ความคิดเห็นที่ 1 กูคิดไปเองว่า กูบรรลุโสดาบัน จากคุณ : azazelzx เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:08:25

ความคิดเห็นที่ 2 กรู นี่หมายถึงคุณใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ควรรีบแก้ไข จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:30:44

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ข้อคิดเยอะมาก โดยเฉพาะสำหรับหลายๆ คนที่คิดว่าตัวเองธรรมะธัมโม จริงๆ แล้วเข้าใจหลักธรรมของพระพุทธศาสนาดีแล้วหรือยัง จากคุณ : uter เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:33:38

ความคิดเห็นที่ 4 ยังขาดข้อสุดท้าย... กรูยังเที่ยวโพสด่าคนอื่นว่ายังงมงายไม่บรรลุธรรมเท่ากรู จากคุณ : goodfriday เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:36:02

ความคิดเห็นที่ 5 กูปฏิบัติธรรม แต่หัวรุนแรงการเมือง ใครคนละฝ่ายกับกู กูเอาตาย อิอิ :) จากคุณ : Kenlive เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:37:33

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่มให้นะ  :-) จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:15:15

ความคิดเห็นที่ 7 16/30 เกินครึ่ง แหะๆ จากคุณ : ชลิโต เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:31:13

ความคิดเห็นที่ 8 บางข้อก็เป็นสิ่งที่สมควรทำอยุ่แล้วรึปล่าว? ลองดูที่เจตนา ดูที่จิต ขณะกระทำ  มั่ว ไปเหมาว่า ทำอย่างนี้ๆ ไม่ดี  ก็เลยวนๆ มั่วๆ อยู่แบบนี้กระมัง ? จากคุณ : OnceWakeUp เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 16:42:11

ความคิดเห็นที่ 9 ลองมองวิธีการสอนของพระพุทธเจ้าดูไหมครับ คุณ azazelzx ? พระพุทธองค์ไม่เคยขัดศรัทธาใคร ๆ เลย ยกตัวอย่างเช่น กรณีของชฏิลบูชาไฟ พระองค์ไม่เคยตำหนิการบูชาไฟของชฏิลว่าเป็นของไม่ดี พระองค์ทรงตรัสว่า พระองค์ก็จัดการกับไฟเหมือนกัน แต่เป็นไฟที่อยู่ภายใน ไฟภายในคืออะไร ? ไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง นั่นเองครับ อีกกรณีหนึ่งคือกรณี สิงคาลกคฤหบดีบุตร ผู้ไหว้ทิศทั้ง ๖ ทุกเช้าเขาจะออกมาหน้าบ้าน แล้วคุกเข่าลงกราบพื้นทั้ง ๖ ทิศ พระพุทธเจ้าเห็นแล้ว ไม่ขัดศรัทธาเขา ไม่กล่าวร้ายเขา แต่สอนให้เขาเข้าใจ ทิศ อย่างแท้จริง จะเห็นได้ว่า พระองค์ไม่ทรงใช้วิธีทำลายศรัทธาผู้อื่น แต่ทรงใช้วิธีเจริญปัญญาให้เกิดขึ้นจากการกระทำอันเป็นปรกติวิสัยของแต่ละบุคคล ผมก็มองแบบเดียวกันกับพระองค์ ไม่เลือกที่จะทำลายศรัทธาใคร ๆ แต่เลือกจะส่งเสริมทางปัญญาให้เกิดขึ้นเป็นสำคัญ ขอฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ. จากคุณ : เพื่อมหาชน เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:04:42

ความคิดเห็นที่ 10 ย้อนยุคดีนะครับ G-U ทุกคำ จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:08:36

ความคิดเห็นที่ 11 --- ถ้า ดีแต่ จำ คำเขามาพูด ----- ก็ งั้นๆ  (ไม่ว่าใคร ฯ) ว่าแต่ว่า "ผู้บัญญัติคำว่า"  "กรู รู้หมดทุกอย่าง" -- นั้น   "ผู้นั้น  รู้ไม่เท่า เขา ก็เป็นไปได้" (ไม่ทราบว่า ใคร บัญญัติ คำคำนี้ ขึ้น  ฯ  ท่านใดทราบ  เสานอด้วย เป็นข้อมูลทางวิชาการฯ) --- จึง "ตามด้วย"  คำว่า "ยกเว้น ตัวกรู" -- (แล้วตนเอง  -- ขว้่างงู พ้นคอ แล้ว? --- )                                                    สรุป     -- ขว้่างงู ไม่พ้นคอ ต่างกับ -- ขว้่างงู พ้นคอ แล้ว? --- ยังไง "รู้เองได้" นะครับ--- จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 18:09:08

