ความคิดเห็นที่ 1 ระหว่างรอผู้รู้ ผมขออธิบายตามความเข้าใจของผมก่อนนะครับ กรณีแรก การกระทำสงคราม เมื่อชนะแล้ว สังหารหมู่ นั้น ถือว่าผิดหลักการศาสนาแน่นอน ไม่ต้องสืบเลย เพราะ การสงครามในศาสนานั้น 1.ให้กระทำได้ต่อเมื่อเป็นผู้ถูกรุกราน 2.ให้หยุดเมื่ออีกฝั่งวางอาวุธ ที่จริงยังมี เยอะกว่านี้อีก แต่วเอาแค่สองข้อนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่ากรณีนาลันทา ไ่ม่ใช่สงครามศาสนา เป็นแค่สงครามขยาย อาณาเขต ของกลุ่มประเทศ ................................................... ประเด็นที่สองคือเรื่องการใช้คำ การใช้คำว่ากองทัพมุสลิม ซึ่งมักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ว่าเป็นกองทัพศาสนา เราลองมามองย้อนกลับบ้าง กองทัพจีน มองโกล ญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่นับถือพุทธ ทำไม เราไม่เรียกว่า กองทัพพุทธ สาเหตุที่คนไม่เรียกนั้นเข้าใจได้ว่า พุทธไม่ได้อนุญาตให้ฆ่าไม่ว่าในกรณีใดๆ แต่ต้องเข้าใจเบื้องต้นเช่นกันว่า อิสลามก็ไม่อนุญาตให้รุกรานใครเช่นกัน ดังนั้นเป็นเรื่องของความย้อนแย้ง ของการใช้คำ และ มักถูกเข้าใจผิดเสมอ สรุป กรณีนาลันทา เป็นเรื่องขอกองทัพของผู้นับถืออิสลามที่ขยายอาณาเขต เพื่อต้องการอำนาจ  ไม่ใช่เรื่องของศาสนาแตอย่างใดครับ ไม่ว่า ผู้กระทำจะอ้างอย่างไรก็ตาม อิสลาม ห้ามไม่ให้ รุึกราน ก็ยังมีมุสลิมคนจับดาบจับอาวุธทำสงครามไล่ฆ่าคน พุทธ ห้ามการฆ่า  ก็ยังมีคนพุทธ จับดาบจับอาวุธทำสงครามไล่ฆ่าคน ทุกศาสนามีคนดีคนเลว ปะปน ไม่ใช่ว่าผู้เป็นมุสลิมทุกคนจะเป็นคนดี   เพราะขึ้นชื่อว่าคน ไม่ว่าอยู่ศาสนาไหน ก็ล้วนมีทางเลือกว่าจะใช้ชีวิตไปเส้นไหน และผมรุ้สึกแย่ ที่คนมักจะเอาเรื่องนี้ มาหากินทางศาสนา และสร้างความจงเกลียดจงชังระหว่างศาสนา โดยไม่ถามแม้แต่สักคำว่าจริงๆแล้วอิสลามสอนว่าอะไร แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 12:17:54 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 11:53:08 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 11:51:25 จากคุณ : Yaoharee เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 11:49:57

ความคิดเห็นที่ 2 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2011/09/Y11054374/Y11054374.html จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 11:52:18

ความคิดเห็นที่ 3 มุสลิมไม่เข้าใจศาสนาก็มีค่ะ และก็อย่างที่ คุณ Yaoharee ได้อธิบายไป นั้นก็ชัดเจนดีมาก แต่ดิฉันว่า สาเหตุที่หลักๆที่นำมาซึ่งความเสื่อม หรือสูญสลายของศาสนาพุทธในอินเดีย   นั้นมาจากความไม่เข็มแข็งของคนในศาสนาเขาเอง และ การถูกกลืนกินโดยศาสนา พราหมณ์-ฮินดู ด้วย นี่คือ สาเหตุสำคัญ http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=1933 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 12:02:32 แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 12:00:35 จากคุณ : Ms.Kohlanta เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 11:58:39

ความคิดเห็นที่ 4 เรื่องผ่านมาพันกว่าปีแล้ว จะเอาความผิดของคนพันปีก่อน มาบังคับให้คนรุ่นนี้อธิบาย ไม่มีประโยชน์ พระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าปเสนติโกศล ฯลฯ หรือกระทั่งกษัตริย์ อยุทธยา พม่า เป็นพุทธทั้งนั้น ยังทำสงคราม ฆ่าคนหลายหมื่นได้ เกี่ยวกับศาสนาหรือเปล่า จากคุณ : Ghost (Ant-san) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 12:59:07

