้นจากมันอย่างถาวร ป.ล.ขอเพิ่มว่าให้นึกถึงความตายบ่อยๆ เราตายได้ทุกขณะจิต จิตจะค่อยคลายจากทุกข์จรทางโลกได้บ้าง เราได้อัตภาพของมนุษย์ที่ประเสริฐแล้ว ที่จะเลือกทำกรรมดีหรือไม่ดีได้เต็มที่ และไม่รู้ว่าภพหน้าถ้ายังต้องเกิด เราจะไปเป็นอะไร จะมีสัมมาทิฏฐิแบบนี้มั้ย การปล่อยจิตใจให้เศร้าหมองหดหู่ เป็นการสั่งสมเหตุของการมีทุคติเป็นที่หมาย อย่าปล่อยเวลาไปกับความรู้สึกแย่ๆแบบนี้นานๆเลยนะคะ (ตอนนี้เราคิดว่าจะเหลือเวลาทำความดีบุญกุศล เวลาที่จะภาวนาไม่พอด้วยซ้ำ กิเลสก็ยังมีอยู่เต็มใจ-_-") แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 00:59:26 จากคุณ : ฟ้าอิงจันทร์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 00:39:53

ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อเจอความทุกข์ ก็จงอยู่กับความทุกข์นั้นแหละ อ้าว++ โง่แหละบอกตรูอยู่กับความทุกข์ ป่าวครับ ให้อยู่นี่หมายถึงอยู่อย่างมีสติ ให้รู้ว่าทุกข์เพราะอะไร ทำไมถึงเกิด แล้วคราวหน้าทำอย่างไรจะหลีกเลี่ยงทุกข์นั้นได้ หรือถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็หาวิธีที่จะอยู่ด้วยอารมณ์ที่ทุกข์น้อยลงหรือสั้นลงกว่าครั้งนี้ครับ เช่น อกหักเพราะรักผู้ชายหล่อ อยู่กับอารมณ์อกหัก เอ่ออกหักมันอย่างนี้เน๊าะ ฟังเพลงเศร้าก็เศร้าบรรลัย เอ่อแล้วไอ้นั้นมันรู้มัยว่าตรูเศร้าตรูเสียใจวะเนียะ แล้วตรูจะเศร้าทำไม (อ่าวเริ่มเห็นธรรม) คราวหน้าก็หาแฟนที่หล่อน้อยลงหน่อย อัตราอกหักก็ลดลง หรือถ้าอกหักอีกก็รู้แล้วนิ คราวที่แล้วทำไงมั่ง จากคุณ : Security_Pass เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 02:36:30

ความคิดเห็นที่ 23 (ต่อจากความเห็นที่ 9 ) ที่ว่ารู้ทุกข์ คือ รู้ที่ใจ เพราะใจ(ขันธ์ 5) เป็นตัวทุกข์ พอเรารู้ทันใจ เราจะมีสติหลุดออกมาจากโลกของความคิดมาอยู่กับปัจจุบัน ความทุกข์จะตกหายไป ถ้าเราจมอยู่กับความคิดความหลงก็เปรียบเสมือนเราเข้าไปอยู่ในกองไฟ เรากำลังถูกไฟเผา ถ้าเราหลุดออกมาเป็นผู้ดูอยู่ห่างๆ เราก็จะเห็นไฟอยู่ห่างๆจากตัวเรา ไม่ใช่เราเป็นผู้ทุกข์ แต่ขันธ์มันเป็นทุกข์ ก็เรื่องของขันธ์ ไม่เกี่ยวกับเรา แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 17:32:56 แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 17:32:21 จากคุณ : sspp1 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 11:46:16

ความคิดเห็นที่ 24 " หยุด " เป็นตัวสำเร็จ ครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:29:11