ความคิดเห็นที่ 12 มาดูกรูด้วยคนค่ะ จากคุณ : anumotanasatu เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 19:19:20

ความคิดเห็นที่ 13 ยกเว้นข้อแรก เรื่องฆ่าสัตว์แล้ว ข้ออื่น ๆ ศาสนาคริสต์ ก็คิดว่าไม่ควรทำเหมือนกัน หลายข้อเป็น ขนบธรรมเนียม ความเคยชิน หรือเป็นนิสัย มากกว่าจะเป็นเรื่องความเชื่อ ดังนั้น ทำไปแล้ว ไม่คิดมาก ศาสนาคริสต์ก็คิดว่าไม่ผิดอะไร คุณพ่อยังเสกส้ม เสกรถ เสกสุสาน ให้ชาวบ้านเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องเชื่อโชคลาง เรียกว่าเป็นการปรับศาสนาให้เข้ากับวิถีชีวิตชุมชน ช่วยให้ศาสนาอยู่รอดได้ในสังคมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าถือทุกข้อเป็นกฎเหล็ก ชาวบ้านคงรับไม่ได้ แทนที่จะช่วยเขา เลยไม่ได้ช่วยใคร คุณเจ้าของกระทู้ คิดว่าจะไม่มีผู้บรรลุโสดาบันมาจากคนที่ปฏิบัติ ตามข้อห้ามเหล่านี้หรือครับ ส่วนผมคิดว่า ผู้บรรลุโสดาบันแล้ว ก็เลิกสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้เอง หากข้อปฏิบัติวัดใด ฝืนใจชาวบ้านมาก ๆ ชาวบ้านพาลจะปฏิเสธวัดนั้นไปเลย แทนที่จะอบรมเขาได้ เลยกลายเป็นว่าไม่มีใครให้อบรม สู้เราคล้อยตามเขาไปก่อน พอเขาเข้มแข็งขึ้น ก็ค่อย ๆ สอนให้เขาละไปทีละอย่าง ไม่ดีหรือครับ จากคุณ : FOB เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:02:05

ความคิดเห็นที่ 14 จขกท.น่าจะบรรลุไปแล้ว พระโสดาบันกับคนบ้าคล้ายกัน ต่างกันตรงมีมหาสติกับเสียสติ.. จากคุณ : ตาลโตน เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:12:28