ความคิดเห็นที่ 5 ชัดเจนดีครัีบ คุณ Yaoharee จากคุณ : tothza_one เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 13:01:59

ความคิดเห็นที่ 6 ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจ ความหมายว่า "สงคราม" นั้นคืออะไร เมื่อเกิด สงคราม ผลลัพท์คืออะไร และอะไรที่สูญเสีย  อะไรที่ได้ สงครามศาสนาก็เห็นมีเพียงสงครามครูเสดเท่านั้น นอกนั้นคือสภาวะสงครามตามปกติ ไม่ต้องไกลไปไหน สงครามของประเทศไทยเรา รบชนะ กุดหัวเจ็ดชั่วโคตร ขุนนาง เชลยศึกที่ไม่ภักดี ก้ถูกกุดหัวเช่นกัน พระเจ้าอโศกมหาราช ก็ทำสงคราม อเล้กซานเดอร์ ก็ขยานดินแดน ไทยเราเองขยายดินแดนกี่รอบ ในสงครามอย่าว่าแต่ฆ่าเลยข่มขืนก็มี แล้วที่สงคราม ในจีนกันเอง ในเกาหลี ในญี่ปุ่น ทำไมไม่ขึ้นชื่อว่ากองทัพ ศาสนาบ้างละ กรณีนาลันทา คนที่ขยันเขียนประวัติศาสตร์ กับขยันโพส นั้นใส่จริตลงไปด้วย เพื่อเหตุผลลากประเด้นเข้าสู่สงครามศาสนา ระหว่างพุทธ กับอิสลาม เฉกเช่นคนขยันโพส  เรื่องนาลันทา ในเวบนี้ หรือในเวบไหน แสดงเจตนารมย์ว่าต้องการสงครามศาสนาอีกรอบหรือไร ทว่าถ้าอ้างเพื่อเตือนสติ ก็ควรเป้นบทเรียนในห้องเรียน ไม่ใช่ย้ำคิดย้ำทำ ในที่สาธารณะ จากเวบ ที่มีคนชอบอ้างอิงก้บอกอยู่แล้วว่ว นาลันทา ล่มสลาย เพราะคน 2 คน รบกวนอ่านดีๆ "จากการบันทึกของท่าน ตารนาท ธรรมสวามินปราชญ์เขียนเอาไว้ว่า พอกองทัพมุสลิมยกทัพกลับไปแล้ว พระ นักศึกษา และพระอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 70 องค์ ก็พากันออกมาจากที่ซ่อน ทำการสำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่ รวบรวมเท่าที่จะหาได้ ปฏิสังขรณ์ตัดทอนกันเข้าก็พอได้ใช้สอยกันต่อมา และ ท่านมุทิตาภัทร รัฐมนตรีของกษัตริย์ในสมัยนั้นได้จัดทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง ส่งไปจากแคว้นมคธ เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่นาลันทาขึ้นมาใหม่แต่ก็ทำได้บางส่วนเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งได้มีปริพาชก 2 คนได้เข้ามาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของตนขึ้นและคงคิดว่าเพียงพอแล้วที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้รวบรวมเศษไม้แล้วก่อไฟขึ้น พร้อมทั้งขว้างปาดุ้นฟืนที่ติดไฟไปตามสถานที่ต่างๆ โดยรอบ จนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้ไปทั่วมหาวิทยาลัยนาลันทา ก็เป็นอันแหลกลาญเป็นผุยผง สุดที่จะทำการซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ให้คืนดีได้ดังเดิม มหาวิทยาลัยนาลันทา อันเลื่องชื่อลือนาม ก็เป็นอันสิ้นสุดลง ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า มาตั้งแต่บัดนั้นซากของนาลันทาที่ถูกขุดค้นพบในภายหลัง ยังประกาศยืนยันอย่างชัดเจนถึงความยิ่งใหญ่ของนาลันทาในอดีตในปลายพุทธศตวรรษที่ 25 " จากคุณ : Faraday     เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 00:29:31     ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ จากพารากราฟ และรูปภาพ ที่ตัดมา แสดงให้เห็นว่า นาลันทานั้นล่มสลาย ด้วยฝีมือ คน  2คน ในศาสนาเดียวกัน มิใช่พิษสงคราม เพราะสงครามนั้นได้จบลงแล้ว แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 55 13:17:27 จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 13:15:07

