กระทู้โน้น "ตามลิงค์"
ความคิดเห็นที่ 21 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน
เอาใหม่ครับ ถามใหม่ดีกว่า (คคห.ที่ผ่านมายกไว้ก่อนนะครับ) คำถามที่เรียนถาม คือ
เมื่อบุคคลกระทำความเพียรอยู่ในอนาคามีมรรค ผลต่อมาคือการบรรลุเป็นพระอนาคามี(อนาคามีผล) ใช่ไหมครับ ?
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 16:57:11
จากคุณ : นายอิ่ม เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:16:09 [แก้ไข]
******************************************************** เสนอให้ คุณนายอิ่ม กำหนด ตาม พระสูตรต่อไปนี้ นะครับ
(๑) อัสสุตวตาสูตร เนื่องกับ (๒) พระสูตรที่ตรัสว่า "ศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ คือ ผู้อนาคามี (๓) ทั้ง ๒ พระสูตร ข้างบน เนื่องกับ พระสูตร ที่ตรัสว่า จิตนี้เป็นประภัสสรฯ
ปัญหามีว่า "คุณนายอิ่ม" จะ อาสัย พระสูตรไหน เพื่อพิจารณา ต่อไปว่า ปุถุชน สดับ "ตามที่ตรัส ตามที่พระเถระครั้งปฐมสังคายนารักษามา อย่างไร จึง มีใจสูง คือ เป็นมนุษย์
แล้ว มนุษย์นั้น เพราะสดับ "ตามที่ตรัส" จึง บรรลุ สู่ อริยสาวก ผู้--รู้ชัดตามที่เป้นจริง ว่า จิตประภัสสร ที่เข้าถึงความเศร้าหมอง สมัยปุถุชนนั้น บัดนี้ "พ้นวิเศษ ไม่ใช่ ข่มไว้ได้" จาก นิวรณ์ อันเป็นอุปกิเลส ดุจ แขกผู้จรมา (สู่ จิต ที่เป้นธรรมชาติ ประภัสสร)
อริยสาวก คือ กลุ่มพระโสดาบัน (พระสัทธานุสารี พระธรรมานุสารี พระโสดาบัน) ที่ ผ่าน "ความเป็นมนุษย์ ที่ผ่านความเป็นปุถุชน" มาแล้ว ตาม อัสสุตวตาสูตร ตาม มหาตัณหาสังขยสูตร เป็นต้น
แล้ว อริยสาวก คือพระโสดาบัน คือ "ผู้มีศีลสมบูรณ์ สมาธิพอประมาณ ปัญญาพอประมาณ" ตามที่ตรัสนั้น จะ บรรลุ เป็น อริยสาวกคือ พระอนาคามี "ผู้มีศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ" นั้น ---- ตาม พระสูตรไหนนั้น เช่น ตาม มหาจัตตารีสักกสูตร
ที่ ต้องไม่ขัดกับ ที่ตรัสว่า
ฯ เมื่อเขาเจริญอริยมรรคอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ แม้น สติปัฏฐานสี่ (ตามโพธิปักขิยธรรม ๓๗) ย่อมถึงซึ่งความบริบูรณ์ ฯ
ธรรม ๒ ของเขา คือ สมถะด้วย วิปัสสนาด้วย ย่อมเคียงคู่กันไป ฯ ใน ปัจจุบันขณะ แห่ง อนาคามิมรรค คือ "ผู้มีศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ"
เมื่อ เหตุ ถูกต้อง คือ อนาคามิมรรค ถูกต้อง ตาม มหาจัตตารีสักกสูตร เป้นต้น ผล คือ อนาคามิผล (สิ้น ฉันทะราคะ คือสังโยชน์ ซึ่งขันธ์ทั้ง ๕ = สังโยชน์เบื้องต่ำ ๕ เกลี้ยงจาก ภาวะ คือ ความมี ความเป็น แบบ ทิฏฐธรรม หรือว่า อุปปัชชะ หรือว่า อปรปริยายะ --- ที่ พระอนาคามีนั้น "ที่ ยังมี ความเกิดแห่ง อายตนะหก ที่อาสัยกายนี้ เท่านั้น เพราะมี ชีวิตเป็นปัจจัย ----- ตาม จูฬสุญญตสูตร ----
คุณนายอิ่ม อ่าน ที่ผมเสนอ ข้างบน ซึ่ง ผม เสนอว่า = ข้อความ ที่คุณนายอิ่ม เสนอว่า --- มื่อบุคคลกระทำความเพียรอยู่ในอนาคามีมรรค ผลต่อมาคือการบรรลุเป็นพระอนาคามี(อนาคามีผล) ใช่ไหมครับ ?