ความคิดเห็นที่ 15 มาดูอีกคน...   หลงคิดว่าเป็นพระโสดาบัน  ก็ยังดีกว่าหลงคิดว่าเป็นพระอรหันต์ เหาะได้เนาะ ผู้ใดตั้งใจปรามาสบุคคลอื่น  ระวังผลนั้นจะสะท้อนกลับบมาถึงตัวแบบคาดไม่ถึง และมากกว่าหลายเท่า คำพูดดูถูกเสียดสีถากถาง   มากกว่าสร้างสรรค์นะ ใครคิดว่าเก่งรีบตัดมรรค ตัดผล ในขณะนี้ไปเลยคะ  อย่ามัวแต่เป็นปุถุชน เที่ยวดูถูกนักปฏิบัติด้วยกัน  ไม่มีใครเขาห้ามไม่ให้บรรลุธรรมได้นี่   เที่ยวเผยแพร่คำสอนมิจฉาทิฏฐิ  ดูถูกเขาแล้วเรานะ เป็นแล้วหรือ  โสดาบัน  ......... ?   แค่กัลยาณปุถุชน  ก็ขอให้เป็นให้ได้  อย่าพยายามเป็นเลย  พาลปุถุชน  นะ กลับไปพิจาณาตัวเอง  หรือ กรู ...  ของตนเองให้มากๆ  บางทีคุณอาจจะไม่ต้อง เป็นมิจฉาทิฏฐิต่อไป  เพราะอย่างไรเสีย  ถ้าเปลี่ยนความเห็นผิดก่อนตาย ก็ยังแก้ไขอบายภูมิอเวจีมหานรกได้  ความเห็นผิดทีละนิด นำไปสู่ นิยตมิจฉาทิฏฐิในที่สุด  และผู้มีอาจารย์ผู้นำไปสู่อบายมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย การเข้าหาครูอาจารย์  ก็ควรระวัง  เช่นพระเจ้าอชาตศัตรู  คบมิตรเป็นพระเทวทัต เป็นต้น เจริญในธรรมให้มากๆ  ที่ยังกล่าวตักเตือนแสดงว่ายังเมตตา  ให้ความกรุณา เสียเวลาตักเตือน  หากไม่มีใครเยแส  ชำแลตามอง  หรือเตะต้อง  แสดงว่า ยากเกินแก้ไข  เพื่อนๆเขาไม่ใช่เสียงนกเสียงกา  เสียงจิ้งจก  ร้องทัก ให้ฟังบ้าง  อย่ามีอีโก้  ตัว กรู...  ให้มากนัก  เพราะเห็นขยันลงโพสข้อความ ถูกบ้างผิดบ้าง  เอาสะใจเข้าว่า  ที่มาไม่มี  ผิดถูกไม่รู้  นี่  อย่าคิดว่าได้บุญ อาจได้บาปมากกว่าบุญ  บางทีถ้อยคำก็ไม่สร้างสรรค์  ไม่เห็นเป็นหลักธรรมอะไร การเป็นพระโสดบันเขามีหลักให้พิจาณาถูกต้องอยู่แล้วว่า   ละอะไรได้บ้าง   พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจน  นักปฏิบัติใครอยากรู้ก็ไปเช็คได้ว่าตนละสังโยชน์ 3 หรือไม่  ละความเห็นผิด  วิจิกิจฉาแล้วหรือยัง  แล้วที่นำมา   เป็นของพระพุทธเจ้าองค์ไหน  ที่แน่ๆ  ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่เรารู้จักแน่ๆ ไม่มีใครเขาเข้าใจผิดว่าตนเป็นโสดาบันหรอกคะ  คนระดับอยากจะเป็น โสดาบันเรื่องแค่จะรู้ว่าต้องละกิเลสตัวใดได้บ้าง  เขารู้กันหมดอยู่แล้ว ส่วนคนที่หลงผิดนั่นก็เพราะยังห่างไกลต้องเดินทาง  แต่ก็ไม่ใช่ที่ต้อง ดูถูกถากถาง  คนที่กล่าวดูถูกนักปฏิบัติต่างหากที่น่าสงสาร   เพราะเขาก็ไม่บรรลุอะไรเช่นกัน  เพราะถ้าเขาบรรลุจะไม่มีวาจาเช่นนี้ เขาต้องรู้ว่ากว่าคนเราจะก้าวข้ามผ่านสังโยชน์มันยากแค่ไหน  จะดูถูก กันไปใย  พระอริยะ  ก็คือ ปุถุชนมาก่อน  ไม่มีพระอริยะท่านใดกล่าว ดูหมิ่นผู้ปฏิบัติที่กำลังพยายาม  นอกจากผู้นั้น  จะไม่มีความเจริญในจิตใจ และห่างไกลต่อมรรคผล นิพพานของตนเท่านั้น ผลสะท้อนกลับ  มากกว่าตอนกระทำเสมอ  อย่ากลัวคนอื่นจะเข้าใจผิด คิดว่าบรรลุโสดาบัน  จงกลัวตนเอง  หรือที่เรียกว่า กรู....   จะมีความเห็นผิดและไป  อบายภูมิจะเป็นประโยชน์กว่า  ตนจงเตือนตนนั่นแหละดี จากคุณ : goodsthailand เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:17:38

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้ายังมีกู ก็ ยังมีทุกสิ่ง อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง มิใช่ เพราะ ยังเคารพสิ่งต่างๆ จึงมิบรรลุ หากแต่เพราะ  กู ตัวเดียวจึงมิหลุด พุทธองค์ มิเคยกล่าวห้ามการเคารพสิ่งต่างๆ หากการเคารพ เคารพเพราะ ศรัทธา และเลื่อมใส หากแต่เคารพเพราะ งมงาย นั้นก็มิใช่วิสัยผู้ปฎิบัติ แต่ทั้งหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่ ทำให้ยังไม่หลุดนั้นคือ  กู มิใช่อื่น จากคุณ : ผู้สัญจร เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:32:23