ความคิดเห็นที่ 7 พอสงครามเสร็จสิ้น คนที่นับถือพุทธศาสนาส่วนใหญ่ แปรสภาพเป็นฮินดูและ ซิกข์ เสียส่วนมาก เป้นมุสลิม บางส่วนเท่านั้นเอง ถ้าเป้นจริงแบบที่หลายท่านพยายามดึงให้เป็นประเด้นกองทัพมุสลิม ป่านนี้ทั้งชมพุทวีปกลายเป็น อิสลาม ไปหมดแล้วละครับ จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 13:23:11

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนอื่นต้องเข้าใจสังคมในขณะนั้น เติร์กเซลญูค คือกลุ่มที่เข้ายึดครอง ตะวันออกกลาง พวกนี้เมื่อก่อนไม่ใช่มุสลิม ก็เป็นพวกชนเผ่าเร่ร่อน ระบบ เศรษฐกิจของชนเผ่าเร่ร่อนอยู่ที่การปล้นสดมภ์ ชนเผ่าพวกนี้ไม่มีศาสนา มาก่อน ถึงแม้รับมุสลิมแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ลึกซึ้งอะไร ยังมีแบ่งเป็นพวกเป็น เหล่า บางครั้งก็ปล้นสดมภ์กันเอง บางครั้งเมื่องที่เป็นญาตกันก็ทะเลาะกัน ทำสงครามกันเอง การเข้าโจมตีนาลันทา ไม่ได้มีความประสงค์อะไรมาก ไปกว่าการปล้นสดมภ์ ได้ทรัพย์สินความร่ำรวยแล้วก็ปล่อย ไม่มีการตั้งใคร ปกครอง ไม่มีเจตนาล้มศาสนาพุทธเพื่อขยายอิสลาม ...ต้องไปศึกษาให้ดี ในประวัติศาสตร์และสังคมความเป็นอยู่ของพวกนี้ ถ้าต้องการเข้าใกล้ความ จริงให้มากที่สุด อีกอย่างในเรื่องนาลันทานี้ แรกเริ่มก็เป็นศูนย์กลางพทธศาสนานิกายมหา ยาน ที่หลวงจีนฟาเหียนได้เขียนถึงว่า มีความรุ่งเรืองอย่างไร หลังๆมาศาส นาพุทธมหายานก็กลายไปเยอะ ยิ่งต่อมากษัตริย์ในราชวงศ์คุปตะเข้าไปมี มีส่วนค้ำจุนด้วย ก็เป็นจุดเริ่มที่นิกายตันตระเข้าครอบงำ จนในที่สุดก็กลาย เป็นเมืองพุทธศาสนานิกายตันตระไปหลังพุทธศตวรรษที่ 10-11 ... ตอนทัพ เติร์กเข้าทำลาย นาลันทาก็เป็นเมืองศาสนาพุทธนิกายตันตระ ที่แทบจะไม่ ต่างจากฮินดู จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 14:47:59

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนไทยรบกับพม่า ถูกพม่าเผากรุง เผาวัด ลอกทองพระพุทธรูป ก็เป็นพุทธทั้งคู่นะครับ ยังทำกันได้ขนาดนี้ เรื่องการเมืองและความบ้าอำนาจ มันคงไม่เกี่ยวกับศาสนาหรอกครับ จากคุณ : สู่ฝัน...อันยิ่งใหญ่ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 15:13:12