คำตอบ คือ --- ใช่ครับ
ที่นี้ คำว่า โอปปาติกะ แปลว่า อะไร ตาม พระสูตรใดนั้น ก็ตาม (๑) ถ้า หลังจาก ตายเข้าโลงแล้ว ---- เกี่ยวกับ อัทธา ๓ ตามที่ วิสุทธิมัคค์ เสนอไว้ หรือว่า (๒) ถ้า หลังจาก ตายเข้าโลงแล้ว ---- เกี่ยวกับ "วิบากแห่งกรรม ตามนิพเพธิกสูตร" ละครับ
อย่าลืมว่า วิสุทธิมัคค์ ไม่ใช่อธิบายพระไตรปิฎก ตอนใดตอนหนึ่งโดยเฉพาะ
ทีนี้ อะไร ที่ "กายนี้ ตาม อัสสุตวตาสูตร" ใน ภูมิธรรม พระอนาคามี
ที่ผม เสนอให้ พิจารณา จูฬสุญญตสูตร ตรง "พระอรหันต์ ผู้ เจโตสมาธิที่ไม่มีนิมิต สิ้นอาสวะ เพราะ รู้ว่า อะไรนั้น ปรุงแต่งจูงใจได้ "พระอรหันต์ ท่าน เมื่อ ท่าน คือ พระอนาคามี ใช่ไหม?"
ตรง --- ไม่ ว่างอยู่อย่างเดียว คือความกระวนกระวาย (ทรถา) อันเนื่องกับ ความเกิดแห่ง อายตนะหก "แบบนั้น" ไม่ใช่ แบบสมัยปุถุชนด้วย ไม่ใช่สมัย มนุษย์ด้วย ฯ
นี้ เท่านั้น เพราะ มีชีวิต เป้นปัจจัย ฯ
ทำไมไม่แปลว่า พระอนาคามี "ตามจูฬสุญญตสูตร" (ไม่ใช่ ตามที่ ใครใดนั้นว่า อ้าง วิปัสสนาญาณนั่นนี้ รวมทั้ง ที่อ้างพระสูตร เดียว คือ พรหมณ์ อะไรนั่น ฯ
พระอนาคามี (สมัยนั้น ตาม มุมมองของผม)
ท่าน ย่อม รู้ คติ (เครื่องไป) ของท่าน "ในอนาคต" ว่า
(๑) ในทิฏฐธรรม คือ ปัจจุบัน (ทันควันทันที หลังบรรลุผล) คือ อย่างนี้ๆ --- "ต่างกับ ปุถุชน ฯ ตามที่ตรัสว่า๐ อวิชชา นั่นแหละ เป้น คติ (เครื่องไป) ของสัตว์เหล่านั้น
หรือว่า (๒)ถัดต่อมา ในเบื้องหน้า จาก ทิฏฐธรรม (หลังจากบรรลุ อนาคามิผล) คือ อุปปัชชะ -- คติ (เครื่องไป) ของ พระอนาคามี ที่ ยัง เป็น อริยะสัตว์ (ผู้ข้องอยู่กับขันธ์ทั้ง ๕) ใน ธรรมวินัยนี้ ---คตินั้น กำหนดที่ มนายตนะแบบอนาคามีนั้น (ตามจูฬสุญญตสูตร) ย่อมสัมปยุตต์ด้วย (ประกอบพร้อมด้วย) "ผู้มีศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ" คือ อย่างนี้ๆ
ตารมที่ตรัส พระสูตร ใดนั้น (หากไม่บรรลุ อรหัตตผล ต่อ / เดี๋ยวจะ อ้าง ตอนนี้ นึกพระสูตรนั้นไม่ออก ดูเหมือน อานิสงส์ ของอานาปานสติฯ)
หรือว่า
(๓) ถัดต่อมาอีกจาก อุปปัชชะ (คือ อปรปริยายะ) คติ (เครื่องไป) ของ พระอนาคามี ที่ ยัง เป็น อริยะสัตว์ (ผู้ข้องอยู่กับขันธ์ทั้ง ๕) ใน ธรรมวินัยนี้ ---คตินั้น กำหนดที่มนายตนะแบบอนาคามีนั้น ที่สัมปยุตต์ด้วย "ผู้มีศีลสมบูรณ์ สมาธิสมบูรณ์ ปัญญาพอประมาณ"
ดังนั้น คำว่า โอปปาติกะ "ตามที่ตรัส" ไม่ว่าพระสูตรไหน ---- ต้องตรัส แบบ สาสวาสัมมาทิฏฐิ หรือ อนาสวาสัมมาทิฏฐิ ก็ตาม "ต้องไม่ใช่ สัสสตทิฏฐิ"
คุณนายอิ่ม ลองอ่าน ที่ผมเสนอดู แล้ว
ที่เสนอ = ตอบ คำถามที่ถามว่า --- เมื่อบุคคลกระทำความเพียรอยู่ในอนาคามีมรรค ผลต่อมาคือการบรรลุเป็นพระอนาคามี(อนาคามีผล) ใช่ไหมครับ ? ---- ไหมครับ
จากคุณ |
:
เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b)
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ก.พ. 55 16:05:28
|
|
|
|