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาดูว่าเขียนใส่กระดาษแบบนี้ทำไง เห็นเขียนแบบนี้หลายครั้งแล้ว จากคุณ : บ้านอยู่กรุงเทพ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 21:38:34

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 9 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ลองมองวิธีการสอนของพระพุทธเจ้าดูไหมครับ คุณ azazelzx ? พระพุทธองค์ไม่เคยขัดศรัทธาใคร ๆ เลย ยกตัวอย่างเช่น กรณีของชฏิลบูชาไฟ พระองค์ไม่เคยตำหนิการบูชาไฟของชฏิลว่าเป็นของไม่ดี พระองค์ทรงตรัสว่า พระองค์ก็จัดการกับไฟเหมือนกัน แต่เป็นไฟที่อยู่ภายใน ไฟภายในคืออะไร ? ไฟรัก ไฟโลภ ไฟโกรธ ไฟหลง นั่นเองครับ อีกกรณีหนึ่งคือกรณี สิงคาลกคฤหบดีบุตร ผู้ไหว้ทิศทั้ง ๖ ทุกเช้าเขาจะออกมาหน้าบ้าน แล้วคุกเข่าลงกราบพื้นทั้ง ๖ ทิศ พระพุทธเจ้าเห็นแล้ว ไม่ขัดศรัทธาเขา ไม่กล่าวร้ายเขา แต่สอนให้เขาเข้าใจ ทิศ อย่างแท้จริง จะเห็นได้ว่า พระองค์ไม่ทรงใช้วิธีทำลายศรัทธาผู้อื่น แต่ทรงใช้วิธีเจริญปัญญาให้เกิดขึ้นจากการกระทำอันเป็นปรกติวิสัยของแต่ละบุคคล ผมก็มองแบบเดียวกันกับพระองค์ ไม่เลือกที่จะทำลายศรัทธาใคร ๆ แต่เลือกจะส่งเสริมทางปัญญาให้เกิดขึ้นเป็นสำคัญ ขอฝากไว้เพียงเท่านี้ครับ. จากคุณ : เพื่อมหาชน [Bloggang] เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:04:42 [แก้ไข] ถูกใจ : RujJie, KONICHIWA, anumotanasatu, chiwat -------------------------------- เมื่อเขาเป็นพราหม เขาก็ทำอย่างนั้น ไม่ไปห้ามเขาถูกต้องแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่ง เมื่อสอนให้เขาเข้าใจ และเมื่อเขาเปลี่ยนเป็นชาวพุทธแล้ว เขายังทำอย่างเดิมอีกหรือไม่ครับ จากคุณ : Faraday เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 22:24:03

ความคิดเห็นที่ 19 จะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ถ้าจะเพิ่มคำว่า "กรู-เบื่อ-เมิง" เข้าไปในแผ่นเขียว ๆ อีกสักคำ จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 22:27:33

ความคิดเห็นที่ 20 อิอิ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 23:13:35

ความคิดเห็นที่ 21 มาแล้วศรีธนญชัย แยกแยะไม่เป็น ชอบเหมาเข่ง......เพิ่งบรรลุ กำลังบ้าเห่อ สามล้อถูกหวย ถ้ายังเอาตัวรอดไม่ได้แล้ว   อย่าเอื้อมไปขยำฟ้า..... เพราะกิเลสมันไม่เข้าใครออกใคร จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 00:33:05

ความคิดเห็นที่ 22 กำลังสงสัยอยู่ว่า ใครบอกหว่าว่าบรรลุโสดาบัน จนเป็นเหตุให้ คุณ azazelzx   ออกมาด่าแบบนี้ คุณ azazelzx  นี่ก็แปลก ทั้ง ๆ ที่ ไม่มีใครพูดอะไรเรื่องโสดาบันเลยแม้แต่คนเดียว อยู่ ๆ ก็ออกมาด่า ๆ  ไม่รู้ว่าด่าใคร กระทู้นี้ ผมไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ นอกจากคำว่า "งงสาดดดดดดดด" แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 00:40:20 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 00:40:05 จากคุณ : chohokun เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 00:38:31

ความคิดเห็นที่ 23 :-) จากคุณ : ศักติ (NetPop) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 03:45:06