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าตามหลักปรัชญา การล่มสลายของอณาจักร การล่มสลายของกรุวศรีอยุธยา 2 ครา การล่มสลายของชาติ การล่มสลายของศาสนาลัทธิต่างๆ การล่มสลายของกิจการบริษัทฯ การล่มสลายของตัวเรา ถ้าพิจรณาให้ดีๆ เกิดจากตัวเราทำตัวเองทั้งสิ้น แต่มนุษย์เรานี่แปลก ชอบโทษนู้นนี่ แต่สิ่งที่ลืมโทษ และเป็นสิ่งที่สำคัญเสียด้วยคือโทษตนเอง ว่าไม่มีใครทำอะไรเราได้ถ้าเราไม่ทำตนเอง ขอขอบคุณและคาราวะเพื่อนพุทธศาสนิกชน ทั้ง 2 ท่านและที่เข้ามาอ่านและใจเป็นธรรม โลกนี้คงสันติอยู่ได้ โลกนี้คงยืนอยู่ได้ จนถึงทุกวันนี้เพราะมีคนดีเช่นท่าน ถ้าโลกนี้เต็มไปด้วยคนอาฆาตมาดร้าย โลกนี้คงดับสูญไปนานแล้วละ ขอเอกองค์อัลลเลาะห์ทรงโปรด จากคุณ : พี่จิม (Jimbovy) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 15:26:42

ความคิดเห็นที่ 11 ความเห็น9 เรื่องไทยรบกับพม่า มีการเผาวัดกันจริง หรือแค่ ปล้นพระพุทธรูปทองคำไปหลอมทำใหม่ จากคุณ : Lamelez เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 22:38:51

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องนาลันทานั้น ถ้าได้อ่านบทความต่างๆ ที่พยายามบอกว่าอิสลามเป็นผู้ร้ายแล้วล่ะก็จะพบว่า แทบทุกบทความบอกตรงกันว่า กองทัพอิสลามบุกเข้ามาทำลาย และ "ปล้น" ดังนั้น เราคงจะทราบแล้วว่า นี่เป็นกองทัพของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ที่อาจจะทำถูก หรือผิดก็ได้ ไม่ใช่ว่าเป็นกองทัพที่ทำถูกหลักอิสลามเสมอไปนะครับ        3) หากคำอ้างเข้าข่ายว่าเป็นสงครามเพื่อศาสนา (อัลญิฮาด) จริงดังว่า ก็ไม่อนุญาตเช่นกันในการละเมิด เพราะในพระบัญญัติที่ ๑๙๐ จากบทอัลบะกอเราะฮฺ ซึ่งเป็นตัวบท ว่าด้วยเรื่องสงครามเพื่อปกป้องศาสนาได้ระบุชัดเจน ว่า “และพวกสูเจ้าจงสู้รบในวิถีทางของพระองค์อัลลอฮฺกับบรรดาผู้ซึ่งสู้รบกับพวกเจ้าและสูเจ้าทั้งหลายจงอย่าละเมิด แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺมิทรงรักบรรดาผู้ละเมิด” คำว่า “ละเมิด” (อัลอิอฺติดาอฺ) ในพระบัญญัติหมายถึง การประพฤติสิ่งต้องห้ามทั้งปวง ดังที่ท่านอัลหะซัน อัลบอซอรีย์ได้ระบุไว้ ไม่ว่าจะเป็นการประจานศพของศัตรู (อัลมุซละฮฺ) -ดังกรณีการฆ่าตัดคอเหยื่อ- การทรยศหักหลัง, การเข่นฆ่าสังหารสตรี, เด็ก, คนชรา อันหมายถึง บรรดาผู้ซึ่งไม่มีความสามารถในการสู้รบ ซึ่งนักบวชหรือพระสงฆ์ ก็เข้าอยู่ในกรณีนี้ ตลอดจนการเผาทำลายต้นไม้และฆ่าสัตว์โดยไร้ประโยชน์ ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเข้าอยู่ในข้อห้ามที่ว่า “และสูเจ้าทั้งหลายจงอย่าละเมิด” ทั้งสิ้น (ร่อวาอิอุ้ลบะยาน ตัฟซีรอายาต อัลอะฮฺกาม, มุฮัมมัด อะลี อัซซอบูนีย์ เล่มที่ ๑/๒๓๓) ฉะนั้น หากผู้ก่อการ อ้างว่าสิ่งที่ตนกระอยู่ในขณะนี้เป็นสงครามเพื่อศาสนา นั่นก็เป็นเพียงคำอ้างที่เจือสมเอาเอง และเป็นสงครามที่ขาดความชอบธรรม http://www.alisuasaming.com/index.php/article/ethnic/511-appendix-jihadin-islam จริงๆ ถ้าใครชอบเรื่องประวัติศาสตร์จะพบว่า การเข้าปล้นเมืองเข่าฆ่าล้างเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ กลุ่มชนเร่ร่อน เช่น มองโกล ชอบกระทำกันครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 00:20:34