ขอต้อนรับ คุณ JD300 ในห้องอันอบอุ่นนี้ครับ : )
1. เรื่องจำพวกนี้ (เรื่องที่ เราถือกันว่าแปลกๆ)
ที่อาจจะเป็น ปาหี่แบบตื้นๆ หรือการใช้คำพูดโน้มน้าวศรัทธาที่อ้างถึงสิ่งลี้ลับ
หรือ เรื่องที่เราๆ เชื่อกันว่า เข้าข่ายหลอกลวง
ถือเป็นเรื่องปกติ ของสังคมพุทธไทย ที่ดูจะชาชินกันไปแล้ว
แม้สงสัย ก็อาจจะทำอะไรที่ทำให้กระจ่าง ถึงเหตุผล
หรือที่มาว่า ทำได้อย่างไรนั้น ก็ดูจะมีท่าทีที่หาความจริงกันน้อยเหลือเกิน
คนไม่เชื่อหลายล้านคน แต่คนอีกสังคมนึงก็ีมีพื้นความเชื่อต่างกัน
ก็จะเชื่ออย่างสนิทใจ โดยไม่สน ไม่อยากฟังการพิสูจน์ใดๆ ครับ
2. ผมเห็นว่า สิ่งที่คุณ JD300 ทำในห้องหว้ากอนั้น
หากมีความตั้งใจที่จะพิสูจน์ เพื่อให้เกิดผลที่ชัดเจนนั้น
ผมมองเป็นเจตนาดีนะครับ ทำเลยครับ
และผมก็เห็นว่า ชาวพุทธที่ดี มีคำสอนที่มนุษย์ทุกคน
สามารถเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องพึ่งพึงอำนาจเร้นลับ
ดังนี้แล้ว เรื่องจำพวกแปลกๆ หรือเร้นลับ ที่ดูจะไม่ได้ช่วยอะไร
กับการปฏิบัิติภาวนานั้น เราชาวพุทธควรที่จะเปิดใจยอมรับ
ในการมองให้เห็นถึงเหตุว่า ทำได้จริงหรือไม่ หลอกลวงหรือไม่
เพราะศาสนาพุทธ ก็เป็นศาสนานิยมความจริง ในเรื่องใกล้ตัว
เช่น การภาวนาเพื่อเข้าใจตนเอง (เอาไว้ก่อน)
(การพรมน้ำมนต์ ก็ดูใกล้ตัวในฐานะ พระกับการดูแลสังคม)
แต่หากไกลตัวมาก เช่น จักรวาลหรือชาตินี้ ชาติหน้า
ก็อาจจะยังไม่ต้องพิสูจน์ก็ยังได้
แต่อยากจะให้ คุณ JD300 ได้ตั้งใจวางเจตนาไว้ดีๆ นะครับ
จะพิสูจน์เพื่อความงอกงามทางวิทยาศาสตร์
เพื่อประโยชน์ของคนในสังคมก็ตาม ถือเป็นเรื่องดีทั้งนั้น
สิ่งที่ควรตระหนักคือ การเปิดเผยความจริง
ที่ไม่ควรจะ ทำให้กระทบกระเทือนถึง ชาวพุทธทั่วไป
พูดง่ายๆ คือ เว้นจากการพูดแดกดัน ให้คนรู้สึกโกรธเคือง เสียใจ นั่นเอง
และแม้กระทั่ง การพูดความจริงบางอย่าง
อาจจะต้อง ดูสถานการณ์หรือบริบทด้วย
(อันนี้ เป็นเรื่องเสริมแล้วครับ)
3. พระสงฆ์ทำอะไรกันบ้าง
เรื่องพระธาุตุนี้ ผมเองอยู่เชียงใหม่
รู้มาว่า พระระดับเจ้าคณะตำบล สั่งห้ามไม่ให้ออกสื่อ
ท่านเองบอกว่า ตั้งแต่ออกวู้ดดี้ 1 ปีกว่า ก็ไม่ได้ออกสื่อที่ไหนเลย
(ผมเข้าใจว่า หากเป็นสื่อสาธารณะหรือการกุศล ก็คงไม่ออกหรอก
แต่หากเป็น สื่อจำพวกโลกทิพย์ โลกลี้ลับ อันนี้มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ท่านก็คงจะอยากออกนะ)
แต่พอไปถาม พระที่เกี่ยวข้อง ท่านก็ว่า
ไม่ได้สั่งห้ามออกสื่อ แต่สั่งห้าม ไม่ให้พรมน้ำมนต์อีก
จะเห็นได้ว่า พระระดับปกครอง ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้เด็ดขาด
คงเพราะงานพระท่านก็เยอะอยู่แล้ว
และอีกอย่างก็เห็นว่า เป็นพระด้วยกัน สิ่งที่ทำก็ไม่ได้
มีลักษณะผิดอะไรร้ายแรง ย้ำว่า ไม่ได้ผิดอะไรร้ายแรง
เพราะเป็นเรื่องแปลกๆ กับศรัทธาที่อยู่คู่กับ สังคมพุทธไทย (ในภาคเหนือ)
(ต่างจากเรื่องของ ข่าวเสียหาย เช่นพระตุ๊ดกับหนุ่มๆ หรือพระกับสีกา ที่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง)
เราจึงเห็นว่า การขอพึ่งพอ พระที่ปกครองนั้น
อาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย
เรื่องเช่นนี้น่าคิดว่า หากมองในทางกฎหมายอาญาแล้ว
จะเข้าข้อหา ฉ้อโกง ได้หรือไม่
ซึ่งก็ต้องให้ ญาติโยม เป็นฝ่ายร้องทุกข์แจ้งความกับตำรวจเอง
น่าสนนะครับ