ความคิดเห็นที่ 24 สหายคนหนึ่ง ฯ  เนื่องกับ  จิตวิทยามวลชน (ถอดระหัสกรณีเผาราชประสงค์ไว้ ฯ)  กล่าวไว้ว่า (๑) ตั้งใครสักคน เป็น "หัวหมู่ทะลวงฟัน" (ในเรื่องใดนั้น) ให้เน้นพูดดดด (พิมพ์ เขียนนนน) บ่อยยยยย  เข้า ----- คนไทยสมัยนี้  ก็  "คล้อยตามได้ง่ายยยย" --- แล้ว "ก็ไม่ต้องรับผิดรับชอบใน ผลที่จะตามมา เพราะ ไม่ได้พูดสั่งให้ใคร ไปเอานี้  "เขาเผาเอง" ทั้งนัานนนน ฯลฯ จบความนำ ******************************************************* แล้ว  ท่าน  จขกท  รู้ ได้อย่างไร ว่า ใครนั้น  ไม่บรรลุโสดาบัน  ตรงตามที่ พระพุทธเจ้าตรัสไว้  ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา จึง ตั้งกระทู้ "แบบ ใข้ภาพ ที่ มีคำว่า กอ  สระอู  สื่สาร ฯ"             ท่าน จขกท  รู้ได้ ยังไง ว่า ใคร ใดนั้น  เขาไม่ใช่โสดาบัน จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 06:38:28

ความคิดเห็นที่ 25 กรูยังเที่ยวโพสด่าคนอื่น  55555 จากคุณ : วิสุทธิธรรม เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 14:57:22

ความคิดเห็นที่ 26 เยี่ยม  ไม่ยึดถืออะไรเลย ยกเว้น          ยึดถือ    ความไม่ยึดถืออะไรเลย จากคุณ : lekverpool เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 15:05:09

ความคิดเห็นที่ 27 ปล่อยวางแบบไม่ปล่อยวาง จากคุณ : WhiteVinegar เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 07:32:57

ความคิดเห็นที่ 28 ไอ้ที่พูดมาทั้งหมด ใช่คนโพสต์หรือเปล่าน้า น่าคิด ผมว่าคนเราอคติกับคนมาก ๆ ไม่ค่อยจะดีเท่าไร ใครจะด่า ใครจะโพสต์ด่าคนอื่น ข้าไม่สน ข้าชอบอยุ่อย่างเดียวเท่านั้น ......................... ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้มีปัญญาเป็นเลิศในโลก ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้มีความเฉลียวฉลาดเป็นเลิศในโลก ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้มีความเพียรเป็นเลิศในโลก ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้มีปฏิภาณเป็นเลิศในโลก ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้แตกฉานในปฏิสัมภิทา 4 เป็นเลิศในโลก ข้าพเจ้าขอสรรเสริญพระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ฯลฯ - วาจาใดที่ข้าพเจ้ากล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า ขอวาจานั้นทั้งปวงจงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าทุกภพทุกชาติไปด้วยเถิด ขอความปราถนาที่ข้าพเจ้าปราถนา จงสำเร็จแก่ข้าพเจ้าด้วยเทอญ สาธุ. จาก....นิรันตราย หรือ ภูริทัต                   (คนเราเกิดหลายคนจะทำบุญ สร้างความดี มัวแต่คิดโน่นคิดนี่ คิดเล็กคิดน้อย พอดีไม่ได้ทำ แต่ไม่คิดเลยก็ไม่ได้ เพราะพระหรือฆราวาส ทำตัวไม่น่า............... ความคิดเป็นเรื่องธรรมดา ขอความสุขสวัสดี จงบังเกิดขึ้นแก่ท่านทั้งหลาย บ้ายบาย) จากคุณ : สวัสดีครับสวัสดีค๋ะ เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 11:12:13

ความคิดเห็นที่ 29 เคร่งครัด กับตัวเอง ผ่อนปรน กับผู้อื่น เมื่อความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ก็จะค่อยๆ เข้าทางที่ตรงได้เอง เริ่มต้น ทุกคนก็ สะเปะสะปะ บ้างเป็นธรรมดา ขออนุญาต เสนอนะครับ จากคุณ : ... (malila) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 55 21:49:33

ความคิดเห็นที่ 30 กระทู้ที่ทำให้เพื่อนในห้องศาสนา ต้องรีบแสดงความเห็นเลยเชียว บางคนไม่เคยแสดงความเห็นเลยดูจากรายชื่อแล้ว จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 11:49:54